เสาร์ 20 ก.พ. 59 หนีความวุ่นวาย และมานอนทิ้งกายที่เกาะเทโพ
เมืองพระชนกจักรี ปลาแรดรสดี ประเพณีเทโว ส้มโอบ้านน้ำตก
มรดกโลกห้วยขาแห้ง แหล่งต้นน้ำกระแกกรัง ตลาดนัดดังโคกระบือ
นี่คือคำขวัญของเมืองที่เราจะไปในทริปนี้ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวสามวันติดกัน เสาร์-อาทิตย์-จันทร์ (มาฆบูชา) จึงไม่รอช้ารีบหาข้อมูลและจับจองที่พัก ทริปนี้ตัดสินใจไปอุทัยฯ เพราะแปะไว้นานแล้ว ไม่ไกลด้วย แต่สิ่งนึงที่เตรียมใจไว้ล่วงหน้าคือคนต้องเยอะแน่ๆ ก็หน้าเทศกาลนิ ที่ไหนได้พอไปถึง รถยนต์บนท้องถนนนับคันได้เลย มันโล่งซะจนคิดว่าผู้คนหายไปไหนกันหมด ใช่เลย...นี่คือเมืองที่ตามหามานาน
ทริปนี้ไปกันสี่คน ขับรถไปกัน นัดรวมตัวกันที่บิ๊กซีวงศ์สว่าง เวลาประมาณ 6.30 น. เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ไปค่ะ
เราไปเส้นทางหลวงหมายเลข 32 สายเอเชียนี่แหละ ผ่านอยุธยาก่อนเลย เราขอถือโอกาสแวะพระราชวังบางปะอินเป็นด่านแรก
ค่าจอดรถ 20 บาท ค่าเข้าชมคนละ 30 บาท วันนี้คนเขียนรีวิวนุ่งกางเกงยีนมีรอยปรุรูเท่ามดรอด ทางเจ้าหน้าที่เรียกให้ไปใส่ผ้าถุงสวมทับ ตอนแรกก็ขัดขืนอิดออดเล็กน้อยแต่ใส่ก็ใส่ ผ้าถุงสวยดีนะ 555 จ่ายมัดจำไป 200 แล้วเข้าวัง
สวยดีนะ เช้าๆ คนยังไม่เยอะ พอสายเท่านั้นล่ะ ทัวร์มาลงเต็มเลย
หมาอุทัยนี้รักสงบ
เมื่อได้เวลาออกจากวังช่วงสายๆ เราขับรถผ่านอ่างทอง สิงห์บุรี เข้าสู่เมืองชัยนาท ที่นี่เราได้แวะปักหมุดที่บึงกระจับใหญ่
ที่นี่จุดเด่นคือแพลูกบวบ สะพานไม้ไผ่แพลูกบวบ ที่ทอดผ่านบึงกระจับใหญ่ อ.หันคา จ.ชัยนาท มุ่งหน้าเข้าสู่เกาะเมืองท้าวอู่ทางที่อยู่กลางบึง นับเป็นเส้นทาง unseen ที่ยังมีระบบนิเวศน์ที่อุดมสมบูรณ์ และบนเกาะมีบ้านเรือนอาศัยอยู่เพียง 2-3 ครอบครัวเท่านั้น
เดินทางมาถึงบนเกาะ ดูแล้วยังมีการพัฒนากันอีกเยอะ
ที่นี่แดดร้อนจัดมาก พวกเราอยู่ได้ไม่นานก็ขึ้นรถมุ่งหน้าต่อไป โดยแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 333 หลังจากนั้นข้ามสะพานข้ามแม่น้ำสะแกกรัง นั่นหมายความว่าเราเข้าสู่เกาะเทโพแล้วนั่นเอง ที่พักที่จองไว้คืนนี้คือพญาไม้รีสอร์ท เป็นเรือนแพที่เคยถ่ายละครเรื่อง "เรือนแพ" ที่กันย์กับโตโน่เดอะสตาร์แสดงนำมาก่อน ถ้าเป็นวันหยุดอย่างนี้ราคาอยู่ที่ 2,600 บาทต่อคืนพร้อมอาหารเช้า เรือนนี้นอนได้สี่คนพอดีเลยค่ะ
เรือนนี้กว้างใช้ได้เลย น่าอยู่ มีแอร์ ทีวี ตู้เย็น ห้องส้วมกับห้องน้ำแยกกัน
นี่เป็นระเบียงด้านนอก กว้างขวางมากมาย พวกเราสามารถเล่นโยคะตรงบริเวณนี้ได้อย่างสบาย ส่วนวิวไม่ต้องพูดถึง ฟินเว่อๆ สิ่งที่เห็นคือวิถีชีวิตของชาวเรือนแพที่ยังหลงเหลืออยู่ประมาณ 200 หลังคาเรือน ทุกแพมีบ้านเลขที่ด้วยนะเออ
เรามาถึงเกาะเทโพประมาณบ่ายสอง เรานอนเลื้อยในเรือนแพสักพักจนกระทั่งเย็นๆ ก็ออกมาตลาดในตัวเมือง จากรีสอร์ทมาไม่ไกลนัก สามารถเดินได้ เดินเลี้ยวซ้ายจากรีสอร์ทจะเจอสะพานข้ามแม่น้ำสะแกกรัง ข้ามไปก็เป็นตลาด มีของกินมากมาย โดยเฉพาะวันนี้วันเสาร์ มีถนนคนเดินตรงตรอกโรงยาด้วยค่ะ
ตรอกโรงยา ถนนคนเดินเก่าแก่ริมแม่น้ำสะแกกรังแห่งเมืองอุทัยธานี สมัยก่อนที่นี่เคยเป็นแหล่งชุมชนที่เข้ามาสูบฝิ่นเป็นจำนวนมากซึ่งมีกฎหมายรับรองอยู่ และที่นี่ยังเคยเป็นแหล่งค้าขายของชาวจีนอพยพที่เข้ามาตั้งหลักแหล่งตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ปัจจุบันถนนคนเดินแห่งนี้ก็ยังคงมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นที่พวกเราสามารถไปสัมผัสกันได้ ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงสองทุ่มครึ่ง
มานี่เจอแต่หมา แมวซักตัวไม่เห็นเลย
นี่คือสะพานข้ามระหว่างตลาดและเกาะเทโพ รถยนต์ผ่านไม่ได้นะ ได้แต่คน จักรยาน และมอเตอร์ไซค์เท่านั้น
ถ้ายืนบนสะพานและมองไปทางฝั่งเกาะเทโพ เราจะเห็นวัดโบสถ์ หรือวัดอุโปสถาราม
มองเห็นแม่น้ำสะแกกรัง ที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนเรือนแพมาเป็นเวลาช้านาน
วัดโบสถ์ เดิมชือวัดโบสถ์มโนรมย์ เป็นวัดเก่าแก่อยู่ริมแม่น้ำสะแกกรัง สิ่งที่น่าสนใจในวัดได้แก่จิตรกรรมฝาผนัง เป็นภาพเขียนสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ภาพจิตรกรรมเล่าถึงพุทธประวัติเริ่มตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพาน
“มณฑปแปดเหลี่ยม” เป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปสูงสองชั้น
จุดสนใจอีกหนึ่งจุดคือเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นเจดีย์สามสมัย มีรูปแบบที่แตกต่างกัน เป็นศิลปะแบบอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น
เดินเล่นจนใกล้ค่ำ พวกเราก็กลับไปพักผ่อนกันที่รีสอร์ท และแล้วก็หมดไปหนึ่งวันอย่างรวดเร็ว
เ ว ล า ที่ เ ดิ น เ ร็ ว บ น เ ก า ะ แ ห่ ง นี้ ที่ วิ ถี ชี วิ ต ยั ง ค ง เ ดิ น ไ ป อ ย่ า ง ช้ า ช้ า