ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    GO OUT THERE •  กุมภาพันธ์ 16 , 2559

    ทริปเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน

    'หนาว' เมื่อไหร่ ก็คิดถึง 'เหนือ' 

    บางสถานที่ไปกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ บางสถานที่ต่อให้เดินทางไกลแค่ไหนก็ไม่เคยบ่น และบางสถานที่ไปครั้งเดียว...ไม่เคยพอ คงเพราะสถานที่เหล่านั้นอิ่มอวลไปด้วยมนต์เสน่ห์ซึ่งมีเฉพาะตัว ที่แม้จะเคยไปเยือนหลายครั้งก็ยังทำให้เรานึกถึง...

    แล้ว ความคิดถึง ก็ทำให้เกิด ทริปเหนือ ฉบับเดินทาง 4 จังหวัด 5 วัน กับระยะทาง 1,500 กิโลเมตร ที่จะทำให้เราหายคิดถึง 'เขา' 

     

    : : Trip 4-8 Dec 2015  |  เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และน่าน : : 

    'หน้าหนาว' เมืองไทย เขาแวะมาไม่นานก็...ไป เราก็เลยต้องรีบหยิบเสื้อกันหนาว ที่ปกตินอนเหงาอยู่ก้นตู้ เก็บกระเป๋าพาตัวเองออกไปสัมผัสลมหนาว ที่นานๆ สักครั้งจะพัดผ่านมา ออกไปยืนมองภูเขาสูง...ละเลียดฟ้า ระไอหมอกขาวจางๆ ที่เหนือยอดหญ้า ออกไปสูดอากาศสด...สดให้ชุ่มปอดอีกครั้ง :) 

    'ระยะแพลนสั้น ระยะทาง (โคตร) ยาว' การเดินทางข้ามจังหวัด เปลี่ยนที่นอนทุกคืนแบบนี้ เราก็เลยเตรียมแผนการเดินทางกับศึกษาเส้นทางจากจังหวัดนี้ไปจังหวัดนั้นไว้คร่าวๆ ไม่ได้แพลนอะไรนัก นอกจากเรื่องที่พักที่คิดว่าจองไว้สะดวกกว่า ไม่ว่าจะถึงดึกดื่นแค่ไหนก็ไม่ต้องห่วงนะ 

    นั่นล่ะ! ภารกิจตามหา 'ที่พัก' ให้ครบสี่จังหวัดในช่วงวันหยุดยาวๆ ก่อนเดินทางไม่กี่วันก็เลยเริ่มขึ้น เพิ่งรู้ว่านี่งานหินเลยนะ ในตอนนั้นที่ไหนๆ ก็เต็ม ตามด้วยหาเช่ารถตู้ ที่คันไหนๆ ก็ถูกจองไว้แล้วอีก เอิ่ม...พักปาดเหงื่อแป๊บนะ _ _!

    : : เที่ยวนี้เป็น Family Trip ที่ไปกัน 5 คนค่ะ สไตล์...กินอิ่ม นอนสบายในบางคืน [เอาใจผู้ใหญ่] วิวสวย แวะถ่ายรูปข้างทางบ้อยบ่อย แบบไม่กลัวคนขับงอน [อันนี้ตามใจเรา] ก็ผสมผเสกันให้แฮบปี้ครบทุกวัยล่ะเนอะ :)

     

    เราตั้งต้นการเดินทาง ที่นี่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ที่พูดได้ว่า 'คุ้น' เพราะเจอหน้ากันทุกปี มิหนำซ้ำบางปียังเห็นหน้ากันหลายครั้งซะด้วย ก็ที่นี่เขามี [ของ] ที่ชวนให้ต้องมา [ลิ้มลอง] ด้วยสายตาตัวเองอยู่เรื่อยๆ นี่นะ 

    อันที่จริง...มาบ่อยแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก ก็ จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีถึง 25 อำเภอ ที่บางอำเภอเราก็ยังไม่เคยเฉียดไปถึงด้วยซ้ำ 

    : : เจ็ดร้อยกิโลเมตรแรก จากกทม. ถึงเชียงใหม่ พวกเรา 'ชิวล์' ไปกับการนั่งๆ นอนๆ มีเพื่อนเป็นขนมกรุบกริบ ห่อแล้วห่อเล่า กับหน้า Feed Facebook ร่วมๆ สิบชั่วโมงก็ถึงตัวเมืองเชียงใหม่ บวกกับอีกชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงที่พักใน อำเภอแม่แตง ที่ว่า...เมื่อยๆ เหนื่อยเพลียก็ดูจะหายวับในเช้าวันใหม่ เมื่อได้เห็นบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทกลางขุนเขา...แบบนี้ :) 

    เมื่อคืนกว่าจะถึงที่พักเป็นตอนเกือบๆ สามทุ่มล่ะ ติดต่อล็อบบี้ซึ่งอยู่ด้านหน้าสุดของรีสอร์ท นั่งรถกอล์ฟเข้าไปอีกสองร้อยเมตรได้ก็ถึงบ้านพัก ที่ตอนนั้นรู้แค่ว่า...ด้านหลังของห้องติดสระ เมื่อเปิดประตูกระจกแบบบานเลื่อนออกไป เห็นแค่เงาตะคุ่มไหวๆ ของต้นไม้กับสายน้ำสีเข้มที่สะท้อนวับๆ กับแสงสลัวของพระจันทร์ 

    ...เป็นค่ำคืนที่สงบเงียบ ชวนให้พักผ่อนเสียจริงๆ ตอนนั้นเรายังไม่รู้หรอกว่าบรรยากาศโดยรอบรีสอร์ทเป็นแบบไหน จนถึงตอนนี้ที่ต้องสตั้นท์ไปหลายวิ กับ...วิวเขาที่รายล้อมบ้านพักสีส้มอิฐ หลังที่เราอาศัยนอนเมื่อคืน 

    : : สิบแสนรีสอร์ท แอนด์ สปา (Sibsan Resort & Spa) ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแม่ตะมาน ตำบลกึ้ดช้าง อำเภอแม่แตง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 57 กิโลเมตร ขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาทีก็ถึง 

    รีสอร์ทตกแต่งสไตล์ล้านนาไว้อย่างมีเอกลักษณ์ เดาว่ามี 'ช้าง' เป็นสัญลักษณ์ (หรือเปล่า?) อันนี้สังเกตจากองค์ปั้นพระพิฆเนศที่อยู่ตรงวงเวียนทางเข้ารีสอร์ท รูปภาพกับรูปปั้น ส่วนตกแต่งกระจุกกระจิกอื่นๆ ในตัวอาคารก็เช่นกัน บูทิคโฮเทลแห่งนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา รวมไปถึงแมกไม้นานาพันธุ์ แลร่มรื่น มีอาณาเขตติดกับ ปางช้างแม่แตง ซึ่งเข้าไปชมและทำ Activity เช่น ล่องแพ ขี่ช้าง ชมทัศนียภาพของบรรยากาศรอบๆ ได้

    : : เราเข้าพักใน Delux Pool Villa บ้านพักหลังเดี่ยวที่มีด้านหน้าติดสวน กับด้านหลังที่เปิดประตูแล้วกระโจนลงน้ำได้เลย ภายในห้องกว้างขวาง มีการแบ่งโซนเป็นส่วนของห้องน้ำ [แยกส่วนเปียก ส่วนแห้ง] ตู้เสื้อผ้าบิวท์อินกับโต๊ะเครื่องแป้ง ถัดเข้าไปเป็นส่วนของเตียงขนาดคิงไซส์ ที่ใช้ผนังร่วมกับโต๊ะเครื่องแป้ง และด้านในสุด เป็นโซนนั่งเล่นขนาดกะทัดรัด พร้อมชุดโซฟายาว [เมื่อเสริม 1 ท่าน ทางรีสอร์ทจะใช้บริเวณนี้ปรับเป็นเตียงเสริม] 

    เช้าวันใหม่ที่มาพร้อมกับสายหมอกเรี่ยจางกับอากาศที่กำลังสบาย กลบกลืนความอ่อนล้าของเมื่อวานให้ต้องกระตือรือร้นตื่นขึ้น ยังไม่ถึงแปดนาฬิกาดีเราก็ลุกขึ้นเปลี่ยนชุด คว้าผ้าพันคอมาใช้ให้สมกับอากาศ ฉวยกล้องแล้วออกไปชมบรรยากาศนอกห้อง ตอนนี้จึงได้เห็นว่าห้องพักของเราอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพที่น่าทึ่งจริงๆ :) 

    เรามุ่งหน้าไปยังห้องอาหารซึ่งอยู่ส่วนหน้าของรีสอร์ท (ถัดเข้ามาจากล็อบบี้) แต่ก็สามารถเดินลัดเลาะสวนไปถึงห้องอาหารได้เช่นกัน

    ...ดูเหมือนว่าการจัดวางผังของรีสอร์ท ไม่ว่าจะเป็นบ้านพัก สระน้ำ ศาลาหรือกระทั่งสวนที่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้พันธุ์ต่างๆ มีความเชื่อมต่อให้เดินถึงกันได้ เราว่าเป็น ความลงตัว ระหว่างธรรมชาติกับส่วนพักผ่อนหย่อนใจ ที่ทำให้เราเดินชมบรรยากาศรอบรีสอร์ทได้โดยไม่เบื่อ

    เกือบสามร้อยวันในปีหนึ่งๆ เรามักคร่ำเคร่งอยู่กับ 'ความรีบเร่ง' ที่ทำให้ต้องรีบรนไปเสียทุกอย่าง ตั้งแต่...ตื่นนอน กินข้าว ขับรถ เรียนหนังสือหรือไปทำงาน เป็นกิจกรรมที่แข่งกับเวลาเกือบทั้งสิ้น กับอีกหลายสิบวันที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่ก็วัน 'ลาพักร้อน' ที่นานๆ จะบีบให้เจ้านายอนุมัติได้ ถึงจะมี Vacation Time กับเขาบ้าง 

    ความชุลมุนชุลเก ทำให้เวลาของวันหนึ่งๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนบ้างครั้ง...เราก็ลืมว่าทำอะไรไปบ้าง? กินอะไรเป็นข้าวเที่ยงของเมื่อวานหรืออาหารเช้าของวันก่อนหน้านั้นคืออะไร บางทีก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน จนสงสัยว่า 'ความรีบร้อน' พราก 'ความทรงจำ' เล็กๆ ช่วงเวลาสั้นๆ ของเราไปแล้วน่ะสิ 

    การเดินทาง ทำให้เราหลุดออกมาจากความวุ่นวาย แม้จะแค่ชั่วครู่ชั่วยาม จับวางเราลงบนฉากใหม่ ที่อาจเป็นทะเล แม่น้ำ ป่าหรือภูเขาสูงเสียดสักที่ ให้เราได้ผ่อนคลาย นั่งนิ่งๆ แล้วมองภาพรอบตัวได้นานขึ้น นานพอจะสังเกตเห็นรายละเอียด สีสัน อุณหภูมิหนาว-ร้อน นานพอจะมองเห็นการเคลื่อนไหวของลม ฟ้า อากาศ และนานพอจะพาเราดื่มด่ำไปกับความรู้สึกที่เรียกได้ว่า...สุข จริงๆ 

     

                 
    • โพสต์-2
    GO OUT THERE •  กุมภาพันธ์ 16 , 2559

    นาทีนี้ จึงไม่มี Moment ไหนดีไปกว่า...การนั่งละเลียดกาแฟร้อนเข้มๆ สักแก้ว ปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปอย่างช้า...ช้า ปล่อยใจให้สัมผัสสายลมแผ่วเย็นและแดดอุ่นที่ผิวแก้ม ซึมซับความชุ่มชื่นของน้ำค้างที่เหนือยอดหญ้า ความชอุ่มเขียวของต้นไม้ต้นสูงกับความอบอุ่น ที่แผ่มาห้อมล้อมด้วยอ้อมกอดของ...ขุนเขา 

    คณะเราออกเดินทางจาก แม่ตะมาน ตอนสิบเอ็ดโมง ถึงตัวเมืองเชียงใหม่ตอนเที่ยงกว่าๆ ก็ตรงไปยังวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เพื่อสักการะพระธาตุประจำปีเกิด 'ปีมะโรง' 

    : : วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร (Wat Phra Singh) ตั้งอยู่บนถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นเอก ที่ประดิษฐาน พระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์ ซึ่งเป็นศิลปะแบบเชียงแสน พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่มาหกร้อยกว่าปี นับตั้งแต่สมัยราชวงศ์มังราย อีกทั้งเป็นวัดที่ประดิษฐาน พระธาตุประจำปีนักษัตรมะโรง ด้วย

    ช่วงเดือนธันวาคมของทุกปีก็จะมาเขียนตุง โดยเขียนชื่อ-นามสกุล วันเดือนปี และปีนักษัตรที่เกิดใส่ในตุง แล้วนำไปแขวนบนตาข่ายสายสิญจ์ที่สานไว้ภายในพระอุโบสถ เป็นกิจกรรมที่ทำทุกปีเมื่อมาเยือนเชียงใหม่ พร้อมกับสรงน้ำพระธาตุปีเกิด ก่อนหน้านี้เป็นการชักรอกกระบอกน้ำขึ้นไปสรงที่ยอดองค์พระธาตุ ปัจจุบันอยู่ในช่วงบูรณะซ่อมแซม ทางวัดจึงจัดทำเป็นซุ้มเล็กๆ จำลององค์พระธาตุให้ผู้คนที่มาสักการะได้สรงน้ำตรงนี้แทนค่ะ  

    : : ถัดจากนั้นไปต่อที่ วัดอินทขีลสะดือเมือง (City Pillar Temple) ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ตรงสะดือเมืองที่ประดิษฐานของเสาเมือง อยู่บริเวณถนนอินทวโรรส ตำบลศรีภูมิ ในอำเภอเมือง ใกล้กับหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่หรือศาลากลางหลังเก่า และอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ค่ะ  

    วัดอินทขีลอยู่ถัดเข้ามาจากถนนสายหลักเล็กน้อย มีถนนสายเล็กๆ ตัดผ่านในภายหลังทำให้พระวิหารเดิมซึ่งเป็นไม้ทั้งหลังอยู่ติดถนนเลย พระวิหารหลังนี้เป็นที่ประดิษฐาน พระเจ้าอุ่นเมือง หรือ หลวงพ่อขาว มีอายุยาวนานกว่า 700 ปี นอกจากนี้ยังมี พระทันใจ ให้ได้เข้าไปกราบขอพรกันด้วย  

    บ่ายสามกว่าๆ แล้ว เพิ่งเสร็จจากภารกิจไหว้พระ (ของแม่ๆ) ชวนกันไปหาอะไรกินก่อนจะเดินทางยาวๆ ไปจุดหมายถัดไป แวะที่นี่ ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น หมูก็มีนะเออ... :)

    : : ครัวตุ๋น (Kruatoon) แวะชิมก๋วยเตี๋ยวเนื้อใบพาย หม้อไฟหมู, เนื้อก็มี ชอบตรงวิธีเสิร์ฟนะ เมื่อสั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อใบพาย พ่อครัวจะมาแสดงกรรมวิธีที่โต๊ะ แบบเห็นจะจะเริ่มตั้งแต่เสิร์ฟ...ก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่ ที่ลวกเส้นมาแล้ว พร้อมจัดวางผักสดและชิ้นเนื้อบางๆ โปะหน้ามาแบบสวยๆ จากนั้นราดน้ำซุปร้อนๆ ลงไปจนเห็นชิ้นเนื้อค่อยๆ ดีดตัว และเปลี่ยนสี โรยหอมซอยกับพริกไทดำ เสร็จแล้วพร้อมเสิร์ฟแบบสุกใหม่ น่ากินมาก..กก

    มาที่เดียวนี่ครบรส เราไม่กินเนื้อก็เลยสั่งหม้อไฟหมู (ทานได้ 2 คน) น้ำซุปจืดไปนิด ส่วนวัตถุดิบทั้งผักสด หมูและลูกชิ้นสมราคา กินคู่กับแคบหมูฝอยห่อจิ๋ว เข้ากันมาก มาถึงที่นี่ อย่าลืมเหลือพื้นที่ในกระเพาะอีกนิด สำหรับพุดดิ้งมะพร้าวนมสด มะพร้าวอ่อนๆ เต็มคำ อันนี้อร่อยจนต้องซื้อกลับบ้านเชียว

    ปล. ร้านครัวตุ๋น อยู่ริมถนนใกล้ๆ โรงแรมตุง มีที่จอดรถและหาไม่ยากค่ะ ลองแวะไปชิมดูนะ  

    จาก เชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ จังหวัดเชียงราย ตอนนั้นบ่ายสี่โมงกว่าๆ มีระยะทาง [จิ๊บๆ] ประมาณ 182 กิโลเมตรรออยู่ ตอนสองทุ่มเราก็มาถึงตัวเมืองเชียงราย และแวะหาอะไรรองท้องก่อนเข้าที่พักกันค่ะ 

    มื้อค่ำวันนี้ที่ ร้าน จ.เจริญชัย ร้านข้าวต้มที่แวะมาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว คนเยอะเหมือนเคย ส่วนเมนูที่สั่งก็ไม่ต่างจากครั้งก่อนๆ ที่ต้องมี ผัดมะเขือเสวย เมนูนี้เค้าเด็ดจริงจนต้องสั่งซ้ำ) มะระผัดไข่ ขาหมูกับใส้พะโล้ ไก่สับ และของร้อนประเภทต่างๆ รสชาตดี ราคาก็เป็นกันเองนะ

    ปล. ร้าน จ. เจริญชัย เป็นร้านข้าวต้มสองคูหา เมนูเบสิกแต่อร่อย ถ้ามาเยือนเชียงรายล่ะก็...แนะนำให้มาชิมสักครั้ง

     

    จะถึงดึกดื่นแค่ไหนก็ไม่ต้องห่วง เราจองที่พักเตรียมไว้ซึ่งก็ต้องขับรถต่อไปอีกจนถึง บ้านถ้ำ อยู่ใน อำเภอแม่สาย เนื่องจากอยากได้ที่พักใกล้พระธาตุดอยตุง ค้นหาแล้วเจอที่พักเปิดใหม่ก็เลยลองเลือกที่นี่ ค่ำนั้นกว่าจะเดินทางถึงที่พักก็สี่ทุ่มแล้ว ลงรถปุ๊บรู้สึกถึงความหนาว อุณหภูมิลงลงกว่าในตัวเมืองเชียงรายหลายองศา ก็คว้าเสื้อกันหนาวมาใส่สิ จะรออะไร :) 

    : : เดอะวรรณ รีสอร์ท (The One Resort) เป็นบ้านพักสไตล์วิลล่า ปลูกสร้างเป็นแนวล้อมรอบสนามหญ้ากับสวนกว้าง มีทั้งหลังเดี่ยวและหลังแฝด (พักได้ถึง 6 คน)

    บ้านที่เราพักเป็นแบบหลังแฝด ข้างในมี 3 ห้องนอนกับ 2 ห้องน้ำ ตกแต่งไว้ค่อนข้างเรียบง่าย ทุกหลังจะมีระเบียงยาวๆ ยื่นออกมาเป็นส่วนนั่งเล่น สะอาดและยังใหม่ค่ะ

    ปล. เดอะวรรณ เป็นรีสอร์ทเปิดใหม่ (ของอิสลามนะ) ราคาย่อมเยาว์ เจ้าของให้บริการเป็นกันเองดีค่ะ  

    เช้านี้ที่ จังหวัดเชียงราย จุดหมายลำดับที่สองของ ทริปเหนือ บรรยากาศใน อำเภอแม่สาย อากาศเย็นสบาย น่าจะสักสิบองศาปลายๆ อุ่นกว่าเมื่อคืนเล็กน้อย เราตื่นกันเช้าทันได้เห็นหมอกสีขาวขุ่น คล้ายควันจางๆ ที่โรยตัวคลี่คลุมรอบบริเวณรีสอร์ทจนแทบไม่เห็นบ้านพักหลังอื่น สีขาวตัดกับสีเขียวสดของสนามหญ้า สวนกับต้นไม้ปลุกเรียงราย ไอดินกับกลิ่นหญ้า ท้องนาสีเหลืองอร่ามที่นานๆ จะได้เห็น พกพาความสดชื่นกับอากาศสดๆ ที่เราสูดเข้าไปจนชุ่มปอด :) 

    ห้องอาหารเล็กๆ อยู่ด้านหน้าของรีสอร์ท เป็นส่วนเอาท์ดอร์ที่มี 'วิวนา' ให้ชื่นชมระหว่างกินอาหาร อาหารเช้าง่ายๆ อย่างขนมปังปิ้งจิ้มนม ข้าวต้มไก่สับที่ร้อนจนควันฉุย ถูกยกออกมาจากครัวซึ่งอยู่ติดกัน เครื่องดื่มร้อนๆ ดูจะฮิตฮอทขึ้นมาเชียว ทั้งกาแฟ โอวัลตินอุ่นๆ ที่ใครๆ ก็ต้องชงดื่มแก้หนาว (แบบบริการตัวเองนะ) 

    ครั้งล่าสุดที่มาเยือนวัดพระธาตุดอยตุงคือเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ตอนนั้นมีการปรับปรุงผิวถนนตามไหล่เขาจึงนำรถขึ้นไปถึงวัดไม่ได้ อาศัยมอเตอร์ไซด์ที่ชาวเขารับจ้างไปส่งแล้วรอรับลงมา มาคราวนี้ปรับปรุงเส้นทางเสร็จแล้ว เราก็เลยนำรถขึ้นไปจอดด้านบนได้ วันนี้ลานจอดแน่นขนัดคงเพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว ภายในวัดคึกคักไปด้วยผู้คน คณะเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มาสักการะ พระธาตุดอยตุง เพื่อความเป็นสิริมงคลรับปีใหม่  

    : : วัดพระธาตุดอยตุง (Wat Phra That Doi Tung) ตั้งอยู่ด้านบนของดอยนางนอน ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 46 กิโลเมตร

    พระธาตุดอยตุงเป็นปฐมเจดีย์แห่งล้านนา ซึ่งประดิษฐานองค์พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระรากขวัญเบื้องซ้าย หรือกระดูกไหปลาร้าซึ่งนำมาจากประเทศอินเดีย และเป็นพระธาตุประจำปีผู้ที่เกิดใน 'ปีกุน' ค่ะ 

     

    "สวัสดีเชียงราย" ที่จริงต้องพูดประโยคนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเนอะ แต่ที่เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งก็เพราะที่ที่เรากำลังจะไปคือ...ที่นี่  

    : : สวัสดีเชียงราย Cat Cafe' ชื่อคาเฟ่ของคนรักแมว ที่มีอาหารอร่อย กาแฟรสชาตเข้มถูกใจ แถมยังมีบรรยากาศดีๆ ของทุ่งเขียวให้ถ่ายรูปอีก เป็นครั้งที่สามอีกเหมือนกันที่เรากลับมาเยือนร้านนี้ เพราะอยู่ไม่ไกลจากทางขึ้นวัดพระธาตุดอยตุง แถวบ้านแม่ข้าวต้ม เข้าไปในซอยลึกหน่อยแต่ก็มีป้ายบอกตลอดทางนะ

    ภายนอกของร้านเป็นอาคารหลังสีส้มอิฐ ด้านในเป็นสีเหลืองมาสตาด เข้ากันกับอาหารประเภทสเต็ก อ้อ รายการอาหารแบบตามสั่ง เช่น ผัดกะเพราราดข้าว ก็มีนะเออ ที่พลาดไม่ได้ก็คือ เค้กมะพร้าวอ่อน เครื่องดื่มประเภทโซดา หวานๆ ซ่าๆ กับกาแฟเย็นเข้มๆ แวะไปสักครั้งจะติดใจ :)

    ระหว่างเดินเล่นอาจเจอเจ้าเหมียวเดินโฉบฉาย อวดความน่ารักในฐานะเจ้าของบ้าน ไม่ก็เกลือกตัวไปมากับผืนหญ้าสีเขียวสด และไม่ลืมขึ้นไปบนดาดฟ้าซึ่งเป็น จุดชมวิว 360 องศา ด้านบนเป็นพื้นที่เปิดกว้างจนมองฟ้าสีครามอ่อนๆ กับสีเขียวสดของท้องทุ่งได้แบบสุดลูกหูลูกตาเชียวล่ะ 

    เหนือ 'สิบแสน' สู่แดน... 'ภูลังกา' ตอน 1  พาเรารอนแรมไปหลายที่ จาก เชียงใหม่ สู่ เชียงราย จากเมือง สู่ ป่า และขุนเขา แต่ยังมีจุดหมายปลายทางของ จังหวัดพะเยา กำลังโบกมือหยอยๆ การเดินทางกว่าร้อยกิโลเมตรข้างหน้า พร้อมด้วย 'วิวเขา' ที่จะกลายเป็นเพื่อนเดินทางของเรานับจากนี้รออยู่ มาด้วยกันขนาดนี้แล้วอย่าเพิ่งทิ้งกัน ตามไปเที่ยวด้วยกันนะ 

    อีกอึดใจเดียว ประเดี๋ยวโค้งข้างหน้าก็ถึงแล้ว :)

     

    ขอบคุณที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน ครึ่งทางแล้วค่ะ ฝากติดตาม ทริปเหนือ [เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และน่าน] 

    พบกับ เหนือ 'สิบแสน' สู่แดน... 'ภูลังกา' ตอน 2 เร็วๆ นี้ค่ะ :) 

     

    : : ถ้าเราเป็นคนชอบเที่ยวเหมือนๆ กัน แวะพูดคุย แบ่งปันและแชร์เรื่องเที่ยวด้วยกันได้ ที่เพจ  MINDJourney  นะคะ : :