คนโดนเท...เดินเซไปลำปูนนนนน
อย่างที่บอก ปีนี้นโยบายการออกทริป คือ "สายบุญ...ขาเลาะ" ใจหนึ่งอยากเข้าป่า ยิ่งฟัง แมีกซ์ เจนมานะ ร้องเพลงวันหนึ่งฉันเดินเข้าป่ายิ่งอยากเดินตามไปเลย อิอิ
เพื่อไม่ให้ผิดคอนเซ็ป เราเลยตั้งเป้าว่าอยากไปนอนนับดาวสัมผัสลมเย็น ดื่มด่ำวิถีชุมชนชาวกระเหรี่ยง และสโลว์ไลฟ์สไตล์เดอะแก๊งปากหมาฯ ที่ึี่ซึ่งเรื่อยๆ เอื่อยๆ เฉื่อยๆ เถลไถลไม่เคยเดือดร้อนว่าจะนอนยังไง กินยังไง ขอแค่มีที่พอให้กางเต้นท์และห้องน้ำก็พอแล้ว
Go go go เราไปลำปูนกันเต๊อะ!!!! แต่>>>>ทำไม ต้องลำพูน????
เพราะ>>>ลำพูนเป็นเมืองเล็กที่สุดในภาคเหนือ และมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานน่าสนใจ เป็นเมืองที่มีความสวยงามทั้งประเพณี วัฒนธรรมและการอยู่ร่วมกันของชุมชน ผู้คนกระเหรี่ยงเผ่าต่างๆ เป็นเมืองที่มีความสโลว์ไลฟ์อย่างแท้จริง>> และอีกหลายเหตุผลที่จะมาเยือนรวมทั้งเป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย
เราออกเดินทางกันคืนวันพุธก่อนวันหยุดในวันพระใหญ่ "มาฆบูชา" กว่าจะได้เจออย่างพร้อมเพรียงก็เล่นปาเข้าไป 4 ทุ่ม
เราไม่เคยต้องให้เวลามาเป็นข้อจำกัด เพราะค่ำที่ไหน นอนมันตรงนั้น รอบนี้วางแผนคร่าวๆ เพียงว่าอยากไปให้ทันตักบาตรผักผลไม้ "สาวสวยซุ่มซ่าม" เลยต้องคำนวณระยะฝีเท้าที่เหยียบน้องมังคุด เวลาจำกัดของเราอยู่ที่เที่ยงคืน เดอะแก๊งฯ เป็นคนอนามัยต้องนอนให้พอจะได้มีแรงเที่ยวต่อ 5555 เวลา ตี 3.30 คือเวลาที่ต้องเดินทางต่อ รอบนี้รถค่อนข้างน้อยเพราะผู้คนไม่ค่อยออกไปเที่ยวกัน เลยพอทำเวลาได้ แต่ยังไง๊ ยังไง แม้จะไปสายเหนืออยู่บ่อยครั้งก็ต้องหลงตามสไตล์เดอะแก๊งฯ จนเป็นอาการปกติที่ไม่มีใครตื่นเต้นกัน เพียงขอให้ได้หลงสักนิดไม่งั้นก็ไม่ใช่เดอะแก๊งฯ สิ 5555
เลือกใช้เส้นทางถนนหมายเลข 1 นครสวรรค์-ตาก-ลำพูน แต่เป็นการตัดสินใจของ "สาวสวยซุ่มฯ" คนเดียวเพราะคนอื่นๆ หลับกันยาวววววว ในความเป็นจริง ."สาวเท่ห์ฯ" ตั้งใจจะให้ไปเส้นนครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์ เพราะในขณะที่หลับๆ อยู่ได้ยินเสียง "สาวสวยซุ่มฯ" กำลังถกเถียงกะ "สาวคิกขุ" ว่าถึงตากแล้ว สะดุ้งตื่น!!! ไปทำไม ตาก ??? อ้าว +++ ก็ดูจากแผนที่มันใกล้กว่าง่ะ.... เฮ้า เอาวะ ไปก็ไปเพราะจะให้วนรถกลับก็ไม่ทันแล้ว เพราะพวกเราถือว่า เดินหน้าแล้วไม่มีถอยหลัง 5555 เส้นทางที่เราไปแม้จะระยะทางสั้นกว่า แต่รู้แล้วว่าทำไม "สาวเท่ห์ฯ" ให้ไปอีกเส้น เพราะทางต้องขึ้นเขา - ลงเขา - โค้งหักศอก มันเลยออกจาเสียวๆ นิดส์หนึ่ง แต่มั่นใจได้ในการขับของ "สาวสวยซุ่มฯ" เพราะรถไม่มีเบรค แหกโค้งได้เหมือนลู่ลม แม้สองสาวจะแอบมีกรี๊ดไปตามจังหวะการโยก ทำให้คิดถึง "สาวห้าวฯ" ที่หากมาด้วยมีหวังต้องขอถุุงเพื่อกันอ้วกแน่นอน 55555 โยก โยก โยก โยกเข้าไปให้มันหลุดโลก
เราถึงบริเวณชุมชนและวัดพระบาทห้วยต้มตามที่กำหนดไว้ คือ 08.45 น.และรีบเข้าไปให้ทันชาวบ้านตักบาตรผักผลไม้กัน>>>
จากถนนหลักสายลำพูน-ลี้ เข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตรกว่า ถนนลาดยางใหม่ ทำให้ขับแบบสบายใจถึงแม้ 2 ข้างทางจะดูแห้งๆ แต่ก็ยังมีความสวยงามให้เห็น ^^ โล่งอก เห้อออ!!!! ชาวบ้านยังคงทยอยเอาผักและผลไม้ไปรวมกันเพื่อรอถวายพระ ในช่วงเวลานี้พระยังสวดมนต์อยู่ในโบสถ์ เดอะแก๊งฯ จึงมีเวลาไปหาซื้อผลไม้ ขอบอกที่นี้เป็นชุมชนเขตปลอดเนื้อสัตว์ มีข้อห้ามปักป้ายเด่นชัดไว้หน้าวัดเลยว่า ห้ามนำเนื้อสัตว์เข้ามาในบริเวณวัดโดยเด็ดขาด ชาวบ้านล้วนมีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาจึงทำให้ดูเป็นชุมชนที่สงบ เรียบร้อย สะอาดและผู้คนก็ดูยิ้มแย้มสวยงาม ไม่ได้ชมจนออกนอกหน้านะ แต่เมื่อเข้ามาในบริเวณหมู่บ้านได้สัมผัสถึงบรรยากาศนี้จริงๆชาวบ้านจะเป็นชาวกระเหรี่ยงปกาเกอะญอ วันพระใหญ่ค่อนข้างมีความสำคัญต่อชาวบ้านในชุมชน ทุกคนจะแต่งกายสวยงามเพื่อมาวัด เดอะแก๊งฯ ตื่นตาตื่นใจทั้งเสื้อผ้าที่สวยงามของชาวบ้าน และราคาของผักผลไม้และอาหารของที่นี้ เพราะถือได้ว่าถูกมากมาย มีชาวบ้านกระซิบบอกคืนนี้ตอนเวียนเทียนชาวบ้านทั้งหนุ่มสาวลูกเด็กเล็กแดงและคนแก่จะแต่งกายสวยงามมาวัด
แค่นี้ก็สนุกแล้วสิ แต่ตอนนี้รีบไปร่วมถวายผลไม้ก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาเดินเล่นกัน
เสร็จภารกิจในการถวายผักและผลไม้ เรายังมีเวลาในการเดินชมหมู่บ้าน ท้องหิวแล้วเพราะยังไม่ได้กินข้าว หันไปเห็นร้านข้าวมันไก่ติดกับวัดจึงขอเข้าไปชิมหน่อยนะ ไอ้เราก็เปิ่น ไปถึงก็สั่งเลย "เอาข้าวมันไก่ไม่เอาหนัง 1 คะ" น้องแม่ค้าหันมายิ้มบอกที่นี้ไม่มีหนังอยู่แล้วคะ มีแต่หนังเทียมและเอาออกยาก เราก็หือ !!!! ลืมไป ป้ายอันเบ่อเริ่ม ว่าเป็นร้านมังสวิรัติ หน้าแหกแตกเป็นเสี่ยงๆเลย 5555
เพื่อไม่ให้หน้าแตกไปมากกว่านี้เลยถามเมนูว่ามีอะไรบ้าง สั่งมันทุกอย่าง 555 แต่ขอบอกว่า "อร่อยทุกอย่าง ยิ่งขนมจีนเจ กับส้มตำเจ กินจนยกจานซดน้ำกันเลยทีเดียว 555 แถมด้วยแคปหมูเจที่ทำจากฟองเต้าหู้ อือหือ มันแซ่บจริงไรจริง ^^
หลังจากกินอิ่มแล้วเราจึงต้องเดินเล่นในวัดและชุมชนเพื่อย่อย บรรยากาศดีมาก ขอบอกในวัดตกแต่งสวยมากด้วยธรรมชาติและต้นไม้ อากาศสบายๆ เดินไปแล้วอยากนอนแถวนั้นซะเลยเพราะมีกุฏิพระที่เหมือนบ้านพักหรือรีสอร์ทบริเวณวัดมีอาคารที่มีภาพติดผนังที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ไว้สวยงามมาก ยิ่งในโบสถ์ยิ่งสวยงามเพราะมีพระพุทธบาทอยู่ด้วย แต่ข้อห้ามคือผู้หญิงเขาจะมีเขตกั้นไว้จึงไม่สามารถดูได้อย่างใกล้ชิดเดินดูรอบๆ ยิ่งรู้สึกผ่อนคลาย บริเวณวัดสงบเงียบและร่มรื่น ผู้คนที่นี้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก จากที่สังเกตหลายคนจะถอดรองเท้าไว้ตั้งแต่ประตูเข้าวัดเพื่อไม่ให้เหยียบเม็ดทรายออกไปจากวัด และไม่ตะโกนโหวกแหวก
เราเดินเล่นกันจนจะสาย เห็นมีร้านขายเครื่องเงิน และเห็นป้ายมีศูนย์วิจัยงานหัตถกรรมบ้านห้วยต้ม อืมมม น่าจะมีของให้ชม ต้องไปพิสูจน์ ห่างจากวัดประมาณ 300 เมตร ย้อนกลับออกมา เลี้ยวเข้าไปตามป้ายบอกทางด้านขวามือ ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง เห็นผู้สาวเล็ก-ผู้สาวใหญ่กำลังรวมกลุ่มกันปักผ้า ทอผ้าและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน งานนี้อยากขอเข้าไปร่วมด้วยแต่ยืนมองแล้วคงยากอ่ะ ฝีมือไม่มี 5555 นอกจากจะเป็นศูนย์รวมให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันทำแล้วยังมีศูนย์จำหน่ายด้วย เห็นแล้วอยากขนกลับใส่ท้ายรถให้หมดเพื่อเอามาขายต่อ 5555 แต่ก็เกรงใจสาวเท่ห์ฯ กะสาวคิกขุฯ ที่อาจต้องตีรถทัวร์กลับกรุงเทพเองเพราะไม่มีที่นั่งสำหรับเธอสองคน ^^ ที่เห็นและชอบอีกอย่างคือป้ายและพระบรมฉายาลักษณ์คู่บารมี ทั้ง 4 พระองค์เวลาใกล้เที่ยง เราต้องไปหาข้าวกินกัน สาวเท่ห์ฯ เสนอเราไปหาร้านข้าวและกินบรรยากาศกันที่ "คิดถึงวิทยา" กันไหม??? อืมมมม อะไรคือ "คิดถึงวิทยา" อ๋อ+++ คือ เรือนแพที่เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "คิดถึงวิทยา" ไม่ใช่ชื่อสถานที่ท่องเที่ยวหรอก อิอิ เพราะจริงๆ แล้วมีชื่อเรียกว่า "แก่งก้อ"
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง เราเข้ามาตามเส้นทางตรงไปที่ "แก่งก้อ" คือจุดเช็คอินสถานีถัดไปของเรา ซึ่งอยู่ห่างจากชุมชนวัดพระบาทประมาณ 40 กิโลเมตร
"แก่งก้อ" จะมีจุดกางเต้นท์ ทีแรกเดอะแก๊งฯ ตั้งใจจะนอนกางเต้นท์ที่นี้ แต่นึกขึ้นได้ต้องกลับไปเวียนเทียน กลัวจะเสียเวลาย้อนไปมา ค่อยไปหาที่พักในตัวเมืองลี้จะใกล้กว่าเสียดายที่มาในวันนั้น ที่ร้านอาหารในเรือนแพอาหารโน้น นี้ นั่น ที่เดอะแก๊งต้องการหมดไปหลายอย่าง มีเฉพาะอาหารที่มีข้อจำกัดของแต่ละคน จึงได้แต่สั่ง ข้าวผัดปู และต้มยำเท่านั้น TOT
ใกล้จะมืดค่ำหละ เดอะแก๊งฯ ยังไม่มีที่พัก เราจึงต้องออกไปหาที่พักกันในตัวเมืองลี้ ขับมันไปเรื่อยๆ ในตัวเมืองลี้มีที่พักให้เลือกหลายที่ แต่เราขอแบบติดถนนเดินทางสะดวกเพราะเดี๋ยวพวกเราจะต้องไปร่วมเวียนเทียนกับชาวบ้านที่พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงสาใกล้ๆ กับวัดพระบาทห้วยต้มอีก กลัวจะเสียเวลา เพราะขอบอก ตั้งแต่เช้าเรายังไม่ได้อาบน้ำกันเลย แต่ล้างหน้าแปรงฟันแล้วนะคร้าาาา ^^
เดอะแก๊งฯ ได้ที่พักคือ โชคไพบูลย์ รีสอร์ท อยู่ถนนสายลี้ - บ้านโฮ่ง เลยตัวเมืองลี้มาประมาณ 500 เมตร และเลยปั้ม ปตท.ประมาณ 100 เมตร ชอบที่มีห้องพัักหลากหลายให้เลือกที่สำคัญคือราคาไม่แพง ออกจะถูกแต่ไม่มีอาหารเช้า เราเลือกห้องแอร์ราคา 400 บาท เตียงใหญ่สามารถนอนได้ 3 คน ห้องกว้างเพราะรูปแบบบ้านเป็นหลัง
เดอะแก๊งฯ ไม่เอาอะไรมาก แค่ขอที่พักสะอาด เตียงนุ่ม อากาศเย็นสบายมีตู้เย็น น้ำดื่ม เครื่องทำน้ำอุ่นก็แค่นั้น 55555 แหม!!!! นี้ก็ดีถมเถ เพราะจริงๆ เดอะแก๊งฯ นอนง่ายไม่เลือกมาก ปั้มน้ำมัน นอนบนดิน กินกันบนรถก็ทำกันมาหมด แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว ใจจริงกะขอแค่บริเวณสนามหญ้าบ้านไว้กางเต้นท์หละ แต่เกรงใจ อิอิ ^^
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จหละ เริ่มออกเดินทางกันต่อเดี๋ยวเขาจะกลับกันหมด
เสร็จจากเวียนเทียน ดีใจที่วัยรุ่นผู้หนุ่ม-ผู้สาวมาวัดแต่งกายสวยงามกัน ยิ่งดึกผู้คนยิ่งหนาตา เดอะแก๊งฯ นั่งเล่นชื่นชมบรรยากาศ แต่ไม่วายท้องหิว เลยเดินไปหาขนมกินที่ร้านขายของชำข้างๆ รู้สึกมีความสุขมากมายเพราะขนมราคาถูกมาก ติดใจเห็ดลมทรงเครื่อง แม้จะแข็งไปนิดแต่รสชาติอร่อย เลยเหมาไปจนเกือบหมด ของในท้องถิ่นราคาถูกมากถุุงละ 5 บาท 10 บาท แต่ถ้าของที่เอามาจากในเมืองก็ราคาตามปกติแต่อาจจะถูกกว่าในกรุงเทพและใน 7-11 เพราะไม่ต้องจ่ายค่าแอร์ อิอิเสร็จจากเวียนเทียนเริ่มง่วงนอน อ๋อ เป็นเพราะเรายังไม่ค่อยได้นอนกันเลย ว่าแล้วทำไมยังไม่ 3 ทุ่มเลย ต่างคนต่างหาวแล้ว รีบกลับไปชาร์จพลังดีกว่า เพราะพรุ่งนี้ต้องไปอีกหลายที่ กู้ดไนท์นะ ราตรีสวัสดิ์