ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
เส้นทางสู่ต้นเดียวดายและสายหมอก...ดอยพุยโค แม่ฮ่องสอน ดอยพุยโค อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน จ.Chang Wat Mae Hong Son
    • โพสต์-1
    Thawatchai •  มกราคม 14 , 2560

    ปฐมบทแห่งการเดินทาง

    ทริปของผมเริ่มต้นที่สนามบินเชียงใหม่ เมื่อเครื่องบินแตะพื้นรันเวย์ ผมรีบโทรหาทีมงานของ Bikky ร้านรถเช่าชื่อดังของเชียงใหม่ ผมจอง Honda Click i ไว้ 1 คัน สำหรับการเดินทางในทริปนี้ 

    ก่อนหน้านี้ผม Line คุยกับแอดมินของ Bikky ทำการเลือกรุ่นรถ แจ้งวันที่ เวลา สถานที่รับและส่งคืน โดยไม่ต้องมัดจำใด ๆ สำหรับรถที่ผมเช่า คิดค่าเช่าวันละ 300 บาท มีหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบแถมให้ แต่ผมเดินทางไกล ลมหนาวจะตีเข้าหน้าแน่นอน เลยขอเป็นหมวกแบบเต็มใบมีกระจกปิดหน้าด้วย ทางร้านคิดเพิ่มวันละ 50 บาท มีค่าส่งรถที่สนามบิน 50 บาท และค่าที่มารับรถคืนที่สนามบินอีก 50 บาท 

    จริง ๆ ทริปนี้ตั้งใจเที่ยวเฉพาะในเขตดอยอินทนนท์ แต่วันที่ผมไปถึงสภาพอากาศดูไม่เป็นใจสักเท่าไหร่ หมอกลงหนา ฟ้าปิด มีฝนตกปรอย ๆ เลยต้องวางแผนใหม่ พอดีกับที่น้องที่รู้จักส่งภาพของ "ดอยพุยโค" มาให้ดู มันสวยมาก และช่วงนั้นอากาศที่นั่นกำลังหนาวแต่ไม่มีฝนตกเลย ผมจึงเบนเข็มมุ่งหน้าไปที่ดอยพุยโคทันที จากดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ไปดอยพุยโค อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ก็ประมาณ 200 กม.เท่านั้นเอง

    • โพสต์-2
    Thawatchai •  มกราคม 14 , 2560

    การเดินทาง

    จากดอยอินทนนท์ ขับลงมาที่ตัวอำเภอจอมทอง แวะเติมน้ำมันให้เต็มถัง ก่อนมุ่งหน้าตามถนนสาย 108 ผ่านอำเภอฮอด อุทยานแห่งชาติออบหลวง สวนสนบ่อแก้ว (แวะถ่ายรูปที่นี่สักหน่อย)

    แล้วเดินทางต่อจนถึงตัวอำเภอแม่สะเรียง จะเจอป้ายบอกทางใหญ่ ๆ ตรงสี่แยกก่อนเข้าสู่ตัวอำเภอแม่สะเรียง ให้เลี้ยวซ้ายตามถนนสาย 105 ไปทางอำเภอสบเมย ระยะทางจากสี่แยกนี้จนถึงทางแยกเข้าไปยังดอยพุยโค 25 กม.

    เดินทางมาตามถนนสาย 105 สังเกตซ้ายมือ จะเจอป้ายที่เขียนว่า "บ้านอุมดา" ให้ชะลอเตรียมเลี้ยวซ้าย

    จะเจอป้ายทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางไปอีก 14 กม. แม้ระยะทางจะไม่ไกล แต่เป็นทางขึ้นเขา บางช่วงเป็นถนนคอนกรีต บางช่วงเป็นลูกรัง บางช่วงเป็นลาดยาง แต่ค่อนข้างชัน รถที่จะขับขึ้นไปต้องมีกำลังแรงพอสมควร

    ทางโค้งและชัน

     

    • โพสต์-3
    Thawatchai •  มกราคม 14 , 2560

    14 กิโลเมตร ที่น่าจดจำ

    เส้นทางจากถนนสาย 105 เลี้ยวเข้าสู่บ้านอุมดา ระยะทาง 14 กม. ยิ่งขับขึ้นสูงเท่าไหร่ ก็จะเจอหมอกหนาขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มใจแป้วเลยว่าข้างบนยอดดอยจะมองเห็นอะไรมั้ยเนี่ย

    แต่พอขับมาเรื่อย ๆ หมอกเริ่มจางลง และเผยให้เห็น "ทะเลหมอก" ทั้ง ๆ เพิ่งถึงระหว่างทางเท่านั้น ยังไม่ได้เดินขึ้นยอดดอยเลยด้วยซ้ำ ก็เลยจอดรถถ่ายภาพระหว่างทางเป็นระยะ ๆ 

    (ช่วงเวลาที่ถ่ายภาพ คือตั้งแต่ 06.45-07.15 น.)

    • โพสต์-4
    Thawatchai •  มกราคม 14 , 2560

    ป้ายบอกทาง

    จะมีป้ายบอกทางตลอดเส้นทาง ขับตามป้ายมาเรื่อย ๆ ไม่น่าหลง

     

    ตลอดเส้นทางจะไม่ผ่านหมู่บ้าน จนมาถึงหมู่บ้านสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นดอย ซึ่งที่นี่สามารถติดต่อลูกหาบได้ถ้าต้องการ หรือจะเติมน้ำมันรถก็มีปั๊มแบบหยอดเหรียญเปิดบริการ 24 ชม.

    ที่หมู่บ้านนี้เองที่ขับตามเส้นทาง ตามป้ายบอกทางเรื่อย ๆ จะเจอสามแยกที่ไม่มีป้ายบอกว่าขึ้นดอยไปทางไหน ให้สังเกตป้ายบอกทางไปบ้านแม่ออกใต้ (จะมีตัวหนังสือเล็ก ๆ เขียนว่า ดอยปุย คือชื่อดอบพุยโคในภาษาถิ่นนั่นเอง) ให้ไปทางนั้นแหละ ซึ่งต้องขับไปอีกประมาณ 5 กม. จะถึงลานจอดรถและทางเดินเท้า (เป็น 5 กม.สุดท้ายที่ทรหดที่สุด ถนนทั้งชันและเป็นหลุม ขรุขระ รถเก๋งไม่ควรขึ้นมา)

     

    • โพสต์-5
    Thawatchai •  มกราคม 14 , 2560

    ทางเดินเท้า

    ขับตามเส้นทางมุ่งสู่บ้านแม่ออกใต้มาเรื่อย ๆ ประมาณ 5 กม. จะเจอลานจอดรถ (สังเกตป้าย) จะต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดตรงนี้ แล้วเดินไปอีก 100 เมตร จะพบกับบันไดทางขึ้นสู่ยอดดอย และถ้าเกิดปวดหนักปวดเบา ก็มีห้องน้ำที่ลานจอดรถนี้ด้วย จะได้เดินขึ้นแบบสบายใจ

     

    • โพสต์-6
    Thawatchai •  มกราคม 14 , 2560

    ยิ่งสูง ยิ่งสวย

    ด้วยความชันของทางเดิน ทำให้เหนื่อยเอาเรื่อง แต่เมื่อหันกลับไปมองสิ่งที่อย่เบื้องหลังแล้ว สิ่งที่เห็นมันค้าค่าจนลืมเหนื่อยไปเลย

     

    เดินขึ้นมาได้ครึ่งทาง จะมีศาลาให้พักเหนื่อย

    • โพสต์-7
    Thawatchai •  มกราคม 14 , 2560

    บนยอดดอย

    จากศาลาพักเหนื่อย เดินต่อขึ้นไปอีก 400 เมตร จะพบกับทางเดินที่ทำไว้เกือบรอบยอดดอย ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมทะเลหมอกและวิวสวย ๆ นอกจากนี้ก็จะมี "ต้นเดียวดาย" สูงตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ให้ผู้พิชิตยอดดอยได้มาถ่ายรูปด้วย จะได้ไม่เดียวดายเหมือนกับชื่อ

    มองลงไปจะเจอศาลาพักเหนื่อยที่เพิ่งผ่านมา

    ใครจะขึ้นมากางเต็นท์นอนดูดาวและรอชมทะเลหมอกตอนเช้าก็ได้เหมือนกัน ยังเห็นร่องรอยของการตั้งแค้มป์หลงเหลืออยู่เลย (จะให้ดีควรช่วยกันรักษาความสะอาด เก็บขยะของตัวเองกลับลงไปด้วยนะครับ)

     

    บนยอดดอยมีถังกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ด้วย และมีห้องน้ำไว้อำนวยความสะดวก แต่วันที่ไป มีป้าย "งดใช้ห้องน้ำเพราะน้ำหมด" ติดไว้ด้วย

    • โพสต์-8
    Thawatchai •  มกราคม 15 , 2560

    ข้อมูลควรรู้

    - บนยอดดอย มีลานกางเต๊นท์ ห้องน้ำ แต่ไม่มีร้านค้าหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ต้องเตรียมทุกอย่างไปเอง คลื่น AIS เต็ม 3G/4G
    - สามารถขึ้นไปตอนเช้ามืดเพื่อรอดูทะเลหมอก (ควรให้ไปถึงจุดเริ่มเดินขึ้นสักประมาณ 6.30 น.) หรือจะไปกางเต๊นท์นอนรอบนยอดดอยก็ได้
    - ทะเลหมอกจะเริ่มจางตอน 9 โมง
    - ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล ไม่มีเก็บค่าบริการใดๆ นักท่องเที่ยวต้องดูแลตัวเอง
    - ถ้าจะกางเต๊นท์และมีของเยอะ สามารถจ้างชาวบ้านเป็นลูกหาบได้ ลองถามคนในหมู่บ้านที่จะผ่านก่อนถึงทางขึ้นดอยได้เลย

    • โพสต์-9
    Thawatchai •  มกราคม 15, 2560
    • จุดเด่น:
    • เป็นดอยที่มีทิวทัศน์สวยงาม โดยเฉพาะในวันที่มีทะเลหมอก เหมือนอยู่บนสวรรค์ ทางขึ้นดอยช่วงที่ต้องเดินเท้าเดินไม่ไกลมาก ใช้เวลาเพียง 20 นาทีก็ถึงยอดดอย ไม่เหนื่อยเกินไปสำหรับคนทุกเพศทุกวัย เหมาะสำหรับการกางเต็นท์นอนดูดาวมาก ๆ (ถ้าฝนไม่ตกนะ)
    • จุดด้อย:
    • ระบบบริหารจัดการยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ยังพบเห็นขยะหลายจุด ตั้งแต่ลานจอดรถ ระหว่างทาง และบนยอดดอย ห้องน้ำทั้งตรงลานจอดรถและบนยอดดอยขาดการดูแลเอาใจใส่ ทำให้สกปรก ไม่น่าใช้ อาจจะเป็นเพราะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก นักท่องเที่ยวยังน้อยมากเมื่อเทียบกับความสวยงามบนยอดดอย ทำให้ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล และไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นนอกจากห้องน้ำ (แต่หน้าหนาวน้ำหมด ห้องน้ำเลยใช้ไม่ได้) นอกจากนี้ การเดินทางค่อนข้างลำบาก แต่ก็ท้าทายสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้น
    • ข้อสรุป:
    • เหมาะสำหรับการไปกางเต็นท์นอนสักคืน
    คะแนน
    • โพสต์-10
    Thawatchai •  มกราคม 15, 2560

    รถ Google Street View เข้าถึงแล้ว ดูเส้นทางได้เลย

  1. โหลดเพิ่ม