เราเป็นคนชอบเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชื่นชอบเรื่องสถาปัตยกรรม แต่ที่ชอบที่สุด คือ ชอบดูวิถีชีวิตผู้คน ส่วนการเที่ยวแบบสถานที่ธรรมชาติดังๆ วิวสวยๆ ก็ชอบบ้างแต่ก็ไม่เน้นมากนักดังนั้นการเที่ยวของเราเป็นการเที่ยวเรื่อยๆ เอื่อยๆ ในทริปนี้ก็เช่นกัน

เราไปเชียงใหม่ด้วยเรื่องงาน แต่ก่อนไปทำงานขอไปเที่ยวก่อนละกัน เราเลยไปล่วงหน้าก่อน ไปวันเสาร์ ที่ 9 ม.ค. ไปถึงสนามบินดอนเมืองเราขึ้นที่อาคารใหม่ ปรับปรุงใหม่ สวยเชียว แต่ที่ควรเร่งปรับปรุงมากที่สุดคงเป็นเรื่องห้องน้ำ มันเก่ามากจริงๆ เหินฟ้าด้วยนกแอร์ตอนบ่าย ถึงเชียงใหม่บ่ายสองครึ่ง หยิบแผนที่เมืองเชียงใหม่ที่สนามบินติดไปด้วยเอาไว้เป็นเข็มทิศนำเที่ยว แม้เราจะมี Google Map ก็ตาม

ดอนเมืองโฉมใหม่

ออกประตูนี้เลย

ไปกับนกลำนี้

นั่งรถแดงหน้าสนามบินมาลง Hostel ที่ได้จองไว้แล้วแถววัดเชียงมั่น ชื่อ Hug Bed and Breakfast เอาของมาเก็บ แล้วก็เช่าจักรยานที่ร้านเช่าแถวๆ ที่พัก (ค่าเช่าราคา 50 บาท) ปั่นไปเที่ยววัดเชียงมั่นก่อนเลย  วัดเชียงมั่นเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในตัวเมืองเชียงใหม่ ไปไหว้พระ ไปดูเจดีย์ช้างล้อม สร้างตามแบบศิลปะล้านนา  ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหารใหญ่

สตรีทอ๊าตเล็กๆ แถววัด

แสงเงางามๆ ในพระอุโบสถ จะเห็นลวดลายประตูเป็นหม้อปูรณฆฏะ สัญลักษณ์มงคลในศิลปะอินเดียโบราณ  หมายถึงหม้อน้ำแห่งความอุดมสมบูรณ์

อีกมุมกับแสงสวยๆ

วัดเชียงมั่น

พระประธานในพระอุโบสถวัดเชียงมั่น

ออกจากวัดเชียงมั่น ดูแผนที่คร่าวๆ แล้วใช้ Google Map ช่วย มาวัดที่ใครๆ ต้องมา วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เราปั่นจักรยานมาใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก็ถึง เป็นวัดที่ประดิษฐาน พระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) โดยเฉพาะคนที่เกิดปีมะโรงเช่นเรา ต้องมาไหว้ เป็นมงคลแก่ชีวิต มาถึงวัดพระสิงห์นึกว่าเมืองฝรั่ง ฝรั่งเต็มวัดเลย

วัดที่สาม วัดเจดีย์หลวง มาถึงที่นี่ต่างจากวัดพระสิงห์เลย ที่วัดนี่นึกว่าอยู่เมืองจีน คนจีนเต็มวัด วัดเจดีย์หลวงสร้างอยู่กลางใจเมืองเชียงใหม่ มีพระธาตุเจดีย์หลวงซึ่งถือว่าเป็นพระธาตุที่มีความสูงที่สุดในภาคเหนือ ส่วนในตัวพระอุโบสถเราไม่ได้เข้าไป เนื่องจากได้เวลาทำวัตรเย็นของพระสงฆ์ เราไปไหว้พระนอนซึ่งอยู่บริเวณรอบๆ พระธาตุเจดีย์หลวง

ได้เวลาเสียทรัพย์ ไปตลาดนัดวันเสาร์ย่านถนนวัวลาย หาของกินด้วย หิวมาก เรามาถึงประมาณหกโมงคนยังไม่เยอะเท่าไหร่ เดินได้สักพักเท่านั้นแหล่ะ แทบไม่ต้องเดิน ไหลไป ไหลไป เรามานั่งพักที่วัดศรีสุพรรณ ที่น่าสนใจในวัดนี้คือ อุโบสถเงินทรงล้านนา สร้างด้วยโลหะเงินและดีบุก สวยงดงาม ภายในบริเวณวัดมีตลาดนัดเล็กๆ ให้ได้เพลิดเพลินกันด้วย

วัดศรีสุพรรณ

ไหลไป ไหลไป ไม่ชงไม่ช๊อปมันแระ

เรากลับที่พัก Hostel อาบน้ำ เตรียมตัวนอน อากาศเริ่มเย็นๆ แล้ว ในห้องพักแบบรวม เราพักเตียงชั้น 2 ปืนขึ้นปืนลงสนุกดี เราส่งรูปที่นอนให้เพื่อนดู เพื่อนถามเราว่านอนในรูอีกแล้วเหรอ เราบอกว่าถูกดี สะอาด และสบายดีด้วย อีกอย่างก็ฝึกไว้ สุดท้ายก็ลงนอนในที่แคบๆ กันทุกคนเป็นสัจธรรม ตอนเช้าตื่นมาเราข้ามถนนไปกินร้านโจ๊กชื่อดังของเมืองเชียงใหม่ ร้านโจ๊กสมเพชร อร่อยสมชื่อ ทำบุญใส่บาตรแถวนั้นด้วย

ห้องนอนรวมหญิง เราปืนขึ้นนอนชั้น 2

เรานอนในนี้แหล่ะ ความสูงพอสมควร นั่งได้สบาย หัวไม่ชน

ร้านโจ๊กสมเพชร เดินข้ามถนนจากที่พักก็เจอเลย

อากาศเย็นๆ ได้โจ๊กร้อนๆ อร่อยมากๆ

กลับมาที่พักเก็บข้าวเก็บของ รอคุณน้าข้างบ้านเก่าที่กรุงเทพฯ ซึ่งตอนนี้กลับบ้านมาอยู่ที่เชียงใหม่อย่างถาวรนานแล้ว มารับไปทำบุญสร้างเจดีย์ที่วัดดอยตุ๊โก๋ (ชื่อน่าเอ็นดู) อ.สันป่าตอง เราชอบไปวัดเวลามีงานบุญ เพราะมีชาวบ้านมาตั้งโรงทานกันเยอะ เรางี้เดินกินจนอิ่มแปล้ ยิ่งเราเป็นคนเดียวที่พูดภาษากลางในวัดแล้ว ชาวบ้านยิ่งให้เราลองกินโน่นกินนี่เยอะไปหมด 

อุโบสถวัด

พระอุปคุต-พระแห่งโชคลาภและคุ้มกันภัยทั้งปวง

ร่วมสร้างเจดีย์องค์ใหม่

บรรยากาศงานบุญ เราชอบเต้นท์ชั่วคราวของวัดมาก สร้างง่ายๆ มุงหลังคากันแดดด้วยใบสัก

หลังคาใบไม่ เรียบง่าย งดงาม

ตุงทำบุญ

บรรยากาศงานบุญ

แมงเม่ากินเงินเป็นอาหาร ด้วยลีลาสุดแซ่บ เราเลยให้อาหารแมงเม่าไป 100 บาท

บรรยากาศงานบุญ

ทำบุญที่วัดดอยตุ๊โก๋เสร็จ คุณน้าก็พาเข้าเมืองไปวัดผาลาดเป็นวัดที่อยู่ข้างทางขึ้นดอยสุเทพ วัดนี้เป็นวัดที่สงบมากๆ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สิ่งก่อสร้างภายในวัดงดงามในแบบที่เรียบง่ายผสมผสานกับธรรมชาติอย่างลงตัว เราได้สนทนากับตุ๊เจ้าในวัดด้วย เราถามถึงความหมายรูปปั้นต่างๆ เช่น รูปปั้นองค์ซ้าย พญาธรรมมิกราช องค์ขวาพญาอินตาธิราช ตุ๊เจ้าก็อธิบายได้อย่างน่าฟัง เราเองไม่กล้าเล่าต่อ กลัวจะผิดเพี้ยนไป รวมถึงสีผ้าจีวรที่ตุ๊เจ้าท่านห่มอยู่ในวัด จะเป็นสีที่ทำจากไม้ฝาง เป็นสีดั้งเดิมที่มีมานานแล้ว ท่านนุ่งห่มเพื่ออนุรักษ์ไว้ แต่ถ้าออกนอกวัดท่านก็จะห่อมจีวรสีปกติทั่วไปที่เห็นกัน ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสไปดอยสุเทพ ก็อย่าลืมแวะวัดเล็กๆ สงบเงียบแห่งนี้นะคะ

ทางเข้า

อุ๊ยพามาไหว้พระ

ข้าวตอกดอกไม้ แม่อุ๊ยทั้งหลายเตรียมกันไป

วิวเมืองเชียงใหม่ดูได้จากวัดผาลาด

รูปปั้นองค์ซ้าย พญาธรรมมิกราช องค์ขวาพญาอินตาธิราช

คุณน้าสนทนากับตุ๊เจ้า

บ่ายสามแล้วต้องกลับบ้าน บ้านน้าเราชื่อบ้านปางน้ำถุ อยู่ ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด เป็นหมู่บ้านเล็กๆ บนเขา มาถึงก็มากราบยายก่อน ยายเป็นแม่ของน้าเพ็ญอายุ 97 ปีแล้ว อากาศเย็นมาก ที่นี่กลางคืนอุณหภูมิเหลือเลขตัวเดียว เราห่มผ้าหลายชั้นมากๆ วันรุ่งขึ้นเราเดินเที่ยวในหมู่บ้าน เดินจนทั่ว หิวก็เดินกลับบ้านกินข้าว แล้วก็เดินถ่ายรูปโน่นนี่อีก ที่ต้องเดินเล่น เพราะถ้านั่งอยู่เฉยๆ จะหนาวเลยต้องเดินให้หายหนาว เดินไปก็ทักคนนั้นคนนี้ที ไม่รู้จักหรอกคุยไปเรื่อย ที่นี่มีฟาร์มตัวอย่างด้วยเราเดินเข้าไปดู เจ้าของบ้านก็ต้อนรับดี พาเดินดูโน่นนี่ ที่นี่มีทั้งเพาะเห็ด เลี้ยงปลา กุ้งล๊อบสเตอร์ ลองกอง เงาะโรงเรียน ทุเรียน มีครบ คุณพี่เจ้าของบ้านให้ลองชิมเม็ดกาแฟสุกด้วย รสชาติหวานๆ ดี เรากินไปหลายลูกอยู่ ดอกไม้ที่นี่ก็สวยดี เดินไปตามรายทางก็มีให้ชมเพลินตา เราค้างอีกคืน พรุ่งนี้สายๆ ต้องกล่าวคำอำลากันแล้ว

บ้านคุณน้า

วิวจากระเบียงบ้าน

คุณน้าทำกับข้าวให้กิน

คุณยายอายุ 97 ทำงานแต่เช้า

บรรยากาศทั่วไปในบ้านปางน้ำถุ

เห็ดหอม

ต้นกาแฟ พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่บ้าน เดินไปตามทางก็มีขึ้นอยู่ข้างทางเต็มไปหมด

คุณยายจันทร์สมกับบ้านพระราชทานที่ได้รับจากในหลวง

ดอกไม่สวยๆ ข้างทาง

ดอกไม่สวยๆ ข้างทาง

หมาน้อย ไม่ดุเลย

ดอกหอมหมื่นลี้

เช้านี้มีพระมาบิณฑบาตถึงบ้าน น้าบอกว่านัดมาให้ยายได้ใส่บาตร วิถีชีวิตที่นี่เรียบง่ายดี ได้เวลาพอสมควร เราลายาย ยายให้พรยืดยาวเป็นภาษาไทลื้อเพราะยายพูดกลางไม่ได้ น้ามาส่งขึ้นรถเหลืองหน้าหมู่บ้าน ไปลงสถานีขนส่งช้างเผือก เพื่อต่อรถไปแม่แตงไปเจอชาวคณะเพื่อประชุมงาน เราอยู่รีสอร์ทที่แม่แตงอีกสามวัน สะดวกสบายทุกอย่าง แต่ก็ยังคิดถึงบ้านน้าบ้านยาย ถึงไม่สบายเท่าที่รีสอร์ต แต่ก็อิ่มใจที่ได้พัก แล้วจะกลับไปอีก จบทริปเรื่อยๆ เอื่อยๆ ที่เชียงใหม่ แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้าค่ะ