" บางคนใช้เวลาทุกนาที เพื่อลืมรักครั้งแรก

แต่บางคนใช้เวลาทั้งชีวิต เืพื่อจำรักครั้งสุดท้าย"

                                                                                                ความจำสั้น แต่รักฉันยาว

 

ความเดิม   หลังจากที่เราเที่ยววัดได้หลายวัดมาก แถมกลับมาเล่าเป็นเรื่องสนุกตื่นเต้นผจญภัียมากมาย ให้ป้า San Franc และ ป้า Las Vagus  ฟัง ป้า San Franc ถามว่าพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวไหน เราบอกว่า "ดอยอ่างขาง"  ป้า San Franc ส่ายหน้าบอกป้า Las Vagus ว่าไม่เห็นมีอะไรน่าเที่ยวเลย ป้า Las Vagus อยากเที่ยวแบบวัดแบบเราวันนี้.... ตอนแรกว่าจะเช่ารถขับ แต่มาดูราคารถตู้แล้วน่าจะคุ้มกว่า รถมารับเวลา 7 โมงเช้า ไปกันสามคนเหมือนเดิม

 

 

ออกเดินทาง หกโมงเช้าเราตื่นนอนเก็บสัมภาระเตรียมตัวไปนอนต่อที่ดอยอ่างขาง แต่ต้องแปลกใจที่ ป้า San Franc  และป้า Las Vagus  ต่างรีบกุลีกุจอ จัดกระเป๋าออกตามมา ทราบว่า ป้า Las Vagus พึ่งเปลี่ยนใจจะไปด้วยเมื่อตอนตี 4 นี้เอง ทำให้ป้า San Franc เก็บเสื้อผ้าตามแทบไม่ทัน  รถมารับตรงเวลา จากเดิมสามาชิก 3 คน กลายเป็น 5 คน เป็๋นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

"ฉันลืมเอากระเป๋าตังค์มา" เสียงป้า San Franc พูดเมื่อรถออกเลยนอกตัวเมืองแล้ว งานนี้ ไม่รู้ว่าป้าเล่นมุขหรือพูดจริงกันแน่

"แล้วเธอจะทำอย่างไร" ป้า Las Vagus ถาม  "ไม่เป็นไร ฉันยังพอมีติดตัวนิดหน่อย" ป้า San Franc ตอบ

"แต่ฉันยังไม่ได้แลกเงินเลย พึ่งลงเครื่องบินมีแต่เงินดอลลาร์ จะทำอย่างไร" ป้า Las Vagus ไม่รู้ว่าสองป้าเล่นมุขอะไรหรือปล่าว แต่ที่แน่ๆ คุณลุงคุณป้านั่งเงียบทั้งคู่

ระยะทางเชียงใหม่-ดอยอ่างขางดูไม่ไกล แต่ทริปนี้ล้วนสูงวัย ต้องเข้าห้องน้ำทุกๆ สี่สิบนาที แวะตลอดทาง จนกระทั้งจะถึงจุดแวะ โรงเตี้ยมถ้ำง้อบ กว่าจะออกรถได้ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ไม่ใช่รอเ้ข้าห้องน้ำ แต่เพราะซื้อของเป็นกล่อง และไม่มีที่ท่าจะหยุด

บ่ายโมงแล้ว เรายังไม่ถึงอ่างขางเลย "ช่วยแวะรถตลาดข้างหน้าหน่อยนะ ฉันอยากซื้อยาแก้ไอหน่อย.. ลืมเอามา" ป้า  San Franc บอกคนขับรถ

รถจอดเทียบท่า ตรงแผงขายของชาวบ้าน แน่นอน ทั้งคุณลุง คุณป้าทั้งตอนนี้ไม่มีใครอยู่บนรถแล้ว ต่างฝ่ายต่างซื้อของกันสนุกสนาน เบาะที่ว่างตอนนี้เต็มไปด้วยข้าวของผลไม้มากมาย  กว่าจะแล้วเสร็จถึงที่พักเกือบสามโมงเย็น

 

สรุปวันนี้ ไม่ได้เที่ยว  หมดเวลาไปกับการ Shopping และเดินทาง ยังไม่ได้จองที่พักเลย ไปหาที่พักก่อนดีกว่า โชคดีวันนี้ห้องพัีกว่าง ทายซิว่าเราเลือกห้องพักแบบไหน.....

แน่นอนครับ เลือกห้องนอนพักรวมกัน 5 คน  หลังจากที่เอาของเข้าห้องแล้ว โปรแกรมต่อไปคือ ซื้อของ คุณลุงคุณป้า พูดตรงกันว่า "มันถูกมากๆๆ" มิวายเราต้องเตือนคุณลุงคุณป้าว่า ระวังเอาขึ้นเครื่องไม่ได้นะ แต่เราแปลกใจมาก คุณป้า San Franc  บอกว่าลืมเอากระเป๋าเงินมา ทำไม เงินไม่หมดสักที่ จ่ายซื้อของไม่อั้น แถมยังพูดว่าจะฝากของกับเรามาให้ญาติที่กรุงเทพอีกด้วย 

ตีห้า อากาศที่พักยามเช้าที่อ่างขางเย็นมากๆ  เรามีนัดไปไร่สตอเบอรี่ นอแล ถามคุณลุงคุณป้า ไม่มีใครอยากไป แต่ก็ยังมีคำถามว่า ที่ไร่ มีของขายไหม เราตอบว่าไม่แน่ใจ สรุปไม่มีใครไปด้วยสักคน ไปไร่เที่ยวสตอเบอรี่เพียงคนเดียว ปล่อยให้คุณลุงคุณป้านอนหลับต่อให้สบาย

ไร่สตอเบอรี่ อยู่เลยจุดชมวิวไป ปกติถ้าไปช่วงเทศกาล รับรองนักท่องเที่ยวเพียบ แต่นี้เป็นวันธรรมดา มีนักท่องเที่ยงแค่ 4 คน เรารอแสงเช้าที่สาดส่องลงมา แบบไม่ต้องรีบร้อน

ไร่สตอเบอรี่ปลูกตามไหล่ขั้นเป็นขั้นบันไดลดหลั่นกันลงมา ในยามเช้าสัมผัสกับแสงแดดผ่านสายหมอก ตามไหล่เขาที่อยู่เบื้องล่าง วิถีชีวิตยามเช้าเริ่มขึ้นแล้ว

ชาวบ้านออกมาเก็บสตอเบอรี่.... ดูแล้วช่างเป็นชีวิตที่มีความสุข ทำไปเรื่อยๆ

เสียงโทรศัทพ์ ดังขึ้น  "ตอนนี้อยู่ไหน" เสียงคุณป้าถาม

เราดูนาฬิกาใกล้แปดโมงเช้า "อยู่ไร่สตอบอรี่ กำลังจะกลับแล้วครับ"

ที่พักมีอาหารเช้าเลี้ยงด้วย ดูคุ้มดี อาหารดูง่ายๆ แต่อร่อย การพักรวมกันก็เป็นข้อดึคือประหยัด แต่ข้อเสียคือ "ห้องน้ำ"

9 โมงกว่า เราคืนห้องพักและเข้าไปเที่ยว สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง  ก่อนออกเดินทาง ป้า San Franc  ยังถามอีกว่าข้างในมีของขายไหม เราบอกมี แต่ไม่เข้าก็ได้นะ ทุกคนนไม่ตอบและเงียบ

จนกระทั้งถึงประตูทางเข้า ต้องเสียค่าผ่านประตู คนขับแจ้งค่าใช้จ่ายมา เราหันหลังกลับไปถาม คุณพระช่วย ระยะทางจากที่พักมาสถานีเกษตรก็ไม่ไกล แต่ทั้งคุณลุงคุณป้าพากันหลับหมด งานเข้าแล้วเรา

 

ตอนนี้ เราเริ่มกลัวมุขคุณลุงคุณป้าเสียแล้วว่า ค่าเช่ารถ ค่าน้ำมัน ใครจะเป็นคนออก... "ลืมกระเป๋าตังค์มา" คิดแล้วเริ่มกังวลขึ้นมาทันที่ แต่ไหน ไหน แล้วเข้ามาก็คงต้องเที่ยวให้เต็มที่

คุณลุงคุณป้า ไม่ยอมเดินไปไหนเลย ทั้งที่พยายามชวนอย่างเต็มที่  แต่ก็ยืนยันว่าขอ นั่งเล่นอยู่แถวร้านอาหารดีกว่า

 "สงสัย ถ้าเดินชมดอกไม้ คงกลัวเราเก็บเงินค่าเข้าแน่ๆ" ้เราคิดในใจ 

 

ไฮไลท์ ของงานนี้ คือ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ดอกพญาเสือโคร่ง ซึ่งในเมืองไทยก็มีจุดชมพญาเสือโคร่งที่สวยงามและน่าสนใจหลายแห่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นขุนช่างเคี่ยน ขุนแม่ยะ ขุนวาง  สันป่าเกี๋ยะ  เชียงใหม่  ภูทับเบิก เพชรบูรณ์ หรือ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ซึ่งแต่ละแห่งก็จะบานไม่ตรงกัน แต่ ส่วนใหญ่จะเริ่มทยอยบานก็ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม ของทุกปี 

ดอกพญาเสือโคร่ง ดอยอ่างข่าง ซึ่งปีนี้บานเป็นที่แรก และบานเร็วกว่าในทุกปี  ดอกพญาเสือโคร่งบานในช่วงที่เราเดินทางไปที่นั่นพอดี ถือเป็นความโชคดีของเราที่ได้มาเจอ ถ่ายภาพ พญาเสือโคร่ง เป็นหลัก

นางพญาเสือโคร่งเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 10-15 เมตร ใบ เป็นชนิดใบเดี่ยว ลักษณะรูปรีแบบไข่ หรือไข่กลับ ออกสลับกัน ใบมีความกว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 5 -12 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบกลมหรือสอบแคบ ขอบจักปลายก้านใบมีต่อม 2-4 ต่อม หูใบแตกแขนงคล้ายเขากวาง ใบร่วงง่าย ดอก สีขาว ชมพู หรือแดง ออกเป็นช่อกระจุกใกล้ปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 0.7-2 เซนติเมตร ขอบริ้วประดับจักไม่เป็นระเบียบ กลีบเลี้ยงติดกันเป็นรูปกรวย กลีบดอกมี 5 กลีบ เมื่อบานขนาดโตเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร ผล รูปไข่หรือกลม ยาว 1-1.5 เซนติเมตร เมื่อสุกสีแดง ระยะเวลาออกดอกระหว่างเดือนธันวาคมจนถึงกุมภาพันธ์ โดยจะทิ้งใบก่อนออกดอก

 

"เที่ยงแล้ว คุณลุงคุณป้า ทานอาหารกลางวัน หรือยัง" เราเดินไปร้านอาหาร ไม่เจอ ทั้งคุณลุงคุณป้า อีกทั้งสองป้า Inter ทั้งสอง โทรไปถามทราบว่า ทั้ง 4 คน รอที่รถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับมื้อกลางวันไม่ต้องเป็นห่วง ของฝากที่ซื้อมาเมื่อวานนี้ คือ อาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว

  

เมื่อหมดห่วงก็ขอเก็บภาพต่ออีกเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับมาหาเหล่าคุณลุงคุณป้าทั้งหลาย....

"คุณลุง คุณป้า ครับ เย็นนี้ผมขอกลับกรุงเทพก่อนนะครับ"  เราบอก "พอดีมีธุระ่ส่วน ต้องรีบกลับครับ" ผมพูดในระหว่างที่รถเดินทางกลับ 

"พี่คนรถ ช่วยส่งผมลงที่สนามบิน เสร็จแล้วก็ไปส่งคุณลุงคุณป้าที่บ้านนะครับ" มุขนี้ ผมคิดทันที่ "อันนี้ ค่ารถและค่าน้ำมันในส่วนของผมครับ" ว่าแล้วผมก็ยื่นเงินในส่วนที่ผมรับผิดชอบให้ป้า Inter ไป

 

"ออกตัวได้สวยมาก" แอบชมตัวเองในใจ....  ว่าแล้ว เราก็นอนหลับได้อย่างสบายใจ  แต่ได้ยินเสียงคุณลุง คุณป้าคุยกัน

"พรุ่งนี้ฉันอยากเที่ยววัดที่พวกเธอไปเมื่อวานนี้อย่างไร" ป้า Las Vegus พูด

"เราก็เหมารถตู้ไปเที่ยวต่อไหม 4 คน " ป้า San France ตอบ

ตอนนี้คุณลุง คุณป้า เริ่มคิดในใจเสียงดังเชียว (บ่น) "เราไปมาแล้ว ทำไมต้องไปซ้ำที่เก่าอีก" ....."พรุ่งนี้ ฉันกลับกรุงเทพตอนเช้าแล้วกัน นึกได้ว่า หลานโทรมามีธุระด่วน"....

"อย่างนั้น เหลือเรา 2 คน พรุ่งนี้เราไปอย่างไร" ป้า Las Vegus ถาม 

"ไม่เป็นไร เราก็นั่งรถเมล์ไป หรือไม่ก็ไปขอแจมกับนักท่องเที่ยวอื่นก็ได้" ป้า San Franc พยายามหาวิธีแก้ปัญหา

หลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้ยินว่า สรุปแล้ว ป้า Inter ทั้งสองแก้ปัญหาอย่างไร  แต่หลังจากผมลงรถที่สนามบินเชียงใหม่แล้ว รุ้สึกโล่งเป็นพิเศษ และรู้สึกว่า การเที่ยวกับคนที่วัยแตกต่างกันไม่ใช่อุปสรรค์ แต่การที่ลักษณะอุปนิสัยที่แตกต่างกัน นั้นคืออุปสรรค์อย่างแท้จริง

ขอจบทริป Earily Retries .....

 

 

การเดินทางไปดอยอ่างข่าง

  สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โทร. 0 5345 0107 - 9 
บริการรถสองแถวนำเที่ยวดอยอ่างข่างพร้อมรับส่ง โดยจะรับส่งที่ปากทางขึ้นดอยอ่างขางหลังจากนั้นจะนำเที่ยว ตามจุดต่างๆ ดังนี้ โครงการเกษตรหลวงดอยอ่างขาง จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น จุดชมทะเลหมอก ไร่สตอเบอรี่ขั้นบันได จุดชมวิวชายแดนไทยพม่าหมู่บ้านนอแล   1. โดยรถยนต์ส่วนตัว
บนเส้นทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ประมาณกิโลเมตรที่ 137 จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าบ้านยางที่ ตลาดแม่ข่า เข้าไปอีกประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นทางลาดยาง สูงและคดเคี้ยว ต้องใช้รถสภาพดีและมีกำลังสูง คนขับชำนาญ 
2. รถสาธารณะ
จากกรุงเทพนั่งรถสายกรุงเทพ-ฝาง ไปลงที่ปากทางขึ้นดอยอ่างข่าง จากนั้นนั่งรถสองแถวที่ให้บริการขึ้น ดอยอ่างขางไปราคาประคนละ 60 บาท แต่ต้องรอให้ผู้โดยสารเต็มถึงจะขึ้นไปหรือจะใช้บริการ รถสองแถว นำเที่ยวดอยอ่างขางพร้อมรับส่งก็ได้