ทริปนี้ต้องลาหนองคายและไปต่อที่จังหวัดอุดรธานี
สถานที่ปักหมุดต่อไปของเราคือทะเลบัวแดง อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี
จากอำเภอสังคม หนองคาย ไปหนองหาน อุดรธานี ระยะทางค่อนข้างไกลพอสมควร
และเราก็ไปถึงที่นั่นมืดค่ำอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้สร้างความกังวลใจให้เราไม่น้อย
เพราะคืนนี้เรายังไม่มีที่พักอีกนั่นแหละ และพอเข้ามาก็งงเป็นไก่ตาแตก จะนอนที่ไหนละเนี่ย
เคยอ่านมาเห็นว่าที่นี่มีแต่โฮมสเตย์ของชาวบ้าน แต่มาถึงค่ำแล้วจะถามชาวบ้านที่ไหนเนี่ย
ซุ่มสี่ซุ่มห้าไปถามตามบ้านก็ดูจะอุกอาจเกินไปมั้ย แต่เดชะบุญในวัดมีเหมือนงานวัดเล็กๆ
มีคนขายของอยู่เลยเข้าไปถาม ก็ไปเจอผู้หญิงคนนึงเข้ามาขายกาแฟให้คุณไมค์อยู่ที่นี่
และเช่าโฮมสเตย์ของคุณยายสำลีอยู่พอดีเค้าเลยบอกไปๆเดี๋ยวพาไปกำลังจะกลับบ้านอยู่พอดี
เราก็ตามเค้าไปอย่างใจง่าย เราเดินผ่านวัด ผ่านโกศเก็บกระดูกไป ออกจากวัดทะลุไปเจอบ้านคุณยายสำลี
อาจจะดูหลอนๆไปหน่อยน่ะแต่ก็หลอนจริงๆแหละ ขากลับต้องเดินกลับมาที่รถคนเดียวด้วย
แต่ความกลัวเกิดจากความมืดพอเช้าก็เห็นว่าไม่มีอะไรเลยเมื่อคืนล้วนแต่เกิดจากจินตนาการทั้งสิ้น
บ้านคุณยายสำลีโอเคมากค่ะ บ้านสะอาดสะอ้านดีเราพักที่ชั้นสองวันนี้มีแค่เรากับแฟน
แต่ข้างบนสามารถพักได้เป็น 10 คน มี 2 ห้องนอน และด้านหน้าสามารถนอนได้อีก
ห้องนอนก็ประมาณนี้ค่ะ ก็เป็นแบบชาวบ้านปกติเลยสะอาดสะอ้านโอเคมากค่ะ
เราขับรถมาจอดในบ้านของคุณยายเลย ปลอดภัยดีค่ะคุณยายอยู่กับลูกสาวและลูกเขย
คุณยายเปิดบ้านเป็นโฮมสเตย์มาประมาณ 5 ปีแล้ว คุณยายน่ารักค่ะ ชวนคุยตลอดเสียแต่ว่าเราคุยไม่เก่ง
ถ้าเป็นคนคุยเก่งคงคุยกับคุณยายสนุก พอเข้าบ้านแล้วเราเดินออกไปร้านขายของชำในหมู่บ้าน
ไปซื้อน้ำและขนมมาทานกัน คือเรามาถึงที่นี่ค่ำแล้วเลยไม่มีร้านอาหารเปิดให้กินแล้ว
เรานั่งเล่นที่ระเบียงบ้านปูเสื่อเปิดเพลงเบาๆนอนดูดาวอยู่ที่ระเบียงอากาศดี
สักพักคุณยายสำลีเดินขึ้นมาหา ชวนเราคุยเล่าเรื่องของคุณยายให้เราฟัง แกน่ารักดีนะคะ
นอนเล่นสักพักอาการง่วงก็ขึ้นตาและพรุ่งนี้เราต้องตื่นเช้ากันอีกแล้ว
ทำไมนะของสวยๆงามๆมักมีตอนเช้าเสมอ
นาฬิกาปลุกดังตอนหกโมงเช้า จริงๆแทบไม่ต้องตั้งนาฬิกา เพราะจะมีเสียงตามสาย
จากทะเลบัวแดงดังมาในหมู่บ้านเลย เพราะบ้านเดียมนี่อยู่ริมทะเลบัวแดงเลยค่ะ
คือสะดวกมากๆที่มานอนที่นี่ ตื่นมาเราก็เดินไปที่ทะเลสาบไปรับบัตรคิวช่วงนั้นคนเยอะต้องรับบัตรคิวก่อน
ไม่อย่างนั้นอาจได้ขึ้นเรือตอนเที่ยงเลย ดอกบัวก็หุบหมดแล้ว
รับบัตรคิวเสร็จเราก็กลับไปปลุกแฟนที่บ้าน พอตื่นมาคุณครูลูกสาวคุณยายก็บอกว่า
อาหารเช้าเสร็จแล้วนะคะเป็นข้าวต้มกระดูกหมู แต่เราขอไปชมทะเลบัวแดงก่อนดีกว่า
ตอนออกไปเจอฝูงควายของชาวบ้าน นักท่องเที่ยวบางคนก็ฮือฮามาก
เพราะเอาจริงๆแล้วเด็กๆ หรือวัยรุ่นสมัยนี้ก็แทบไม่เคยจะเจอกับควายตัวจริงๆกันแล้วนะคะ
คิดแล้วน่าใจหายเหมือนกันนะ เพราะในสมัยก่อนควายมีเต็มไปหมด
เพราะต้องใช้ในการไถนา อาชีพคู่บ้านคู่เมืองของเรา
แต่สมัยนี้กลายเป็นควายเหล็กกันหมดแล้ว
ขนาดเราเองยังหาโอกาสเจอควายได้ไม่บ่อยนัก พอเจอก็ตื่นเต้นนะคะ
ก็ควายเค้าน่ารักจะตาย เคยคิดถ้ามีบ้านที่เยอะๆจะไปไถ่ชีวิตน้องควายมาเลี้ยงสักตัว
ตอนจองคิวเค้าจะให้เราเลือกว่าจะนั่งเรือแบบไหนค่ะเพราะมันคนละราคากัน
เรือมีสองแบบคือแบบมีหลังคาและแบบเรือหางยาว เราเลือกแบบมีหลังคาค่ะพอแดดออกจะได้ไม่ร้อน
พอถึงคิวก็ไปลงเรือได้เลย เราต้องนั่งเรือออกไปสักพักถึงจะได้พบกับทะเลบัว
นับร้อยนับพันนับหมื่นหรือนับแสนก็ไม่รู้เพราะเดาไม่ถูกมันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
มองหาอีกฝั่งของทะเลสาบไม่เจอ จะเจอได้ยังไงละคะเพราะที่ใหญ่ตั้งสองหมื่นกว่าไร่
ทะเลบัวแดง ที่จริงก็คือทะเลสาปหนองหานหรือบึงหนองหาน
เป็นทะเลสาปน้ำจืดขนาดใหญ่มาก นอกจากที่นี่จะมีดอกบัวสวยๆให้เราชมแล้ว
ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ยังมีระบบนิเวศที่ดีอยู่ และเป็นแหล่งอาหารของทั้งคนและสัตว์ต่างๆ
ดอกบัวในวันนี้เราว่าไม่ค่อยหนาแน่นเท่าไหร่ คุณลุงคนขับเรือบอกว่าจริงๆในวันที่คนไม่เยอะ
จะพาเข้าไปอีกโซนตรงนั้นจะดอกบัวเยอะกว่า แต่ช่วงนี้คนเยอะเลยไม่พาไปเพราะทำรอบได้ช้า
แต่นี่ขนาดไปไม่ทั่วทั้งทะเลสาบยังใช้เวลาเกือบชั่วโมงแสดงว่าที่นี่มันกว้างใหญ่จริงๆนะ
ถ้าให้อธิบายความรู้สึกในตอนนั้นคงต้องบอกว่า ฟิน ขอใช้ศัพท์สมัยใหม่หน่อย
จะไม่ให้ฟินได้ไงค่ะ อากาศเย็นๆจนเกือบจะหนาว นั่งชมดอกบัวที่กำลังบานรับแสงแดดยามเช้า
ภาพที่ออกมามันสวยมากเพียงแต่เราไม่สามารถถ่ายทอดความสวยนั้น
ผ่านมาในภาพถ่ายของเราได้หรอกของจริงมันสวยกว่าเยอะ
หรือจริงๆเราอาจเป็นคนใจง่ายก็ได้เพราะเกือบทุกที่ที่เราไปส่วนมากเราจะชอบและคิดว่ามันสวยงามเสมอ
และก็อยากกลับไปที่นั่นอีก ถ้าที่ไหนที่เราบอกว่าไม่ต้องไปหรอกไม่มีอะไรเลย
ก็อย่าไปเลยค่ะ เพราะคงไม่มีอะไรจริงๆ แหละ
หมดรอบของเราเรือพาเรากลับไปจุดที่ขึ้นเรือ หมดรอบแต่ความสุขเรายังไม่หมดเลย
กลับมาอีกแน่ๆ ที่ทะเลบัวแดง 555555
เราเดินหาอะไรกินนิดๆหน่อยๆที่ตลาดนัดเล็กๆ ในวัดที่เราต้องเดินผ่านกลับบ้านคุณยายสำลี
แวะกินมันเผา ข้าวจี่ และก็กาแฟคุณไมค์ ภิรมย์พร พึ่งรู้ว่าเค้าทำกิจการร้านกาแฟด้วย
มาถึงบ้านคุณยายก็ได้เวลาหิวพอดี อ้าวคุณยายครับขอผมเข้าบ้านหน่อยจำผมไม่ได้แล้วเหรอ 55555
พอเข้ามาเราก็เดินเข้าครัวเลยค่ะ ทำเหมือนเป็นบ้านตัวเองเลยเน๊าะ
ก็ลูกสาวคุณยายบอกตามสบายเลยค่ะ
ก็เลยตักข้าวต้มยกเครื่องปรุงออกมานั่งทานที่ม้าหินหน้าบ้าน
ที่นี่จะมี โอวัลติน กาแฟ ให้ทานได้ตลอดค่ะ อยากกินชงเองได้เลยสบายๆ
สักพักคุณยายกลับมาจากวัดนั่งคุยเล่นกับคุณยายนิดหน่อย
ทานเสร็จเราขออนุญาตคุณยายขึ้นเป็นเก็บของเตรียมกลับบ้าน
คุณยายบอกว่าเดี๋ยวก่อนๆ จะผูกข้อมือให้ แกก็เอาสายสิญจน์ออกมาผูกข้อมือให้เรา
และก็ท่องคำอวยพรให้เรา ตอนนั้นน้ำตาไหลแล้วคิดถึงยายมากๆ แต่ก่อนเวลาไปหายาย
ตอนกลับยายก็จะผูกข้อมือนี้ให้ทุกครั้ง คุณยายสำลีแกคงงง ว่าอิหนูนี่จะร้องไห้ทำไมนะ 5555
ผูกข้อมือเสร็จแกก็ให้หวายลูกนิมิตจากคำชะโนดมาด้วย หวายนี่เค้าถือกันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ
สำหรับคนที่นับถือ เป็นสิ่งที่หายากมีแต่คนอยากได้ ต้องขอบคุณแกมากๆเลย
จริงๆขอบรรยายความรู้สึกหน่อย ตอนที่เรามาพักที่โฮมสเตย์ ต้องบอกว่า
อารมณ์เหมือนไปนอนบ้านยายเราที่ต่างจังหวัดเลย แต่นั่นมันทำให้เรารู้สึกดีมากถึงมากที่สุด
การพักโฮมสเตย์แบบนี้ถ้าเราจะหาการบริการตลอดเวลาจากเจ้าของบ้านเราอาจไม่ได้
เพราะเจ้าของบ้านเค้าก็ใช้ชีวิตของเค้า ซ่อมหลังคา ซ่อมระเบียง ซักผ้าหรือทำนู่นทำนี่อยู่
จะแวะมาทักทายเราบ้างมาบอกเมื่อทำอาหารเสร็จ แต่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกในด้านลบเลย
กลับรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านไม่ต้องมาเอาใจเรามากแต่ดูแลอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่พักโอมสเตย์แบบโฮมสเตย์จริงๆ คือสมัยนี้จะมีโฮมสเตย์ที่เป็นแค่ชื่อ
รู้สึกพอใจมากกับการพักโฮมสเตย์ครั้งนี้
ก่อนกลับคุณยายบอกให้เราแวะไปไหว้นมัสการพระธาตุบ้านเดียม
ก็คือวัดที่เราเดินผ่านไปผ่านมาระหว่างบ้านกับทะเลบัวแดงนั่นแหละค่ะ
ไหว้พระขอพรก่อนกลับเสร็จเราก็ออกเดินทางกลับกรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมรของเราต่อไป
ทริปท่องเที่ยววิถีไทยๆ ทริปนี้สิ้นสุดแล้วนะคะ
พอจะเป็นไอเดียเล็กๆน้อยๆ ให้เพื่อนๆออกเดินทางตามหาความเป็นไทยกันได้บ้างรึเปล่า
จริงๆแล้วสถานที่ท่องเที่ยวไม่ได้มีแค่นี้หรอกค่ะ มีมากมายแต่เวลาเราน้อยจึงเก็บได้ไม่หมด
วันไหนมีโอกาสจะเดินทางไปอีสานเหนืออีกรอบ เมื่อถึงวันนั้นจะกลับมาทำรีวิวอีกครั้ง
รักเมืองไทยเที่ยวเมืองไทยกันนะคะ เมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายจริงๆ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมนะคะ สวัสดีค่ะ -/\-