ผู้หญิงนักเดินทาง

การที่เป็นผู้หญิงนี้ไปไหนมาไหนคนเดียวนี้ลำบากเนอะ แต่สำหรับฉันมันไม่ลำบากเลย
ถ้าอยากจะไปก็ไปเถอะ รอคนอื่นแล้วเมื่อไรจะได้ไป
ขี้เกียจพูดมาก ไปกันเลยดีกว่า

 

 

 

การเดินทางของฉัน

บางคนกลัว บางคนรอ บางคนไม่พร้อม และอะไรอีกหลายๆอย่าง ในตอนนั้นฉันเองก็เป็นแบบนั้นแหละ ฉันเพื่อนน้อย ฉันไม่ชอบพูดคุยกับคนแปลกหน้า ฉันไม่ชอบทำตัวเหมือนใคร ชอบอยู่ในโลกของตัวเอง เป็นคนไม่ทันโลก คนแบบนี้จะไปคนเดียวได้ไง  ฉันนี้ไงไปมาแล้ว 

 

ช่วงเวลาปีใหม่ที่ผ่านมา มันเป็นวันหยุดยาวของใครหลายคน และคนอย่างฉันมันไม่สามารถอยู่ในห้องสี

เหลี่ยมๆได้ ปีใหม่แบบนี้คงหนีไม่พ้นเที่ยวเหนือ  ไปดอยหลวงเชียงดาวแล้วกัน ใจมันเรียกร้องให้ไปที่นี้ 

กระทู้แรกของฉันนะ ผิดหลาดอะไรก็ของอภัยด้วยแล้วกัน  ฉันถ่ายรูปได้แย่มาก บางรูปสวยๆได้มาจากพี่ในทริป

หลังจากที่ได้สถานที่จะไปแล้ว ต่อไปคือการชวนเพื่อนๆ
: เมิงๆๆๆ ปีใหม่ไปเที่ยวเชียงใหม่กัน
        : อยากไปๆๆๆๆค่าเครื่องเท่าไร
: ไปรถทัวร์ ค่าเครื่องช่วงปีใหม่แพง
        : .............. แล้วไปที่ไหนอะ
: ไปขึ้นดอยหลวงเชียงดาว
        : เด๋วรู้ก่อนนะ ปีใหม่อาจจะกลับบ้านว่ะ

จบการสนทนา

 ไปเองก็ได้นิ จากนั้นก็หาข้อมูลต่างๆ ก็เจอพี่ชัยดอยหลวงเชียงดาว ได้ยินชื่อบ่อยมาก และแล้วการติดต่อก็เกิดขึ้น 080-6766943 เบอร์พี่ชัยนะ ได้เบอร์มาแต่ไม่โทร คุยทาง LINE อย่างเดียว พี่ชัยใจดีมากๆ บอกถ้าฉันมาคนเดียวค่าใช้จ่ายมันสูง แต่หนูอยากไปอ่ะพี่  ไม่มีใครยอมมาด้วย พี่ชัยผู้ใจดีเลยถามว่าอยากมาวันไหนเด๋วให้มาแจมกับเขาเอาไหม วันไหนก็ได้เลยพี่ช่วงปีใหม่ และแล้วก็ได้วันขึ้น 28 ธ.ค ลง 30 ธ.ค พี่ชัยก็แนะนำรีสอร์ทให้ ทุกรีสอร์ทเต็มหมดค่ะ จนได้เจอรีสอร์ที่เจ้าของใจดี "ม่อนเคียงดาว" แต่ที่พักก็เต็มช่วงปีใหม่เหมือนกัน แต่ถ้าไม่มีที่พักจริง ก็มานอนกางเต็นท์ที่รีสอร์ทได้ รอดไปแล้วหนึ่งอย่าง ต่อไปเป็นการจองตั๋วรถ ดันมาจองวันที่25 แล้วต้องออกเดินทางวันที่26 เนียนะ 5555555   จากการหาข้อมูลมีสายรถ กรุงเทพ – ท่าตอน ของนิววิริยะยานยนต์ทัวร์  ซึ่งมาถึงที่อำเภอเชียงดาว แต่เต็ม เต็ม ยาวจนถึงหลังปีใหม่ เอาไงดีๆๆๆๆๆ   โทร 1490 ไปจองของ บขส กรุงเทพ – เชียงใหม่ รถเสริม ลงที่อาเขต เหลือ 3 ที่สุดท้าย ในราคา 485 บาท  รอบ 20:15 ขอบคุณค่ะ


วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม 2558 
ทำงานแบบไม่มีสมาธิเลย ในใจคิดอยู่แค่ว่า จะไปดีไหม จะไปทันไหม เสื้อผ้าพึ่งซักตอนเช้าจะแห้งทันป่าว กระเป๋าก็ยังไม่ได้จัด สุดท้ายก็ลาครึ่งวัน
 เวลา 18.00 น.ออกเดินทางจากอยุธยา เข้าหมอชิต เวลาผ่านไปผ่านมา โอ๊ย!!! เมื่อจะถึงรถมหาศาล จนสุดท้ายมาถึงหมอชิตเวลา 19.45 น.
แม่เจ้าผู้คน แทบจะไม่มีที่จะเดิน ต้องฝ่าฝูงชเข้าไป 

 

 

โชคดีจังฉันได้นั่งคนเดียว

บายบ่าย มหามวลชน

Zzzzzzzหลับๆตื่นๆ ปวดก้นเป็นบ้าเลย จนถึงลำปาง แล้วมีคุณป้าขึ้นรถมานั่งข้างๆ  มีเพื่อนนั่งแล้วเรา หลับยาวจนถึงเชียงใหม่ หนูๆถึงเชียงใหม่แล้ว  5555555  หลับเป็นตายเลย  ก้าวขาลงจากรถใบหน้ากระแทบกับอากาศเย็นๆ  เวลานี้ 6.30 น.
ฟินไปเลย เดินไปเดินมา ไปไหนต่อว่ะเนีย ถามคนแถวนั้นว่าจะไปเชียงดาวไงค่ะ ได้คำตอบมาว่า ไปหารถแดงเลย

 

 

รถแดงจะพาเราไปส่งที่สถานีขนส่งช้างเผือก เพื่อไปต่อรถเข้าอำเภอเชียงดาวค่าโดยสารสามบาท ห๊ะๆๆ ถูกจังว่ะ ทำหน้างงใส่ พี่ข้างๆบอก 20 บาท
หลังจากนั้นก็คิดมาเสมอว่า สามบาทเท่ากับยี่สิบบาท มันแปลกๆอยู่นะ พึ่งมารู้ความจริงก็วันนี้ คนขับเขาบอกซาวบาทไม่ใช่สามบาท 55555 หูเป็นไร ดีนะไม่ให้เขาไปสามบาท ถ้าไม่งั้นโดยทีบลงจากรถแน่ 

ผู้คนที่เชียงใหม่น่ารัก และดีใจมาก บอกทางตลอดว่าจะไปอย่างไรต่อ

และแล้วเราก็มาถึงสถานีขนส่งช้างเผือกในเวลา 7.30 น. พี่ๆที่ขึ้นมาบนรถแดงบอกให้ขึ้นรถ เชียงใหม่ – ท่าตอน

นี้ไง เชียงใหม่ – ท่าตอน ต่อคิวซื้อตั๋วลงโรมแรมเชียงดาวอินท์  ในราคา 40 บาท รถออก 08.00 น.

เวลา 09.00 น. ถึงแล้ว เชียงดาว
ไปไหนต่อดี หาไรกินก่อนก็แล้วกัน  จะได้นั่งหาข้อมูลต่อว่าจะพักที่ไหนดี มีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ มื้อแรกขาหมูเชียงดาวในราคา 50 บาท  
ระหว่างทานขาหมู ก็โทรหาพี่ชัย ไม่ติด ไม่ติด จะร้องไห้ จะอย่างไงต่อดีเนีย คืนนี้ฉันจะนอนไหน
จำรีสอร์ทที่เจ้าของใจดีที่สุด "ม่อนเคียงดาว" รีบโทรไปหาพี่เจ้าของรีสอร์ทพี่เขาก็ยังจำเราได้ พี่เขาบอกว่าวันนี้มีห้องว่างหนึ่งห้อง เพราะเขายกเลิกพอดี อยู่ที่ไหนแล้วเด๋วพี่ให้คนไปรับ หน้าโรงแรมเชียงดาวค่ะ รอแปปหนึ่งนะ  สักพักก็มีมอไซค์แว้นมารับ  มันเหมือนในหนังเลยอ่ะแกรรรรรรรร

ว่างอยู่ห้องเดียว นอนคนเดียวสองเตียงเลย ราคาที่พัก ห้องนี้ 800 บาท ถ้ามาสองคนหารกันก็แค่คนละ 400 บาทเอง แต่เรามาคนเดียว

ทางขึ้นไปจุดชมวิว และร้านระเบียงกาแฟ

จุดชมวิว ฉันลืมขาตั้งกล้องไว้ที่ห้องพัก จะเดินกลับไปเอาก็ไกลอยู่ ห้อยไว้กับต้นไม้เลยแล้วกัน 5555

รอบรีสอร์ท เงียบดี

หลังจากเดินชม ก็กลับเข้าห้องพักโทรหาพี่ชัยก็ไม่ติด นอนดีกว่า ตื่นมาอีกทีก็เที่ยงๆ ลองโทรใหม่และแล้วก็ติด นึกว่าจะได้ไม่ขึ้นดอยแล้ว ก็บอกพี่ชัยกว่าหนูมาถึงเชียงดาวแล้ว พักอยู่ที่ ม่อนเคียงดาว พี่ชัยเด๋วตอนเช้าจะมารับที่รีสอร์ท 7.30 น. เพราะเราเดินทางมาเอง พี่ชัยเลยต้องมารับ    หลังจากนั้นก็หลับยาวๆจนเย็น อ้าวไม่หน้านอนกลางวันเลย กลางคืนก็นอนไม่หลับสิ  ฉันเป็นคนกลัวผีมากๆๆๆๆๆๆ
ต้องเปิดไฟทุกดวงที่มีในห้อง ทีวีเปิดเสียงดัง 5555555 เปิดจนเช้าเลย 

 

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2558 เวลา 7.00 น. 

พี่ชัยก็ขับรถมารับที่รีสอร์ท และพี่ชัยก็พาไปกินขาหมู  นึกในใจขาหมูอีกแหละ แต่ร้านนี้อร่อยจิง แล้วก็พาไปซื้อของใช้ส่วนตัว และแวะให้หาของกิน คือ มื้อเที่ยงของวันนี้เราต้องเตรียมไป พี่ชัยพาไปซื้อเหนียวหมู 

 

ถึงบ้านพี่ชัยแล้ว มีแขกมารอรับน่ารัก อ้วนมากๆ 

ลูกหาบก็เตรียมจัดของ 

และก็นั่งรออีกกลุ่มหนึ่งที่จะมา ตื่นเต้นจัง  ใครกันเน้อที่จะไปกับฉันด้วย
เวลา 09.00 น. มาถึงแล้ว 5 คน รวมฉันที่ไปแจม ทั้งหมด 6 คน
ก็นั่งรถกะบะพี่ชัยไป โดยคุณพ่อของพี่ชัยเป็นคนขับ ขับขึ้นเขานะ เก่งมากๆ 
และเราก็มาถึงจุดตรวจ พี่ชัยได้ทำเรื่องไว้แล้ว เราจึงไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งสวยๆอยู่บนรถ และก็มาถึงจุดเดิน

กลุ่มของเรา ยินดีที่ได้รู้จัก

เริ่มแล้วนะ ฉันเดินขึ้นทาง ปางวัว มันชันดี

รู้แล้วทำไมพี่ชัย ถึงให้ฉันเปลี่ยนรองเท้า

ทางเด่นหญ้ากับทางปางวัว กว่าจะมาถึงจุดนี้ เล่นเอาแบบอยากจะเดินกลับลง

ฟ้าเปิด

ระหว่างทางพี่ๆก็ชวนคุยตลอด คอยถามตลอดไม่ไหวก็พักได้นะ

พี่ชัยก็บอกตลอดทางว่านี้ต้นอะไร ดอกอะไร แต่วินาทีนั้นสมองมันไม่จดจำเลย ลืมหมด

จุดนี้เป็นที่พักของฉัน มันเป็นที่เหมาะมากและส่วนตัว เพราะไม่ได้เป็นทางเดินผ่าน

 

ฉันมาถึงที่พักในเวลาประมาณ 15.30 น. ใช้เวลาไป 6 ชั่วโมง ทั้งหยุดพัก หยุดถ่ายรูป เมื่อเดินมาถึงก็นั่งพักและเก็บของเข้าเต็นท์ 
และเดินเท้าขึ้นยอดดอย สามารถเดินกันไปเองได้ ส่วนพี่ชัยและลูกหาบก็อยู่เตรียมอาหารไว้รอ

ทางขึ้นนี้โหดมาก ลมก็แรง ฉันกลัวความสูง ต้องใช้คำว่า คลานขึ้นเขานะ

สุดท้ายฉันก็ขึ้นมาถึงได้แล้ว ข้างบนนี้หนาวมาก ลมแรง นั่งดูพระอาทิตย์ตก 

กว่าจะได้ถ่ายจุดนี้ คิวยาวรอจนมืด

 

มื่อกินข้าวเสร็จ ก็รีบเข้าป่าหามุมดีๆทำธุระส่วนตัว เพราะถ้าปวดฉี่ตอนกลางดึกตายแน่ เพราะฉันกลัวผีมากๆนอนๆ ต้องนอนให้หลับ แต่ก็นอนไม่หลับ ขนาดเต็นท์ที่ฉันนอนอยู่ตรงกลาง มันก็ยังกลัวอยู่ดี ตลอดทางที่เดินขึ้นมาพี่ชัยก็เล่าเรื่องผีให้ฟัง กลัวก็กลัวนะ แต่ก็ชอบฟังๆ 555555 บอกตัวเองนอนสิพรุ่งนี้ต้องตื่นตีสี่นะ อากาศกลางคืนหนาวสุดๆ นอนหดไปหดมา

 

  วันอังคารที่ 29 ธันวาคม 2558
ได้ยินเสียงพี่ชัยเรียก ให้ตื่น ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น

สิ่งสำคัญไฟฉาย แต่ฉันลืมๆๆๆ ทำไงได้ก็ต้องเดินทางติดพี่ชัยตลอดเวลา

นั่งรอเป็นชั่วโมง เห็นพระอาทิตย์ขึ้นไม่กี่วินาที แต่มันคุ้มค่าสุดๆ นั่งดูไปมีโอวัสตินร้อนๆด้วยนะ

บางครั้งก็ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกตรงจุดนั้นได้ คุณต้องไปสัมผัสมันเอง

ต้นไม้อะไรไม่รู้ลืมชื่อ คนดอยเขาจะเอาใบมันมาถูๆกันแล้วมันก็จะมีผงขาวๆออกมาจากใบ คนบนดอยเขาเอามาทาหน้าแทนแป้ง

ลงมาถึงก็กินกันเลย กินดี อยู่ดี จริง

 

กินกันเสร็จเราก็เข้าเต็นท์เอาเช็ดชู่เปียกเช็ดเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและก็นอนพักกัน 
เย็นนี้พี่ชัยจะพาขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกที่กิ่วลม เพราะคนที่ขึ้นมาวันนี้ส่วนใหญ่จะไปขึ้นยอดดอยเพื่อดูพระอาทิตย์ตกที่บนดอยกัน แต่เราจะทำสลับกันหนีคนเยอะๆ เขาไปทางโน้นฉันมาทางนี่ เป็นการวางแผนที่ดีมาก ชอบๆๆๆๆ  ช่วงบ่ายๆ ดูฟ้าแล้วบอกว่า วันนี้ฟ้าปิดหมอกลงหนักมากกกกก ถ้าขึ้นไปก็อาจไม่เห็นอะไร

บริเวณที่พัก หมอกขนาดนี้ขึ้นไปจะเห็นอะไรไหมเนีย

ไม่เห็นอะไรก็จะไป เราอาจโชคดีพระอาทิตย์ตกที่กิ่วลมก็ได้ ไม่ไปก็ไม่รู้

ทางเดินไปขึ้นกิ่วลม แค่ทางเดินไปนะยังสวยขนาดนี้เลย

ทางขี้นก็ชันใช่เล่น แถมไกลด้วย

ถึงฟ้าจะปิด แต่มันก็ไม่ทำให้นักเดินทางอย่างฉันผิดหวัง

ที่นี้พรรณดอกไม้ต่างๆเยอะ ต้องเดินระมัดระวัง  แถมต้องเดินระวังระเบิดอีก ไม่มีที่อึกันหรือไงก็ไม่รู้ต้องมากลางทางเดินเนีย

ขนาดฟ้าปิด มองไม่เห็นวิวนะ คลานแทนเดิน

มันมีจุดนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหำหดแต่ไม่ได้แวะ พี่ชัยพามาอีกจุดที่ไกลมาก คือช่องเขาขาด เดินเลยผาหดหำอีก

ทางมาช่องเขาขาด จะเจอดอกไม้เยอะมาก
เมื่อถึงช่องเขาขาด มีทริปกลุ่มฉันมาถึงกลุ่มแรกเลยส่วนตัวไหมล่ะ สักพักก็มีคนมารอนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่ช่องเขาขาดเหมือนกันแต่ไม่เยอะ แผนของพี่ชัยหนีคนเพราะส่วนใหญ่จะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ยอดดอยกันหมด ก็นั่งรอดูพระอาทิตย์ตกมองไม่เห็นอะไรเลย แต่ฟ้าใจดีเปิดให้เห็นพระอาทิตย์ตก2วินาที 5555555 กลับกันเถอะ ขากลับพวกกลุ่มอื่นก็ของตามลงมาด้วยเพราะไม่มีไฟฟ้าฉาย มันเมืดมากอาจหลงได้  พอมาถึงก็แวะเต็นท์เซ่เว่น มีลูกหาบเอาขนมและเครื่องดืมมาขาย ราคาสูง แต่ฉันก็ซื้อโดยไม่คิดมากเพราะระยะทางที่ขึ้นมามันไม่ง่ายเลย
กลับถึงที่พัก ลูกหาบก็เตรียมอาหารไว้รอ ชีวิตดีจริงๆ ใครว่าลำบาก

 

วันพุธที่ 30 ธันวาคม
เสียงพี่ชัยปลุก จะไปแก้ตัวกิ่วลมกันไหม  ไปสิพี่
เดินตามติดพี่ชัยตลอด เพราะไม่มีไฟฉาย ฉันกลับมาอีกแล้วกิ่วลมเมื่อวานมาดูพระอาทิตย์ตก แต่วันนี้มาดูพระอาทิตย์ขึ้น

วันนี้ไม่ได้ไปช่องเขาขาด ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาหำหด 

เหมือนขาสั่นๆนะ

นั่งรอพระอาทิตย์ พี่ชัยก็ต้มน้ำร้อนชงโอวัสตินและมาม่าให้กิน มันจะมีอะไรเท่ามานั่งรอดูพระอาทิตย์ขึ้น

อากาศหนาวๆพร้อมกับโอวัสตินร้อนๆ บนยอดเขา

เวลา 11.30 น. ถึงเวลาต้องไปแล้วนะ

ระหว่างเดินทางกลับฉันก็เจอมิตรภาพน่ารักๆ ตลอดทาง ทั้งผู้คนที่มาพิชิตและลูกหาบรวมถึงเจ้าหน้าที่

หมอกลง สวยอีกแบบ

ใช้เวลาเดินลงแค่ 2 ชั่วโมง มาถึงพ่อพี่ชัยก็มารอรับและซื้อข้าวขาหมูและน้ำดื่มไว้รอ ชีวิตนี้กินตลอดไม่อดเลย แทนที่มาขึ้นดอยจะผอมลงแต่น้ำหนักขึ้น 555555555  พี่ชัยเลี้ยงดี คุ้มจริงๆ  ลงมาถึงก็ไปจุดตรวจขยะ เพราะก่อนเราขึ้นเจ้าหน้าที่จะให้จ่ายค่ามัดจำขยะ ขาลงเราก็เอาขยะไปตรวจและเอาเงินมัดจำคืน เป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติไม่ทิ้งขยะไว้ข้างบนกันนะ ทางพี่ชัยเป็นคนจัดการให้ลูกทริปไม่ต้องทำอะไรเลย มาถึงบ้านพี่ชัยบ่ายสาม พี่ๆก็มีทริปไปเที่ยวปายกันต่อ ส่วนฉันก็แล้วแต่อารมณ์ อยากอยู่่ต่อก็อยู่ไม่ต้องแพลนอะไรมาก ก็แยกย้ายบ๊ายบายอำลากัน รู้เศร้าจัง พี่ชัยขับรถไปส่งที่โรงแรมเชียงดาว พี่ชัยก็ถามสนุกไหม อยากบอกว่าสนุกมากกกกกก รีบเข้าโรงแรมจะของอาบน้ำสัก2ชม. ค่าโรงแรม 400/คืน
คืนนี้เราต้องนอนคนอีกแล้ว เปิดไฟทุกดวงที่มี ทีวีต้องเสียงดังไว้ก่อน  จบแล้ว ดอยหลวงเชียงดาว 3 วัน 2 คืน

 

คำแนะนำ
การไปคนเดียวมันไปได้ ไม่ต้องกลัวไปเถอะ แค่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี รักตัวเองให้มากๆ การไปเที่ยวแบบนี้ไม่ต้องกลัวจะไม่มีเพื่อน คุณมีเพื่อนแน่นอน เพราะคนที่ไปแบบนี้มักจะมีอุดมคติแบบเดียวกันทำให้คุยกันรู้เรื่องอยากฝากไว้ อย่าทิ้งขยะไว้ข้างบนนะ เก็บลงมาด้วยเช็ดชู่เปียกใช้แล้วเก็บใส่กระเป๋า อย่าไปทื้งไว้มันดูไม่สวยเลย สำหรับคนไปเป็นกลุ่มแน่นอน ราตรีนี้อีกยาวไกล อย่าเสียงดังจนเกินไปเห็นใจคนอื่นที่เขาต้องการพักผ่อนแถมอยู่ในป่ามีสัตว์อาจจะทำให้พวกเขาตกใจ ไปอยู่ในที่ของเขาก็ต้องเกรงใจเจ้าของบาง

https://www.facebook.com/krnikar.jae
ชวนฉันไปเที่ยวเป็นเพื่อนก็ได้นะ ยินดีร่วมทริป