เมื่อรถไฟได้พาพวกเราไป ถึงก็ช่าง เลยก็ช่าง
รถไฟคือสิ่งแรกที่เรานึกถึงสำหรับการไปในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก จุดหมายของพวกเราคือนครชัยศรีแค่นี้นี่เอง ทริปนี้ไม่ได้แวะเที่ยวไหนเลย แค่เปลี่ยนที่กิน ที่นอน ที่ขับถ่าย แต่อยากไปปล่อยอารมณ์ นั่งมองดูแม่น้ำหรือหาของกินอร่อยก็แค่นั้น ความสุขมันหาได้ไม่ยากหรอกนะ อยู่ที่เราจะเลือกใช้ชีวิตกันอย่างไร
งานนี้เรานัดกันห้าคนที่สถานีรถไฟธนบุรีหรือสถานีบางกอกน้อย เรานำบัตรประชาชนไปแลกตั๋วรถไฟฟรี ขบวนที่เราจะไปคือ 257 ธนบุรี-น้ำตก รอบ 7.50 น. ระหว่างรอรถไฟมา พวกเรารองท้องกันเบาๆด้วยกาแฟและโอวัลติน รถไฟมาค่อนข้างตรงเวลา ไม่ช้าพวกเราก็ได้ขึ้นขบวนกันแล้ว ดีใจนะ ไม่ได้นั่งรถไฟก็นานละ นั่งมาลงสถานีนครปฐม เพื่อแวะไหว้พระที่พระปฐมเจดีย์ก่อน องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นปูชนียสถานอันสำคัญอยู่ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร เชื่อว่าเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระโคตมพุทธเจ้า หลังจากเข้าวัดจนร้อนได้ที่แล้ว ก็ไปกินเตี๋ยวเรืออยุธยากันที่ร้าน ไม่ต้องถ่อไปกรุงศรีก็ได้กินที่นครปฐมเนี่ยล่ะ อิ่มพอสะกิดกะเพาะได้หน่อยก็ไปรอรถประจำทางเพื่อจะไปตลาดท่านา ไม่นานนักรถก็มาแระ คนละ 12 บาทเอง และแล้วก็มาถึงจุดหมาย ใช้เวลาเดินทางไม่นานเลย ไม่ลำบากด้วย ชิวมากๆ แต่ทว่าตอนนี้เที่ยงๆ ร้อนจัดๆ เลย เข้าที่พักเลยดีกว่า จองบ้านสวนไทไว้ค่ะ ไม่ไกลจากตลาด นั่งวินมอไซค์เข้าไปแป๊บเดียวก็ถึง หรือจะเดินก็สามารถ เพราะไม่ไกลเลยจริงๆ ห้องที่จองไว้คืนละ 800 เอง เสริม 300 บาท พร้อมฟรีอาหารเช้า มีจักรยานให้ขี่เล่นด้วย ห้องน้ำก็มาตรฐานทั่วไป แต่น้ำจะหยุดไหลเป็นช่วงๆ อาบๆน้ำอยู่ อ่าว น้ำหยุดไหลซะงั้น แต่รอแพ่บนึงน้ำก็มา อิอิ มันก็ต้องมีอุปสรรคกันบ้างเน้อ ไม่งั้นชีวิตจะราบเรียบเกินไป บรรยากาศโดยรวมรื่นรมย์ดีนะ หาที่นั่งเล่นได้เยอะแยะมากมาย เหมือนเป็นบ้านเราเอง เจ้าของโฮมสเตย์ก็ใจดีอีกด้วย พักร่างจนถึงเย็น ก็ได้เวลาออกไปเดินเล่นที่ตลาดกัน ขออุ่นเครื่องก่อน โยกซ้ายโยกขวา ไปกันจ้า เดินจากโฮมสเตย์มาถึงสะพาน "รวมเมฆ" สะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรีหรือแม่น้ำท่าจีน ในน้ำมีปลา มีจริงๆ ละ และก็ตัวใหญ่มากด้วย แค่เดินข้ามสะพานมา เราก็ถึงตลาดท่านาแล้ว เมืองนี้ดูเงียบๆนะ คนก็น้อยมากๆ แต่รถเยอะนะ วิ่งไวๆเลย เวลาข้ามถนนต้องมองซ้ายขวาให้ดี ตรงริมแม่น้กเราสามารถนั่งให้อาหารปลาได้ มีขายถุงละ 20 ยิ่งมานั่งมองใกล้ๆ ยิ่งเห็นความอ้วนของปลาทุกตัว ตัวใหญ่จริงๆ เลย นั่งเล่นไป มองวิวแม่น้ำไป ปล่อยความคิดให้ลอยไปไกลๆ ท้องก็ร้องไป อิอิ เริ่มหิว ไม่ไหวละ เดินไปอีกฝั่งของตลาดดีกว่า ผ่านที่ว่าการนี่ไปก็จะไปเจออีกตลาดนึง มีขายทั้งของสดของแห้ง เสื้อผ้าก็มี ร้านอาหารริมน้ำก็อร่อยด้วยนะ กินกันอิ่มแล้วก็กลับมาเม้ากันต่อที่บ้าน หัวข้อสนทนาก็ไม่มีไรมาก มีแต่เผาๆ กันเองแหละค่ะ และแล้ววันนี้ก็ผ่านไปด้วยความสนุกสนาน คิคิ เช้าของอีกวัน วันนี้ก็ต้องกลับกรุงเทพฯ ละ เวลามันช่างรวดเร็วเสียจริง แหม่.. อยากอยู่ยังงี้ซักเดือน 555 แต่จะหาอะไรยาไส้ล่ะ ต้องกลับไปทำงานหาเงินไปเที่ยวอีกเรื่อยๆๆๆ แหละคนเรา มื้อเช้าของบ้านสวนไทคือโจ๊กใสไข่จ้า อร่อยนะ เหยาะซอสนิด พริกไทยหน่อย ง่ำๆ สองสามคำก็หมดละ ลื่นๆ หายไปในกระเพาะ รับทานเสร็จก็มาเบินกันอีกนิดหน่อย ที่นี่มีดีตรงมีปิงปองให้เล่น จะบอกว่าที่เลือกพักที่นี่เพราะอยากเล่นปิงปองด้วยล่ะ ชอบๆ หลักจากเช็คเอาท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราทั้งห้าคนก็เดินข้ามสะพานรวมเมฆมายังตลาดท่านาอีกครั้ง เพื่อหาแท็กซี่นั่งไปยังสถานีรถไฟนครชัยศรี บรรยากาศตอนเช้าช่างเงียบสงบและเตียนโล่งซะเหลือเกิน แต่ละคนไม่มีใครซื้อของฝากกลับบ้านเลย เป็นโรคขี้เกียจแบกของบอกตามตรง แต่เช้านี้ได้ยินรถหวอแต่ไกลนะ และก็เห็นรถพยาบาลแล่นผ่านหน้าไป เลยคิดว่าน่าจะมีอุบัติเหตุในเมืองนี้เป็นแน่แท้ เรานั่งแท็กซี่มาลงสถานีนครชัยศรี แล้วก็ได้ทำการสอบถามชาวบ้านว่าเกิดอะไรขึ้น ข่าวที่ได้ยินคือมีรถไฟชนรถบัสตรงบริเวณงิ้วรายนี้เอง ข่าวร้ายคือ ตายสี่ บาดเจ็บอีกราว 30 กว่าๆ เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณเจ็ดโมงนี่เอง ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่าประมาทกับการใช้ชีวิตนะคะทุกคน รถไฟขากลับจากน้ำตก มาถึงสถานีนครชัยศรีเวลาเก้าโมงครึ่ง เรานั่งรถไฟไปได้สักพักก็ได้เห็นขบวนรถไฟที่เป็นข่าว จอดนิ่งอยู่ มีรอยบุบอย่างเห็นได้ชัด และพอมาถึงบริเวณงิ้วราย เราก็ได้พบซากรถบัสที่ถูกชนยับ อยู่ในสภาพที่ยับเยิน บริเวณนี้มีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เนื่องจากไม่มีไม้กั้น แต่ในวันที่เกิดเหตุไม้กั้นมันมีนะ แต่ไม่ได้เปิดใช้งาน สุดท้ายก็ต้องเป็นแบบนี้อีก ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียด้วยค่ะ ทริปนี้แม้จะเป็นทริปสั้นๆ แต่ก็มีเรื่องราวมากมายให้จดจำ ห้าคนห้าชีวิตที่แตกต่างกัน มีเรื่องราวของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน แต่สุดท้ายทุกคนก็มาเที่ยวด้วยกันอย่างสนุกสนาน ทุกคนมีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ พวกเราทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แม้จะเป็นเวลาแค่ไม่นาน แต่อย่างน้อยเราก็ได้ชาร์ตแบตกันเต็มร้อย ก่อนที่จะกลับไปอยู่กับความวุ่นวายในเมืองกันต่อไป ถามว่าพร้อมไหม ก็พร้อมแหละ สู้สู้
สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับงานนี้ มีดังนี้จ้ะ
ค่าห้อง 1900 หารห้า คนละ 380
เต้าหู้ทอด 40
เตี๋ยวเรือ 191
ค่ารถประจำทางดอนตูมคนละ 12
ค่ามอไซสามคัน 60
ผลไม้ น้ำเปล่า 185
อาหารมื้อค่ำ 1260 แปดคน คนละ 160
สรุปแล้วงานนี้ค่าเสียหายคนละ 650 เท่านั้น
แล้วพบกันใหม่งานหน้า สนุกจุงเบย
ติดตามการท่องเที่ยวของเอ๋จังได้ที่เพจเฟสบุค : ลากแตะไปแชะฝัน