ดอยม่อนจอง "ภูเขาหัวสิงห์" แห่งออมก๋อย
ดอยม่อนจอง "ภูเขาหัวสิงห์" แห่งออมก๋อย
ออกมาสัมผัสบรรยากาศทุ่งหญ้าสีทองในช่วงหน้าหนาวยามต้นปี
ทริป 2 วัน 1 คืน (20-21 มกราคม 2561)
ก่อนจะหมดปีขอมาแชร์ภาพเที่ยว ให้กับคนที่กำลังลังเลว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี
ออกไปพิชิต "ดอยม่อนจอง" กันมายังเอ่ย? สำหรับใครถ้ายังไม่เคยไปขอแนะนำว่า
>> ถ้าชอบช่วงทุ่งหญ้าสีเขียวให้ไปช่วงปลายปี
>> แต่ถ้าชอบช่วงทุ่งหญ้าสีทองให้ไปช่วงต้นปี
เราไปเที่ยวแบบจอยทริป (ราคาจัดทริปแต่ละผู้จัดจะแตกต่างกันลองหาหลายๆ ทริปที่จัดไปม่อนจองดูนะคะ) เนื่องจากเน้นความสะดวก สบาย เพราะจากที่เคยไปแบบจัดไปกันเอง และไปแบบจอยทริป มีความแตกต่างกันค่ะ
>>จอยทริป : จ่ายแพงกว่า แต่สะดวกสบายมีคนจัดการให้ทุกเรื่อง คุ้มค่าแรงที่ต้องเดินเท้าเข้าไปในพื้นที่ เพราะจะมีเวลาได้เก็บภาพตามจุดชมวิวต่างๆ ได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้นานตามความต้องการ และอื่นๆ บลาๆ
>>จัดทริปไปเอง : จ่ายถูกกว่า (เป็นบางทริป) แต่ต้องจัดการบริหารเวลาชีวิตเองทุกอย่าง เดินเรื่องเองทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ติดต่อขอเข้าพื้นที่ ติดต่อเจ้าหน้าที่ประสานงานเรื่องลูกหาบ ติดต่อจ่ายค่าบริการต่างๆ เอง แถมเราต้องแบ่งเวลาในการกางเต็นท์ ทำกับข้าว และอื่นๆ บลาๆ ทำให้เวลาในการถ่ายภาพเพื่อเก็บบรรยากาศสถานที่ที่ไปนั้นไม่คุ้มค่าแรงกับที่ต้องเดินเท้าเข้าไป (อันนี้แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนค่ะ)
ก่อนพิชิตต้องทำการติดขออนุญาต >> ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อม หน่วยมูเซอ
อัตรามค่าบริการ >>ผู้ใหญ่ 20 บาท >>เด็บ 10 บาท (ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ)
ที่ทำการหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ >> จะเป็นจุดรวมตัวของนักท่องเที่ยว รวมถึงเป็นจุดนัดรถ จุดอาบน้ำ จุดกินข้าว (บางกลุ่มก็แวะกินข้าวที่ร้านค้าในหมู่บ้าน หรือจุดให้บริการอื่นๆ) และสามารถติดต่อให้ทางหน่วยช่วยเตรียมหาลูกหาบ และรถโฟร์วิวให้ได้
การเดินทางไปยังจุดเดินเท้า >> จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ต้องใช้รถโฟร์วิวขับขึ้นไป (ทรมานบันเทิงดีมากเลยระหว่างนั่งรถเหมือนวอร์มก้นวอร์มขาไปในตัว) ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร
จากจุดเดินเท้าไปยังจุดกางเต็นท์ >> ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินประมาณ 3-4 ชั่วโมงได้ (ความช้าเร็วขึ้นอยู่กับฝีเท้าของแต่ละคน)
ช่วงเริ่มแรกของการเดินเท้าจะเป็นช่วงลงเขาอย่างเดียว ขอบอกเลยเตรียมใจเหนื่อยช่วงขากลับได้เลยเพราะจะขึ้นอย่างเดียวเช่นกัน (ดอยหมาหอบ ที่ทุกคนว่าโหดกันมันแค่ความชันระยะสั้น แต่ถ้าต้องเจอเดินขึ้นเขาช่วงขากลับก่อนถึงจุดหมายปลายทางก็จะเจอกับความชันระยะยาวซึ่งคิดว่าเหนื่อยกว่าหลายเท่า)
จุดชมวิวแรกที่ไม่ควรพลาดในการแวะถ่ายรูป
"ลานหินช่อ" หรือ "ภูหินช่อ" เส้นทางผ่านก่อนถึงจุดกางเต็นท์บนดอย ใกล้ๆ กันจะเป็นจุดพักที่นักท่องเที่ยวบางคนแวะกินข้าวและถ่ายรูปกันแถวลานหินช่อ
จุดวัดใจสุดท้าย
"ดอยหมาหอบ" >> เป็นจุดพิชิตสุดท้ายก่อนถึงสนามกอลฟ์ช้าง เล่นเอาเหนื่อยหอบสมชื่อที่เรียกกันไว้เลยทีเดียว ถือเป็นจุดที่ชันที่สุดแต่ระยะทางขึ้นไม่ถึงกับไกลมาก
จุดกางเต็นท์ ณ บนยอดดอย ไม่มีห้องน้ำ หรือร้านค้าใดๆ ให้บริการ มีเพียงลำธารเล็กๆ (ไม่อนุญาตให้ใช้ในการอาบน้ำ) ใช้สำหรับล้างหน้า แปรงฟันเท่านั้น ถ้าอยากจะอาบน้ำสามารถอาบแห้งได้ ไม่มีไฟฟ้า และข้างบนตอนกลางดึกอากาศจะหนาว เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวทุกคนต้องเตรียมอุปรกรณ์ไปให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาหาร กระดาษทิชชูเปียก เสื้อกันหนาว ทุกนอน เต็นท์
ณ สนามกอลฟ์ช้าง จะเป็นลานกว้างๆ สามารถมองจุดชมวิวในระยะไกล และสามารถมองเห็นยอดหัวสิงห์ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่ไม่ควรพลาดในการถ่ายรูปคู่ ส่วนการไปยังจุดกางเต็นท์ก็ต้องเดินแยกซ้าย แต่ถ้าไปยอดหัวสิงห์ก็ต้องเดินตรงไป
"ดอยม่อนจอง" ตั้งอยู่บนทิวเขาถนนธงชัยตอนกลาง สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตร จุดไฮไลต์ของดอยม่อนจอง ซึ่งเรียกว่า หัวสิงห์ ถือเป็นจุดสูงสุด ของดอยม่อนจอง ที่เรียกกันว่า หัวสิงห์ เพราะมีลักษณะคล้ายหัวสิงโต ซึ่งสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย และในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนธันวาคม - มกราคม ก็จะพบเจอกับ "กุหลาบพันปี" ซึ่งจะออกดอกสวยงามให้ได้เห็นกันอยู่บนยอดดอยนะคะ
ณ ยอดหัวสิงห์
วิวบรรยากาศช่วงตอนเย็น >> ช่วงเย็นไม่ได้เดินไปถึงยอดหัวสิงห์ เพราะจากจุดชมวิวเดินไปหัวสิงห์ดูเหมือนไม่ไกลแต่ระยะทางเกือบ 2 กิโลได้ ถ้าหลัง 5 โมงเย็นไปแล้วไม่แนะนำให้เดินไปค่ะ รอชมพระอาทิตย์ตกดินตรงจุดชมวิวบนสันเขาหรือแถวลานสนามกอลฟ์ช้างก็ได้เห็นเช่นกัน แล้วค่อยขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าที่ "ยอดหัวสิงห์"
ช่วงประมาณ 3 โมงกว่า ผู้คนก็เริ่มออกมาชมวิวถ่ายรูป และหาจุดนั่งรอชมพระอาทิตย์ตกกันแล้วค่ะ
ลานมหาชน คนจะมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตก ณ จุดๆ นี้
บรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ตกดิน
วิวบรรยากาศช่วงตอนเช้า >> ลุกตอนตี 5 เพื่อเตรียมตัวเดินไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดหัวสิงห์ ควรเตรียมไฟฉายติดตัวไปด้วยเพื่อความปลอดภัยของแต่ละคน เพราะจะมืดมาก
จุดแลนด์มาร์คของที่นี่ ถ่ายรูปคู่ป้าย
รู้ว่าเสี่ยง #แต่ภาพมันต้องมี
"ต้นกุหลาบพันปี" ยิ่งในช่วงฤดูหนาวจะออกดอกสีแดงสะพรั่งพร้อมกันอยู่บนยอดดอยให้ได้เห็นความสวยงามแบบตรึงตาตรึงใจเป็นอย่างมาก อย่าลืมถ่ายภาพเก็บเอาไว้เยอะนะคะ ส่วนใหญ่ก็พบแต่บนที่สูงๆ
ณ "ผาลิง" เมื่อเดินถึงยอดหัวสิงห์แล้วอยากเดินไปถ่ายรูปคู่กับผาลิงต่อ ก็จะมีเส้นทางให้เดินลงเขาต่อไป ก็เดินตรงไปตามเส้นทางเดินได้เลยไม่ไกลกันมากซึ่งสามารถมองเห็นถึงกันได้
เราใช้เวลาเก็บเกี่ยวทุกประสบการณ์ แล้วบันทึกผ่านรูปถ่ายเพื่อเป็นความทรงจำ ในการสัมผัสบรรยากาศทุกๆ อย่างบนยอดดอยจนเกือบ 8 โมงเช้า จากนั้นก็ต้องรีบเดินกลับไปกินข้าว และเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางกลับไปยังจุดหมายปลายทางที่รออยู่
:::สิ่งที่ต้องเตรียมไป:::
>เสื้อผ้ากันหนาว
>เสื้อกันฝนหรือกันน้ำค้าง
>กางเกงกันหนาว
>รองเท้าผ้าใบ
>หมวกกันแดด
>ไฟฉาย
>ถุงนอน (ถ้าไม่มีสามารถแจ้งเจ้าของทริปได้)
>ขนมคบเคี้ยวหรือขนมที่ให้พลังงาน (กินระหว่างเดินเท้า)
:::เที่ยวแบบจอยทริป::: ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 3,200 บาท (ค่าใช้จ่ายทริปรวม):::
>ค่ารถตู้
>ค่ารถโฟวิว 4WD รับ-ส่ง
>ค่าเชื้อเพลิง
>ค่าเข้าอุทยานฯ
>ค่าอาหาร 5 มื้อ อาหารว่างและน้ำดื่ม
>ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง
>ค่าลูกหาบ ของส่วนกลาง (สัมภาระส่วนตัวแบกกันเอง)
>ค่าเต็นท์
>ค่าประกันอุบัติเหตุการเดินทาง 1,000,000 บาท
:::ศูนย์บริการการท่องเที่ยว:::
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (หน่วยมูเซอ) จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัทพ์ : 092-5597201
ID Line : 0613138808
ติดตามแฟนเพจ >> www.facebook.com/KanXengStudio
ติดตามรีวิว >> www.thetrippacker.com/th/nameebebear
ติดตามอินสตาแกรม >> Namee Be Bear
เขียนโดย : Namee Be Bear