ที่เเห่งนี้เป็นสรวงสวรรค์แห่งใหม่ของ จ.พังงา .. หากอยู่บนยอดผามองไปที่ปลายฟ้า ปุยเมฆที่ลอยละล่อง พร้อมกับหลับตาลงจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งท้องทะเล ความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์ยามเช้า  
เสียงละหมาดดังแว่วอยู่ไกลๆ บอกให้รู้ว่าตอนนี้ฉันได้พาตัวเองมาอยู่ที่สรวงสวรรค์แห่งนี้แล้ว สวัสดี " เ ส ม็ ด น า ง ชี "

ก่อนอื่นหากใครสนใจ 2 ตอนก่อนหน้า .. เราพูดถึงมหากาพย์ทริปใต้ทั้ง " ห น อ ง ท ะ เ ล" กับ " ห า ด ไ ร่ เ ล ย์ " ลองคลิกไปอ่านได้นะคะ..หรือใครสนใจจะถามข้อมูลการเดินทางหรือแชร์เรื่องการถ่ายภาพก็ทักมาทางเพจเราได้คะ.. https://www.facebook.com/SosayIsMe/

จากที่เกริ่นไปละทริปนี้เราจะพูดเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ "เสม็ดนางชี" ของ จ.พังงา ที่เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเมื่อเดือน 16 ก.พ.59  นี้เอง เห็นภาพท้องทะเลตัดกับท้องฟ้าสีกำมะหยี่มีทางช้างเผือกพาด .. ก็ต้องปักหมุดสิคะ จะพลาดได้ไง...

พิกัดทางขึ้นจุดชมวิว:  8.240564,98.449013

ค่าขึ้นจุดชมวิว  คนละ 30 บาท
กางเต๊นท์         เช่าเต๊นท์เสีย 400 บาท  (กรณีนำเต๊นท์มาเองเสีย 150 บาท)
กระท่อม           600 บาท (แต่มีแค่ 3-4 กระท่อมเอง).. อันนี้ต้องดวงล้วนๆคะ ..

ว่าแล้วก็ป่ะกันนนนน......!!!!!

หลังจากจ่ายเงินค่าเข้าแล้ว ก็ตกลงกันว่าจะยังไม่ซื้ออาหารขึ้นไปเนื่องจากมีบริการโทรสั่งอาหาร บวกสัมภาระเยอะ!!! เพราะเราขนเต๊นท์กับถุงนอน กล้องถ่ายรูป ขาตั้งกล้อง ขนม เรียกได้ว่าสัมภาระห้อยหน้า ห้อยหลัง เต็มพิกัด ตามภาพ (ยังอุตส่าห์ถ่ายภาพ ><) .. 

ปากก็บ่นพึมพำ สองเท้าก็ยังปีนต่อไป ฮึบๆ เค้าว่า 300 เมตรจะถึง... อย่าได้ช้า..  เมฆฝนลอยมาไกลๆ ดูจะไม่ใช่แค่ฝนพรำๆละ ถึงขั้น Thunder Storm ทีเดียว.. แล้วแพลนกางเต๊นท์ ถ่ายทางช้างเผือกคืนนี้ละ #@#@$*@+!!!!!

เดินมาครึ่งทางเจอทางเเยก เลี้ยวซ้ายเจอ >> จุดชมวิวที่ 1  (แต่เรานอนที่นี่ไม่ได้ เพราะจุดนี้ไม่มีห้องอาบน้ำ ห้าาาาาาาา ... ฝนจะมาแล้วใบไม้ปลิวว่อน) .. ขอสักเเชะก่อนละกัน..

เดินสวนชาวบ้านที่เดาว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่นี่ คงเห็นเราแบกสำภาระรุงรัง (ทั้งกระเป๋าเป้ กล้อง ขาตั้งกล้อง ถุงนอน) เลยถามว่าจะกางเต๊นท์จริงๆเหรอคะ...ตอบไปว่าจริงคะ พร้อมกับใจที่เริ่มหวั่นๆ.. จะรอดมั๊ยตรู... มาถึงแล้วนี่ ลุย!

ทางจากจุดชมวิวที่ 1 ขึ้นไปจุด 2 จะค่อนข้างชัน.. แต่ด้วยพายุที่ไล่มา เลยอู้ไม่ค่อยได้.. ขอขึ้นไปให้ถึงก่อน คงมีที่ให้หลบฝนบ้าง..และแล้วก็ถึง...จุดชมวิวที่ 2..  เย้ๆๆ (ว่าแต่กระท่อมนั้น พอจะหลบฝนได้ม้ายยย T_T)

เรานั่งอยู่กระท่อมฟังเสียงฝน สูดกลิ่นฝนไปพลางๆ ความเหนื่อยจากการเดินขึ้นมาก็หายไป อากาศเริ่มเย็น พายุคงอีกสักพัก แต่ดูจากพยากรณ์สักหัวค่ำฝนน่าจะหยุดตก คืนนี้คงหลับสบาย..

ปัญหาต่อมาคือ เราไม่ได้คิดว่าฝนจะตก เลยคิดว่าจะลงไปซื้ออาหารหลังกางเต๊นท์เรียบร้อย แต่ทีนี้ทำไงดีหละ .. โชคดีพอฝนหยุด น้องที่เป็นเจ้าหน้าที่เค้าบอกสามารถฝากเค้าลงไปซื้อข้าวได้..ข้าวกล่องอาหารตามสั่ง (โห รอดตายแล้วเรา..) ปล. บนจุดชมวิว มีเครื่องดื่ม พวกน้ำเปล่า น้ำอัดลม เบียร์ จำหน่าย ราคาอาจจะบวกนิดหน่อย แต่ถือว่าสะดวกไม่ต้องแบกขึ้นมาเองคะ อุดหนุนชาวบ้านด้วย..
ระหว่างนั่งรออาหาร เห็นฟ้าแลบไกลๆ ดีนะไม่ได้สาบานอะไรไว้ บรื้อออออ....

คืนนี้แม้จะผิดหวังที่ฟ้าปิด ไม่เจอทางช้างเผือก แต่ก็คุ้มค่าที่ได้เห็นเสม็ดนางชีในมุมมองที่แตกต่างออกไป .. เช้านี้เราตื่นแต่เช้า มารอดูพระอาทิตย์ ซึ่งจะบอกว่า วิวที่เห็นตรงหน้าคือดีงาม อลังการงานสร้างมากๆๆๆ ..

ภาพพระจันทร์สวยเด่น แม้ไม่ใช่คืนวันเพ็ญ แต่แสงนวลก็ส่องสว่าง สะท้อนผืนน้ำ .. ตัดกับแสงส้มระเรื่อจากบูรพาทิศ .. อึ้งไป 2 วินาที .. ก็รีบคว้ากล้องเก็บความอลังการตรงหน้ามาฝาก..

ถ้าเมื่อคืนฝนไม่ตก..จุดกางเต๊นท์แห่งนี้ คงเป็นสวรรค์ย่อมๆ ของนักเดินทาง ล่าทางช้างเผือก..

พระจันทร์เริ่มจางหายไป แทนที่ด้วยท้องฟ้าหลากสีสรรค์ ผืนน้ำสีเงิน ..

เสียงละหมาด ลอยมาจากอีกฟากของภูเขา .. พวกเราบันทึกภาพกันต่อแบบเงียบๆ ด้วยกลัวว่าหากส่งเสียงดัง จะทำลายความลงตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้..

อีกฟากนึงของภูเขา...นั่นไง...พระอาทิตย์ขึ้นแล้วววว.... 

ว้าววว... แสงสีส้มเริ่มขึ้นที่ปลายฟ้า พร้อมกับเสียงชัตเตอร์ดังรัวๆ ก็วิวสวยขนาดนี้นี่เน๊อะ ใครจะอดใจไม่ถ่ายภาพไหว...นี่น่าจะถ่าย Timelape กันเลยทีเดียวว..

หันไปอีกฝั่ง...จะเห็นแนวป่าเขียวขจี บริเวณนั้นเป็นป่าชายเลน ที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงบ้านหินร่ม.. ซึ่งเด๋วเราจะพาไปเที่ยวกันนน..