หยุดกายพักใจไว้ที่....ลำปาง "เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา"
ไป...ไปเต๊อะไปแอ่ว ไปเต๊อะไปแอ่ว...ฟังจบปุ๊บ คิดทันทีว่าจะไปไหนดีในช่วงฤดูหนาวนี้ ใจก็อยากไปแอ่วเชียงใหม่แต่ติดที่ไปบ่อย และคนน่าจะเยอะ จึงตัดสินใจไปจังหวัดน้องของเชียงใหม่แทนก็ได้ นั่นคือ "จังหวัดลำปาง" ลำปางทริป 3 วัน 2 คืน จึงเริ่มต้นขึ้น
DAY 1 บ้านเสานัก วัดพระธาตุลำปางหลวง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ตลาดกองต้า
เราออกเดินทางกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้ามืดเพื่อให้ไปถึงลำปางช่วงเช้าอยู่จะได้ไม่เสียวันเที่ยวมากนัก พอลงเครื่องก็มุ่งหน้าตรงไปที่สถานีรถไฟนครลำปางกันก่อนเลย ตั้งใจจะฝากท้องไว้ที่ก๋วยจั๊บเจ้าเด็ดครบเครื่องเลื่องชื่อของที่นี่ ร้านนี้ไม่มีสาขานะครับ พออิ่มก็เดินทางต่อ จริง ๆ แล้วเมืองลำปางนี่เป็นเมืองที่เงียบสงบดูสโลวไลฟ์ดีนะ มองเพลิน ๆ ก็ไปสะดุดตาที่เจ้ารถม้าริมถนนที่จอดรอนักท่องเที่ยวอยู่ มาเที่ยวเมืองรถม้าก็ต้องลองนั่งซักหน่อย รถม้าที่จอดอยู่แต่ละจุดเราสามารถเลือกเส้นทางได้ตามใจเรา จะนั่ง 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมงก็ได้ แต่ละเส้นทางก็จะมีจุดแวะให้เราลงไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศในเมือง อย่างเส้นทางที่เราเลือกนี้ก็จะผ่านทั้งบ้านเสานัก และวัดพระธาตุลำปางหลวง ส่วนใครรู้สึกว่ารถม้ามันช้าไม่ทันใจ เมืองลำปางก็ยังมีรถเหลือง หรือรถสองแถวไว้บริการด้วย จะเหมาทั้งลำ หรือไปตามรอบก็ได้ทั้งนั้น
จุดแวะแรกของรถม้าที่เรานั่ง คือ บ้านเสานัก ภาษาเหนือ แปลว่า “บ้านเสามาก” เพราะว่าเป็นบ้านเรือนไม้สักที่มีเสาจำนวนมากถึง 116 ต้น มีลักษณะการก่อสร้างเป็นแบบศิลปะพม่าผสมล้านนา เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น และด้วยลักษณะที่โดดเด่นของบ้านเสานักจึงมีนิตยสารจากทั้งไทย และต่างประเทศเข้ามานำข้อมูลไปเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รับรู้ แต่ที่นี่ไม่มีผู้อาศัยอยู่แล้ว จึงเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวมาชมความงามที่ยังหลงเหลืออยู่จากอดีตถึงปัจจุบัน ในบ้านเสานักนี้มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณ เช่น แหย่งช้างของเจ้าหลวงลำปาง หีบโบราณ เครื่องอัดกลีบผ้าม่วง กำปั่นเหล็ก เครื่องเขิน เครื่องเงิน ที่ผนังติดภาพเจ้าดารารัศมี และภาพของเจ้าของบ้านรุ่นแรก ๆ ทำให้เวลาเดินคนเดียวก็มีขนลุกบ้างบางจังหวะ
ถัดจากบ้านเสานัก เราก็มาแวะไหว้พระต่อที่ "วัดพระธาตุลำปางหลวง" สถานที่แห่งนี้ถือเป็นมนต์เสน่ห์ของลำปางขนานแท้เลยก็ว่าได้ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาแต่โบราณ และเป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย อีกทั้ง พระธาตุลำปางหลวง ยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู ที่นี่มีความสวยงาม และอลังการด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในแนวกำแพงใหญ่ ส่วนบันไดด้านหน้าเป็นนาคสองชั้น หัวนาคชั้นแรกเป็นมังกรคล้ายนาคตามคตินิยมทางเหนือ สำหรับสุกภาพสตรีที่ต้องการเข้าชมวัดนี้ไม่ควรนุ่งขาสั้นนะครับ แต่ถ้าเผลอนุ่งมาทางวัดก็มีผ้าถุงให้ยืม ขนาดลายผ้าถุงก็ยังสวยงดงามคงความเป็นสาวเหนือไว้อีกด้วย ในพระธาตุลำปางหลวงแห่งนี้จะประกอบด้วย วิหารหลวง เป็นวิหารประธานของวัด ตั้งอยู่บนแนวเดียวกับประตูโขง และองค์พระธาตุเจดีย์ ภาพเขียนสีโบราณเรื่องชาดก, องค์พระธาตุเจดีย์, วิหารพระพุทธ, วิหารน้ำแต้ม, ซุ้มพระบาท, กุฎิพระแก้ว และ พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมศิลปวัตถุจากที่ต่าง ๆ ที่หาชมได้ยาก เช่นสังเค็ด ธรรมาสน์ คานหาบ ตู้พระไตรปิฎก รายละเอียด และรีวิวเพิ่มเติมของ พระธาตุลำปางหลวง สามารถอ่านได้ ที่นี่ ครับ
ถึงเวลาอำลาน้องม้าไปต่อกันที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย กันบ้าง ที่นี่จะรวบรวมทุกอย่างที่เกี่ยวกับช้างไว้ แถมยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นสถานที่ดูแลช้างต้น หรือช้างสำคัญของพระมหากษัตริย์ถึง 6 ช้างด้วยกัน แต่จู่ ๆ เราจะไปชมเลยไม่ได้นะครับ เพราะช้างของพระมหากษัตริย์ก็ต้องได้รับอนุญาติให้เข้าชมจากกษัตริย์เท่านั้นเราเลยจะชมการแสดงช้าง และอาบน้ำช้างกันครับ (รอบการแสดงช้างที่นี่จะมีอยู่ 3 รอบ รอบแรกเวลา 10:00 น. รอบสอง 11:00 น. และรอบสุดท้าย 13: 30 น. ส่วนการแสดงช้างอาบน้ำจะเริ่มกันตอน 09:45 น. และรอบสองเวลา 13:15 น. ) ที่บึงอาบน้ำช้างนี้ก็จะมีควาญช้างพาช้างของตัวเองมาต้อนรับนักท่องเที่ยว ใครจะให้อาหารช้างก็เชิญได้เลยครับ แอบบอกว่าช้างตัวเด็กจะเน้นข้าวโพดเป็นหลัก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีลานแสดงช้าง การสาธิตทำไม้ด้วยช้าง และโชว์วาดรูปจากช้างศิลปินประจำศูนย์ หรือใครชอบความตื่นเต้นจะลองนั่งช้างดูก็ได้รับรองว่าไม่เหมือนนั่งอยุธยาแน่นอน อันนี้มีพาลงน้ำเข้าป่าของจริงด้วย
ตามแพลนของเราจุดหมายสุดท้ายของวันนี้คือ กาดกองต้า เหนื่อยกับม้า และช้างมาทั้งวันก็เดินหย่อนน่องพักผ่อนที่ถนนคนเดินของลำปางกันหน่อย แต่ถ้าจะเดินถนนคนเดินที่นี่ต้องมาในวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วง 17.00 – 23.00 น. เท่านั้นนะ ส่วนบ้านเรือสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ก็สามารถมาชมได้ทุกวันตามปกติ กาดกองต้า หรือตลาดจีน เป็นย่านตลาดเก่าตั้งอยู่ขนานกับลำน้ำวัง มีอาคารโบราณอายุเหยียบร้อยปี ปัจจุบันได้ตกแต่งบูรณะฟื้นฟูให้อาคารเก่ากลับมามีชีวิตชีวา กลายเป็นถนนสายวัฒนธรรมที่สวยงามมีเอกลักษณ์ หรือถนนคนเดินแห่งเมืองลำปาง มาดูกันเรื่องของขายก็มีแทบทุกอย่าง อีกทั้งยังมีขนมแปลก ๆ ที่หากินได้ยากในปัจจุบัน ทั้งขนมข้าวปั้นโบราณที่หน้าตาเหมือนขนมถ้วยแต่ไม่ใช่ ไข่ป่ามในกระทงใบตอง ลูกชิ้นจัมโบ้ก็มี ส่วนคุณสาว ๆ จะช้อปปิ้งที่นี่ก็มีให้เลือกทั้งผ้ามัดย้อมแบบเมืองเหนือ ชุดวินเทจ ผ้าทอ ผ้าพื้นเมือง เดินเพลินได้ทั้งคืนเลยรับรอง