การเดินทางของโบว์ครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นแล้วค่ะ โบว์กำลังเดินทางไปอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีจังหวัดเล็ก ๆ
ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ผู้คนน่ารัก การเดินทางก็ไม่ไกลจากกรุงเทพอีกด้วยค่ะ
อย่างที่ทราบกันดีว่าที่นี่มีสถานที่ยอดฮิตหลายแห่ง แต่มีอีกสิ่งที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบของนักเดินทาง
นั่นคือการได้ไปพักผ่อนในที่ ๆ มีอากาศดี ๆ กิน อยู่แบบชาวบ้าน ที่ “บ้านโคก” หมู่บ้านชาวลาวครั่ง
จ.สุพรรณบุรีค่ะ
ถึงแล้วค่ะข้างหน้านี้เองที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน มีจุดสังเกตเป็นจักรยานโบราณอายุนับ 100 ปี
จักรยานมีความผูกพันกับชาวบ้านโคก หรือเรียกได้ว่าเป็น “วิถีจักรยาน” เพราะเป็นพาหนะหลักที่ชาวบ้านใช้
ขนผลผลิตทางการเกษตรอย่างข้าว บางคันรับน้ำหนักได้มากถึง 100 กิโลเลยนะคะ
ถึงแม้ว่าปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงมาใช้รถยนต์แต่ชาวบ้านยังมีการอนุรักษ์และใช้จักรยานในการสัญจรไป-มา
ให้ได้เห็นกันค่ะ ที่นี่มีบริการเช่าจักรยานด้วย วันละ 30 บาทเท่านั้นเอง
ว่าแล้วไปเลือกจักรยานและออกเที่ยวชมหมู่บ้านกันดีกว่าค่ะ
ได้มาแล้วพร้อมลุย!ค่ะปั่น ปั่น ปั่น โบว์ปั่นจักรยานด้วยความชิลล์ ข้างทางมีดอกไม้ที่ชาวบ้านช่วยกันปลูกมองดูแล้วสบายตาดีจัง
เราปั่นจักรยานมายังบ้านเก่า 3 หลังที่ดูแปลกตาไม่เหมือนบ้านอื่น ๆ ได้ความว่านี่คือบ้านโบราณ
เป็นบ้านเรือนไม้หลังใหญ่อายุหลายสิบปีเลยทีเดียวค่ะ
เราปั่นจักรยานกันต่อ เพื่อไป“หอเจ้านาย” ด้านหน้ามีลักษณะเป็นลานโล่ง
เมื่อเดินเข้ามามีศาลเพียงตาขนาดย่อมจำนวน 7 หลังตั้งเรียงกันไป นับเป็นบรรยากาศที่ดูแล้วช่างขรึมขลัง
ที่นี่เป็นศูนย์รวมจิตใจ และที่ยึดเหนี่ยวของชาวบ้านโคก
มีการสืบทอดประเพณีวิถีวัฒนธรรมอันทรงคุณค่ามาจากลาวหลวงพระบาง
หอเจ้านายบ้านโคกยังมีลักษณะพิเศษตรงที่เป็นดั่งสิ่งคุมความประพฤติ
สิ่งกำกับการกระทำและจิตใจของคนในหมู่บ้านให้ทำแต่ความดี
ใครที่ทำไม่ดี ผิดจารีต ผิดวิถี หรือที่เรียกว่า “ผิดผี” ต้องมาสารภาพต่อเจ้าพ่อกวน พร้อมแก้บนขอขมา
ซึ่งเจ้าพ่อกวนจะเป็นคนตัดสินว่าต้องขอขมาแก้บนอย่างไร
ทุก ๆ ปีที่บ้านโคกจะมีการจัดงานเลี้ยงผีขึ้นในช่วงราวเดือน 7 ไทย(ราวมิถุนายน)มีการจัดงานกัน 2 วัน คือวันสุกดิบและวันงานจริง
โดยพ่อกวนจะเป็นผู้กำหนดวันเวลาที่แน่นอนในช่วงใกล้ก่อนวันงานด้วยความสำคัญ
อย่างที่โบว์บอกที่นี่จึงถือเป็นไฮไลต์สำคัญของเส้นทางปั่นจักรยาน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ถึงวิถี
และจารีตประเพณี รวมถึงให้ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์ไว้ด้วยค่ะ
โบว์ยังสนุกอยู่เลยค่ะ แต่ท้องดันหิวซะก่อน ผู้ใหญ่เงาะเตรียมอาหารมาให้โบว์ด้วย
เมนูพื้นบ้านที่วัตถุดิบหาได้จากภายในหมู่บ้าน “ข้าวเหนียวปลาทอด” อิ่มอร่อยไปอีกมื้อค่ะ
ด้านหน้าที่เห็นอยู่นี้คือลูกปัดเลียนแบบจากลูกปัดที่เคยขุดพบในพื้นที่อู่ทอง มีแต่ลูกปัดสวย ๆ
เต็มไปหมดเลย โบว์เลือกทำกำไลข้อมือค่ะ ออกแบบเองไม่ซ้ำใคร มีชิ้นเดียวในโลกนะคะ
เสร็จแล้วค่ะ สวยใช่มั้ยคะฝีมือโบว์
ตกเย็นเรามาเดินเล่นที่ตลาดชุมชนบ้านโคก ตลาดเล็กๆแต่เต็มไปด้วยความสุข
ที่นี่ถือเป็นศูนย์รวมให้ชาวบ้านได้ออกมาพบปะกันหลังจากทำงานมาทั้งสัปดาห์
บ้านไหนทำอะไรก็นำออกมาขาย มีทั้งอาหาร และผักสด ๆ ไร้สารพิษที่ชาวบ้านปลูกเอง
ขนมแปลก ๆ ก็มีค่ะ อย่างขนมตาควาย ที่ใหญ่สมชื่อ ที่เห็นอยู่นี้ 20 บาทเองค่ะ รสชาติอร่อย หนึบ ๆ
เคี้ยวไปเพลิน ๆ หมดถ้วยซะแล้ว เที่ยวเล่นสนุกมาทั้งวันไปพักผ่อนเก็บแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ
โบว์อยู่ที่นี่เป็นวันที่สองแล้ว เพราะยังติดใจกับบรรยากาศของชุมชนอยู่
เช้าวันนี้จึงออกไปเดินเล่นในหมู่บ้าน หาชาร้อน ๆ ดื่มสักแก้ว แม่ ๆ ที่นี่ใจดีมากเลยค่ะ
สีหน้าเปื้อนยิ้มกันแต่เช้าเลย
วันนี้มีนัดกับพี่เปิ้ลเพื่อไปเรียนรู้การทำขนมจีนแบบโบราณ บ้านขนมจีนท่าพระตะวันออก
พี่เปิ้ลส่งยิ้มมาแต่ไกล พร้อมอวดน้ำยาหลากหลายที่เตรียมไว้ให้โบว์
ดูสิคะน่ากินมาก ๆ เลย พร้อมแล้วไปลงมือทำกันเลยค่ะ
บีบ ๆ นวด ๆ ออกแรงตำแป้งจนได้ที่ดี อยากให้สีสันน่ารับประทานก็เลือกสีมาใส่
สีที่ใช้ล้วนแต่ทำมาจากธรรมชาติ สีเหลืองจากฟักทอง สีม่วงจากอัญชัญ สนุกกับการผสมสีที่ชอบ
มาถึงจุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์เพราะต้องออกแรงบีบและอาศัยความชำนาญ
การบีบเส้นขนมจีนลงในน้ำที่อุณหภูมิไม่ร้อนจัด รอสักครู่ให้เส้นลอยขึ้นมาก็ตักขึ้นนำมาจับเส้นเรียงให้สวยงาม
เป็นอันเสร็จค่ะ
เอาหล่ะ มาหม่ำฝีมือตัวเองกัน!!! อ้ามม…อร่อยมากค่ะ รสชาติเค็มนิด ๆ กินคู่กับน้ำยาและผักสดเข้ากั๊น เข้ากันบ้านขนมจีนโบราณท่าพระตะวันออก หมายเลขโทรศัพท์ 092 6450498 , 035 505579
โดยมีค่าใช้จ่ายกิจกรรมเพียงคนละ 200 บาท
ออกเดินทางไปยังจุดหมายถัดไป โบว์อยู่ที่ชุมชนต้นแจงพัฒนา อำเภออู่ทอง
แหล่งเรียนรู้สมุนไพรอันทรงคุณค่าซึ่งนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ยาดม-ยาหม่อง
มีป้าต้อยผู้ดูแลการทำกิจกรรมในครั้งนี้ค่ะดูสิคะ ส่วนผสมสมุนไพรตำรับโบราณ หอมชื่นใจมาก ๆ เลยค่ะ
โบว์ชื่นชอบกานพลูเป็นพิเศษเพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่ฉุน
ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เสมือนอยู่ในสปาเลยค่ะ
ฝาของยาหม่องที่เห็นนี้ ทำมาจากดินปั้นจำลองเป็นรูปผู้คนสมัยทวารวดี ทำออกมาหน้าตาน่ารักมากทีเดียวป้าต้อยเปิดโอกาสให้โบว์ได้ทำเองด้วย
มาลุ้นกันค่ะว่าตุ๊กตาหัวโบราณบนฝายาดมของโบว์จะออกมาหน้าตาแบบไหน
เสร็จแล้วค่ะ ไม่ยากเลยเพียงแค่ตั้งใจสักนิดเพื่อไม่ให้สีเปรอะเปื้อน ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ฝึกสมาธิได้ดีทีเดียวค่ะ
นี่ค่ะน่ารักมั้ย ? ขออวดฝีมือตัวเองสักหน่อย
หรือใครชอบตุ๊กตาแบบอื่น ๆ ก็สามารถเลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วยค่ะ
ได้โชว์ฝีมือการทำศิลปะบนหัวยาดมไปแล้ว …
เราไปทำจักสานที่บ้านหนองเสือกันต่อเลยค่ะ
กิจกรรมการทำยาดม-ยาหม่องสมุนไพรโบราณ ก็สามารถติดต่อไปได้ที่วิสาหกิจชุมชนต้นแจง
หมายเลขโทรศัพท์ 08 1763 9230 โดยสนนราคาในการทำกิจกรรมนี้เพียงแค่ 250 บาท
ที่นี่ถือเป็นแหล่งจักสานที่สำคัญของอู่ทอง เพราะมีการสืบทอดวิชาการจักสานจากรุ่นสู่รุ่น
โดยทำเป็นอาชีพหลักและเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำจักสานด้วย
การได้ทำสิ่งประดิษฐ์หรืออะไรที่ต้องใช้เวลาโบว์ว่าฝึกสมาธิได้ดีทีเดียวค่ะสานไปสานมาได้ที่รองแก้วมาหนึ่งใบค่ะ ไม่ยากเลยเอากลับบ้านได้อีกด้วย
เวลายังพอมีมาที่อู่ทองทั้งทีเราไปเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของความโบราณ
ที่เราได้ไปเรียนรู้เพิ่มเติมอีกสักหน่อยค่ะ สันนิษฐานได้ว่า เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรทวาราวดี
และเป็นศูนย์กลางของดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และประเพณี
ของชนชาติพันธุ์ต่าง ๆ ก่อนจะหลอมรวมเป็นชาติไทยในปัจจุบัน ภายในจัดแสดงประวัติเรื่องราว
และโบราณวัตถุให้เราได้ศึกษากันค่ะ
เวลาเปิด-ปิด 09:00 น.- 16:00 น.
ค่าเข้าชม คนละ 30 บาท
การได้ไปเยือนอู่ทองของโบว์ครั้งนี้ได้อะไรกลับไปหลายอย่างที่มากกว่าความรู้
โบว์ยังได้ทั้งเสียงหัวเราะ และมิตรภาพน่ารัก ๆ จากชาวบ้านได้ลงมือทำกิจกรรม Work shop สนุก ๆ
ที่หวนถึงวันวานทีไรก็อดยิ้มไม่ได้ นี่หรือเปล่าคะที่เรียกว่าความสุขอยู่รอบ ๆ ตัวเรา
ชมรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค ตอน อิ่มอก อิ่มใจ ไปเยือนอู่ทอง จ.สุพรรณ
ได้ที่นี่ค่ะ https://youtu.be/6IPWPCTCQoU
ติดตามชมรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค
ทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 15.30 – 16.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส