เมื่อเข้าสู่เทศกาลวันสีฟ้า ทะเลสีใส ฟ้าสีสด ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้านายกับนายสีนิล ชอบอะไรมากกว่ากันระหว่าง "ภูเขากับทะเล" ได้คำตอบแบบน่ารักๆ กลับมาว่า “พี่ชอบภูเขามากกกกกกก..แต่..พี่รักทะเล” 5555 เจ้านายของนายสีนิลน่ารักป่ะล่ะ ประมาณว่ารักพี่เสียดายน้องน่ะนะ ส่วนนายสีนิล เค้าบอกว่า..ก็แล้วแต่เจ้านาย

เริ่มต้นเดินทางทริป blue season กันดีกว่าจาก กรุงเทพ ใชั ถนนหมายเลข 4 เส้นเพชรเกษม จาก ธนบุรี ผ่าน นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบ ชุมพร มาถึง แยก อ.ท่าแซะ ชุมพร เลี้ยวขวา เข้าหาดทุ่งวัวแล่น 25 กิโล

แวะพักนอนที่นี่คืนนี้ ราคาห้องพัก1,400-1,600 บาท เหมือนจะแพงไปนิด แต่อาหารเช้าที่นี่อร่อยมาก ทะเลหาดทุ่งวัวแล่นก็สวยทีเดียว ถ้าไม่มีเวลามากพอ มาที่นี่ก็ไม่เลวเลยนะ

และแล้วนายสีนิลก็เจอเนื้อคู่..ฟรุ้งฟริ้งๆๆๆๆ

เช้าตรู่วันที่ 16 เมษา 59 จากหาดทุ่งวัวแล่นเราจะไป เขื่อนรัชชประภา(เชี่ยวหลาน) วิ่งเข้าเมืองชุมพร แล้วมาออกตรงแยกปฐมพร ให้ใช้ ถนนหมายเลข4 ผ่าน อ. สวี หลังสวน ไชยา ท่าฉาง ข้ามสะพานข้ามแยก โคออฟ แล้วเลี้ยวขวา วิ่งเส้นเขาพนม-ตะกั่วป่า-พังงา-ภูเก็ต ถนนหมายเลข 401 ผ่าน อ. คีรีรัฐนิคม มาถึง อ.บ้านตาขุน แยกขวาเข้าไปเขื่อนไปประมาณ 15 กิโล

มาถึงเขื่อนก็บ่ายๆเย็นๆแล้ว แต่ใจอยากเห็นวิวยามเช้าสวยๆของเขื่อน ตัดสินใจนอนหน้าเขื่อนสักคืน ที่พักราคาประมาณ600-800 บาท สำหรับคนเดียว ก็พอนอนนะ

ไม่ใช่กองทัพเรือจากประเทศไหนมาบุกนะฮะ แล้วก็ไม่ใช่การถ่ายหนังเรื่องทองภาค100 แต่อย่างใด 555555 ขำๆ แต่มันคือ...ทัพเรือที่พานักท่องเที่ยวชมวิวรอบเขื่อนราคาเหมาๆก็ 1,500 บาท นั่งได้10-12 คน

เตรียมตัวไปต่อ..ไปต่อ

ออกเดินทางจากเขื่อนเชี่ยวหลาน มุ่งหน้าไปกระบี่ใช้ถนนหมายเลข 401 มาถึงอ.พนม แล้วเลี้ยวซ้ายมาใช้ถนนหมายเลข 415 ไปทาง อ.ทับปุด ถึง ทับปุด เลี้ยวซ้ายใช้ถนนเส้นหมายเลข4 เหมือนเดิมเพื่อไปกระบี่

นายสีนิลมาถึงกระบี่แล้วครัช..วันนี้ฟ้าสวยมากกกกกกกกกกกกกถึงมากที่สุด..happy&happy

ทักทายกันด้วยปูยักษ์ตัวดำ ที่ อ่าวนาง กระบี่

ใ ค ร ดำ ก ว่ า ใค ร..อิอิ....ทะเลสวยสมกับเป็นมรกตแห่งอันดามันจริงๆเลยนะว่าไหม

เจ้านายของสีนิลเปลี่ยนสเป็คแล้ว..ชอบขาวๆอวบๆแบบนี้ตะหาก..คริๆๆๆ

สัญลักษณ์กลางเมือง..นกออก

ใจจริงอยากนอนกระบี่ อยากนั่งเรือไปสิมิลัน แต่เวลาไม่พอแน่ๆกับจุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ อดใจไว้ก่อนโอกาสหน้ายังมี..ป่ะไปนอนภูเก็ตกัน

ณ บ่ายแก่ๆ ของวันที่ 17 เมษา 59 จุดหมายต่อไปคือภูเก็ต เราใช้ถนนหมายเลข 4 ออกจากกระบี่ย้อนกลับมา อ.ทับปุด ผ่านเข้า เมืองพังงา  อ. ตะกั่วทุ่ง ผ่าน บ้านโคกกลอย ข้ามสะพาน สารสิน ผ่านอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร ที่.อ.ถลาง ผ่าน อ.กรทู้ อ.เมือง มุ่งหน้าไปทาวใต้ของเกาะ ผ่านหาดราไวย์ ถึงแหลมพรมหเทพ ใต้สุดของเกาะ เลาะหาดด้านทิศตะวันตกของเกาะ จะผ่าน หาดกะตะ กะรน ป่าตอง กมลา สุรินทร์ ในทอน และ หาดในยาง มาออก เกาะภูเก็ตไข่มุกอันดามันจากเหนือจรดใต้มีความยาวประมาณ 60 กม. ความกว้างจากฝั่งขวาไปซ้ายประมาณ 30 กม. ภูมิประเทศเป็นภูเขาชายฝั่งติดทะเล แม้มีความเจริญเข้ามามากมายแต่บ้านเรือนยังคงกลิ่นไอของยุคสมัยดั้งเดิมให้ได้สัมผัสกัน

สิ่งแรกที่มาถึงเมืองภูเก็ต นายสินิลพามาไหว้พระขอพรให้กับทริปเดินทางไกลในครั้งนี้ด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนา วัดฉลองเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองพี่น้องชาวภูเก็ตให้ความเคารพนับถือกันอย่างมาก

เช้านี้ที่ไข่มุกอันดามัน..ไปเยี่ยมเมืองกันดีกว่า

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เมืองภูเก็ตมีติ่มซำเยอะมาก น่ากินทั้งน้านเลย

ร้านกาแฟที่แฝงตัวอยู่ในตึกเก่า

อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร

พอดีมาเจองานประกวดนกกรงหัวจุก..เสียงร้องเจื้อยแจ้ว..ฟังแล้วเพลิดเพลิน..ขุนนกเล่าให้ฟังว่างานประกวดนกจะมีจัดทุกอาทิตย์ คนดูๆฟรี ฟังฟรี แต่เจ้าของนกเสียค่าสมัคร 300 บาท ค่าสมัครก็แล้วแต่งานเล็กงานใหญ่ราคาไม่เท่ากันนะ แต่จำนวนผู้เข้าแข่งขันดูคร่าวๆแล้วน่าจะประมาณ1000ตัวขึ้นไปเลยทีเดียว

มาภูเก็ตทั้งทีจะไม่ไปหาดป่าตองคงเรียกว่ามาไม่ถึงซินะ

ตามด้วยหาดกมลา

และไปเก็บตะวันที่แหลมพรหมเทพ

คืนนี้พักผ่อนที่เมืองภูเก็ตเพราะไปต่อไม่ไหว..หน้าร้อนสอนให้รู้ว่า อย่ากินอาหารประเภทยำรสจัด..ซัดซะอ่วมเลย หมดแรงฮับ ขอเกลือแร่ด่วนๆ แวะโรงหมอกรุงเทพ เจอไป1,500 บาทกับ ยา 4 เม็ด หมดแรงเข้าไปอีก คืนนี้หาโรงแรมไม่ได้คนเยอะมาก เลือกนอนอพาร์ตเม้นท์คืนละ 700 บาท เรามันคนไทยแท้นอนที่ไหนก็นอนได้...ฝันดีนะ

ตื่นเช้าหน่อยเพราะเราจะไปเก็บทะเลที่พังงา จากอ.ถลาง ข้าม สะพานสารสิน ผ่านบ้านโคกกลอย ใช้ถนนหมายเลข 4 ฝั่งตะวันตก ผ่าน อ.ท้ายเหมือง มาถึงเขาหลัก หาดบางสัก  บ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า

ที่นี่เขาหลัก พังงา หลังจากเก็บภาพทะเลยามสาย ขอเข้าไปนอนเอาแรงที่สุวรรณปาล์มสักหน่อยยังรู้สึกเพลียๆอยู่นิดหน่อย ได้นอนอีกสักงีบคงจะดี

พรุ่งนี้เจอกันที่หาดบางสักและบ้านน้ำเค็ม.......ขอยกนิ้วให้กับหาดบางสักที่ยังคงงดงาม เงียบสงบ หาดทรายสะอาดทอดยาว ฟองคลื่นขาวๆ น้ำทะเลสีมรกต ขนาดเจ้านายของสีนิลเป็นลูกน้ำเค็มแท้ ยังร้องโอ้โห!!!

นายสีนิลกับเจ้านายเพลิดเพลินกับการเก็บภาพที่นี่อยู่พักใหญ่ ก่อนจะจากไปด้วยความเสียดาย โอกาสหน้าจะมาหาใหม่ ณ หาดบางสัก พังงา

แวะมาอนุสรณ์สึนามิ บ้านน้ำเค็ม เพื่อไว้อาลัยให้กับผู้ที่จากไป..ขอให้ไปสู่สุขคติ

ที่บ้านน้ำเค็มจะมีท่าเรือข้ามฟากไปเกาะคอเขา..ชาวบ้านที่นี่บอกว่าเกาะคอเขามีสีน้ำทะเลที่สวยมาก..อยากข้ามไปจัง แต่เราต้องไปต่อล่ะ แปะโป้ไว้ก่อนนะ

แวะเข้าชมเมืองตะกั่วป่าสักแปป..

จากตะกั่ว มา อ.คุระบุรี อำเภอสุดท้ายของพังงา เข้าสู่จังหวัด ระนอง อ.สุขสำราญ อ.กระเปอร์  ผ่าน.อ.กระเปอร์สัก 15 กิโล จะมีแยกเลี้ยวซ้ายไป10 กิโลถึงหาด บางเบน(อุทยานแห่งชาติแหลมสน)

สวนสน 100 ปี เจ้านายของสีนิลชอบต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่มากๆ เค้าบอกว่าให้ความรู้สึกเหมือนเจอญาติผู้ใหญ่ เจอบรรพบุรุษ ที่สวนสน100ปี มีต้นสนขนาดใหญ่อยู่มาก แม้ว่าช่วงที่เกิดสินามิจะถูกพัดพาโค่นล้มลงไปบ้าง ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าแนวสนใหญ่เหล่านี้ มีส่วนบรรเทาภัยของสินามิให้ลดลงไปไม่มากก็น้อย..ขอบคุณนะครับ

แนวธงแดงน้ำลึกอันตรายไม่เหมาะที่จะลงเล่นน้ำ...ส่วนธงเขียวเล่นน้ำได้ปลอดภัยหายห่วง

นายสีนิลเล่าว่าที่ระนองยังมีบ่อน้ำพุร้อนให้นั่งแช่เท้าผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยนะคับ ภูเขาหญ้า ช่วงหน้าร้อน หญ้าจะเป็นสีน้ำตาล แต่ถ้าหน้าฝนจะเขียวชุ่มฉ่ำเลยละน๊า..จากกระเปอร์ยังใช้ถนนหมายเลข4 เข้าสู่เมืองระนอง ผ่าน อ.ละอุ่น อ.กระบุรี เข้าตัวเมืองชุมพร กลับมาใช้ถนนหมายเลข4 มุ่งหน้ากลับกรุงเทพ

เซอร์ไพรส์!!! กันล่ะคับงานนี้..นายสีนิลได้เจอแฟนคลับของthetrippacker ตื่นเต้นกันใหญ่ ได้เห็นตัวเป็นๆของนายสีนิล ถ่ายรูปเป็นที่ระทึกเอ๊ยระลึกแทนลายเซ็นต์ก็แล้วกันนะคับ..การเดินทางก็เป็นแบบนี้ มีมิตรภาพดีๆ รออยู่ข้างหน้าเสมอ..เจอกันที่ไหนทักทายได้นะคับ แล้วพบกันใหม่เมื่อGreen season มาเยือนนะขอรับ

"ความรักมีมากมายหลายแบบ..แบบนายสีนิลเขาเรียกว่า..รักเมืองไทย"