ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    Coco •  ตุลาคม 23 , 2558

    หัวลำโพง สะเตชั่น

    Date:17.10.2015
    Canon AE-1 Program
    Film : Fujicolor C200

    Page : http://www.facebook.com/CocofolioPhotography

     

                            ทริปนี้เริ่มต้นจากเจอที่พักแห่งหนึ่งชอบมาก ใกล้ๆกรุงเทพตั้งใจไปสัมผัสความเงียบริมน้ำ จึงวางแพลนอยากไปพักและเที่ยวไปในตัว เมื่อมีแพลนคร่าวในใจก็จัดการจองที่พักทันที

                            กำหนดการคือตั้งใจจะไปแต่เช้า ไปถึงหัวลำโพงสักเจ็ดโมงเช้า แต่ที่ไหนได้ดันตื่นเจ็ดโมงเช้าเอง ทำให้แผนการที่คิดคร่าวๆล่มตั้งแต่ตื่นนอนแร่ะ เลยคิดว่าไม่ต้องรีบละ รีบแล้วเสียแผนตลอด เพราะคอนเซปของทริปนี้ คือ อยากเป็นทริปชิวๆสบายๆ ใกล้ๆกรุง ไม่เร่งไม่รีบ

                            อาบน้ำแต่งตัว กว่าจะออกจากบ้าน ก็แปดโมงกว่า ออกจากบ้านแถวสมุทรปราการ ไป หัวลำโพงด้วยรถสาธารณะ ฟรีบ้าง จ่ายตังค์บ้างตามเส้นทางการเดินรถ ขสมก.เพื่อไปถึงหัวลำโพง ตอนนี้ไม่กะเวลาละ เพราะถึงตอนไหน ก็ไปจองตั๋วฟรีตอนนั้นเลย

     

    ภาพจากกล้องมือถือ

    ภาพซ้าย ได้ตั๋วแรกรอบใบล่าง เวลา 9.25 น. แต่มาถึงเกือบ 9 โมงครึ่ง พนักงงานดันออกตั๋ว 9.25 น. แล้วบอกให้รีบวิ่งเลย รถไฟน่าจะยังไม่ออก ไอ้เราก็ใส่เกียร์หมาวิ่งโกย ไปชานชลาที่ 8 เหนื่อยฟรีเลย รถไฟออกไปต่อหน้าต่อตา อาการนี้คือตกรถ(ไฟ) สินะ 555 เจ็บใจมั้ย บอกเลยว่าไม่ แต่ทำไมต้องรีบวิ่งด้วย เหนื่อยน่ะเว้ย (ด่าตัวเองในใจ ฮ้าๆ) จึงไปจองตั๋วรถไฟฟรีรอบใหม่ ได้รอบต่อไป คือรอบ 11.20 น. รอรอบนี้ไปแบบยาวๆเลย

    ภาพขวา อยู่ในช่วงเทศกาลกินเจ และตัวเองก็กินบ้างไม่ไกินบ้างถ้าเจอร้านก็จะกิน หลังจากได้ตั๋วฟรีรอบ 11.20 น. มาแล้วดูเวลายังต้องรอคอยอีกเกือบ 2 ชั่วโมง บวกกับหิวข้าวเช้า เลยเดินเข้าศูนย์อาหารหาข้าวเช้ากิน เจอร้านอาหารขายอาหารเจ ไม่เสียความตั้งใจ เลยสั่งอาหารเจ กับกาแฟที่ไม่เจ แฮ้ๆ

     

    ภาพต่อจากนี้จะลงภาพจากกล้องฟิล์มทั้งหมดนะค่ะ

    เพราะทริปนี้เอากล้องฟิล์มไปตัวเดียว

     

     

     

                            หลังจากทานข้าวเช้าอิ่มแล้ว มองดูนาฬิกา ยังเหลือเวลาอีกเย่อะกว่าจะถึงเวลารถไฟฟรีขบวนรอบต่อไปจะมา จึงเดินถ่ายรูปเล่นเพื่อฆ่าเวลาไปพลางๆ ตอนเช้าๆผู้คนยังไม่เย่อะแต่กำลังทะยอยเดินทางมาเพื่อขึ้นรถไฟไปตามที่ต่างๆ ส่วนมากที่เห็นจะเริ่มมีนัก Backpacker คนไทยมากขึ้น ส่วนมากเป็นเด็กๆน้องๆปิดเทอมไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มบ้าง สองสามคนบ้าง คนเดียวบ้าง รวมทั้งตัวเอง ผิดกับเมื่อก่อนจเจอแต่คุณลุง ป้า คุณตา คุณยาย กระเตงสัมภาระมาขึ้นรถไฟกัน แล้วก็นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อาจเพราะวิถี สโลวไลฟ์กำลังมาแรงในตอนนี้ก็ได้ แต่เป็นการดีที่สุดเพราะอยากให้คนไทยหันมเที่ยวไทย จะ สโลว์ไลฟ์ จะฟาสท์ ไลฟ์ ก็เอาเถอะ ไทยเที่ยวไทยบรรยากาศจะได้คึกคัก

     

     

                           บรรยากาศตรงชานชลา ภาพผู้คนต่างกำลังทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งหน้าที่โดยสาร ทั้งหน้าที่พนักงานในส่วนต่างๆของทางการรถไฟ เห็นแววตาคุณยายมีความสุขที่จะได้กลับบ้านซ่อนอยู่ ความสุขของเด็กน้อยที่จะได้นั่งรถไฟ นึกถึงความสุขสมัยเป็นเด็กน้อยของตัวเอง นั่วรถไฟครั้งแรกไปสระบุรี ตื่นเต้นมากๆถึงกับนอนไม่หลับเลยทีเดียว เข้าใจความรู้สึกนั้น โลกของเด็กน้อยมักตื่นเต้นในทุกๆเรื่องเสมอ

     

     

                          ความ Classic  ของสถานีรถไฟแห่งนี้ยังคงมีอยู่แม้เวลาจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่ยังคงอยู่ที่สถานีรถไฟหัวลำโพงนี้ยังคงมนต์ขลังความเก่าความคลาสสิคอยู่เสมอต้นเสมอปลาย การอนุรักษ์ไว้เป็นเรื่องที่ดีมาก

     

     

                      วิถีจากบ้านต่างจังหวัดสู่วิถีคนกรุง ความซับซ้อนวุ่นวายในเมืองกรุงก็เช่นกัน วุ่นวาย เร่งรีบไม่เคยเปลี่ยน ชีวิตที่แข่งกับเวลากับชีวิตที่ใช้ไปตามเวลา มันแตกต่างกัน ใครปรับตัวได้คนนั้นก็อยู่รอด...ใครปรับตัวไม่ได้ ก็พาหัวใจช้ำๆกลับบ้านเกิด

     

     

                     ปู๊น ปู๊นๆๆ แปลว่ารถไฟมาแล้ว ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง ฮ้าๆ รอมาเป็นเพลานานถึงเวลากระโดดขึ้นรถไฟฟรีไปจับจองที่นั่งกันตามสบาย รถไฟที่ขึ้นไปลงอยุธยาจอดเทียบชานชลาที่ 7 จากสถานี ป้าย กรุงเทพ-ตาคลี

                     เราขึ้นคนหลังๆเลยก็ว่าได้ ขี้เกียจขึ้นไปแย่ง เห็นคนแย่งกันขึ้นจะเป็นลม เดินไปขึ้นอย่างช้าๆพร้อมกับความไม่แน่ใจว่าใช่ขบวนนี้หรือเปล่า และเพื่อความแน่ใจจึงเดินไปถามนายสถานีประจำขบวนอีกรอบ สรุปว่าใช่ขึ้นได้กลัวผิดขบวนมากๆ

     

                        

                             บรรยากาศบนรถไฟต่างจับจองที่นั่งกันไป จะมีแม่ค้า พ่อค้ามาขายอาหารกันตั้งแต่รถไฟยังไม่ออก ไปจนถึงปลายสถานี ส่วนเราอยากจะอุดหนุนอาหารสักมื้อ แต่ว่าติดที่กินเจอยู่ ได้แต่เสียดายไว้คราวหน้าไม่พลาดแน่นอน เขาว่าราคามิตรภาพและอร่อยเหมือนกัน

     

                    

                        รถไฟมาถึงสถานีบางซื่อ ซึ่งเป็นสถานีที่คนขึ้นเย่อะและลงเย่อะพอสมควร แปลว่ารถไฟฟรีเป็นทางเลือกหนึ่งของชีวิตคนกรุงที่หนีรถติดบนท้องถนนใหญ่ แต่เป็นทางเลือกที่อาจจะใช้เวลาในการเดินทางพอสมควรเพราะฉะนั้นต้องเผื่อเวลาและทำใจไว้เลย

                        พอรถไฟเริ่มเข้าเขตอยุธยา เชียงรากน้อยจะสัมผัสกับบรรยากาศท้องทุ่งหน้า ท้องฟ้าเกือบสีครามร้อบอบอ้าวเพราะครึ้มฟ้าครึ้มฝนพอสมควร ได้ลมจากหน้าต่างรถไฟช่วยไว้ลมเย็นสบายมาก ได้กลิ่นท้องทุ่งหน้าอยุธยาบ้านเกิดของเราแล้วความคิดถึงวัยเด้กก็ลอยแล่นเข้ามาในความคิด

     

                       สถานีบางปะอิน สถานีนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนมากที่จะลงไปเที่ยว ใกล้สถานีปลายทางของเราที่อยุธยาเข้าไปทุกที ไม่ใช่ตื่นเต้นอะไรหลอก แค่เมื่อยๆและเริ่มร้อนจากแดดตอนบ่ายที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างแทนลมเย็นๆเสียแล้ว

     

                      ในที่สุดก็ถึงสถานีอยุธยา ตอนบ่ายโมงครึ่ง นั่งมอเตอร์ไซด์ ไป100 บาท (แพงไปมั้ย) ไปถึงยังที่พัก "อยุธยา ริเวอร์ไซด์ เฮาส์ " ซึ่งอยู่ติดกับวัดกษัตราธิราช ที่พักรอบนอกเกาะกรุงเก่าข้ามแม่น้ำไปอีกที อยู่ใกล้วัดไชยวัฒนารามสามรถเดินไปได้ไม่เหนื่อยมาก (หรือเปล่า???)

                     

    "อยุธยา ริเวอร์ไซด์ เฮาส์ "  ภาพจากกล้องมือถือ

    • โพสต์-2
    Coco •  ตุลาคม 23 , 2558

    อยุธยา ริเวอร์ไซด์ เฮาส์

    Date:17.10.2015
    Canon AE-1 Program
    Film : Fujicolor C200

     

    " อยุธยา ริเวอร์ไซด์ เฮาส์  "

                  จองที่พักจากเว็บ BOOKONG.Com เห็นรีวิวจากคนอื่นแล้วน่าไปนอนเล่นพักผ่อนค้างคืน ไม่ได้ไปเพื่อนอนซุกหัวนอนแป้บๆแล้วต้องรีบตื่นเช้าออกเดินทางต่อ ไปแบบตั้งใจไปนอนเล่น นอนตื่นสาย ใช้ชีวิตเรื่อยๆไม่เร่งรีบอะไรประมาณนั้น

     

                        บรรยากาศของบ้าน ชอบตรงที่เป็นเรือนไทยวางรูปแบบบ้านเรือนไทยสมัยเก่า มีนอกชานกลางและรอบๆเป็นห้องนอน นึกถึงละครเรื่องนางทาส สายโลหิตขึ้นมาเลย หลังจากที่อัพรูปผ่านเฟสบุคในตอนที่ไปถึง มีเพื่อนๆหลายคนบอกว่าอยากไป น่าไป แต่ ... แต่ กลัวผีกันบ้างก็บอกว่าที่อยุธยาผีเย่อะนะ เราก็แอบกลัวแต่ว่าไหนๆก็มาแล้ว แล้วเราก็จิตใจที่คิดดี ไม่ได้ตั้งใจมารบกวนหรือมาเกรียนอะไร มาคนเดียวด้วยเรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิด ชอบเที่ยวแบบเงียบๆ ไม่วุ่นวายเป็นพอ

     

                      " อยุธยา ริเวอร์ไซด์ เฮาส์  " ที่พักติดแม่น้ำเจ้าพระยา ข้างๆที่พักติดวัดกษัตราธิราช ฝั่งตรงข้ามเป็นถนนอู่ทองและอุทธยานประวัติศาสตร์ ด้านล่างที่พักเป็นส่วนต้อนรับและห้องครัวอยู่ส่วนแรก มีมุมพักผ่อนทั้งเก้าอี้ ม้านั่งและเปลผูกไว้นอนรับลมด้านล่างที่พัก

                      ส่วนด้านบน มีมุมนั่งเล่นอยู่ 2 จุด ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวม มีชั้นบน 1 ห้อง และชั้นล่าง 4-5 ห้อง ห้องน้ำด้านบนสบายและได้บรรยากาศสุด มีต้นชมพู้มะเหมี่ยวต้นใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมให้ร่มเงาอยู่ ใบสวย ดอกสวย ผลอร่อย เป็นรางวัลจากธรรมชาติที่สร้างให้จริงๆ

     

    บรรยากาศข้างบ้าน บ้านไม้ติดริมคลอง

     

    หน้าต่างที่พัก ส่วนต่างๆที่พัก ปลูกต้นไม้ไว้มากมาย ให้ร่มเงา บังแดดได้ดี

     

                           โถงภายในเรือนที่พัก ที่เป็นทางเดินเข้าพักในแต่ละห้อง ห้องพักเรือนนี้จะเป็นแบบพัดลมทุกห้อง มีประมาณ 4 ห้อง ราคาห้องละ 400 บาท (จองผ่าน Booking )

                           ตอนไปถึงแม่บ้านที่ดูแลบ้านพัก ให้ขึ้นมาดูห้องถึงจะบ่ายกว่าๆแล้วก็ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเช็คอิน เพื่อจับจองห้องพักที่ตนเองได้จองเอาไว้ คงไปแวะเที่ยวกันก่อนแน่ๆ คุณป้าแม่บ้านเลยพาเราขึ้นมาดูแล้วบอกให้เลือกก่อนเลย ว่าชอบห้องไหนนักท่องเที่ยวคนอื่นยังไม่มา เลยให้สิทธิเลือกก่อน เลยเลือกห้องที่ไม่ติดทางด้านวัด ฮ้าๆก็กลัวนิดๆนะ เป็นห้องติดบันไดเรือนบ้านแทน

     

                      เราเลือกพักห้องนี้ ด้านที่ไม่ติดวัด ติดบ้านข้างๆแต่มีต้นไม้กั้นอยู่ ภายในห้องที่นอนทุกห้องจะเป็นมุ้งที่กางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พร้อมพัดลมตัวใหญ่ ให้ความเย็น จะแตกต่างกันแต่ละห้องคือสีผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน นอกนั้นส่วนอื่นตกแต่งไว้เหมือนกันหมด

                     ให้ความรู้สึกเหมือนนอนบ้านมากๆ ที่นอนใหญ่ดีนอนคนเดียวเกลือกกลิ้งสบายเลย คืนนี้คงนอนหลับเป็นตาย ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนขี้ร้อนคงนอนหลับสบายมากกว่านี้

     

    ห้องอื่นๆก็มีรูปแบบเดียวกัน

     

     

                      ห้องน้ำอยู่ตรงนอกชานบ้านด้านบน เป็นห้องน้ำที่ใกล้ชิดธรรมชาติ เปิด Space ด้านบน ไม่มีหลังคาคลุม มีแต่ต้นชมพู้มะเหมี่ยวต้นใหญ่ปกคลุมให้ร่มเงาเย็นๆอยู่ มีดอกชมพู่บานเต็มต้น ร่วงหล่นลงมีเป็นละอองเกสรสีมพูสวยงาม

                      ฝักบัวด้านบนจะเป็นฝักบัวธรรมดา น้ำจะเย็นชื่นใจ แต่ถ้าใครติดอาบน้ำอุ่น สามารถไปใช้ได้ที่ห้องน้ำด้านล่าง มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้

     

    หน้าต่างห้องพักของข้าพเจ้า

     

                      ห้องพักจะมีส่วนที่เป็นที่พักอยู่บนเรือ เป็นห้องแอร์ มีห้องน้ำในตัว นอนหลับโคลงเคลงขับกล่อมไปมาด้วยคลื่นแม่น้ำ ฮ้าๆ อยากนอนเหมือนกันแต่ติดที่จำกัดงบประมาณไว้ แต่นอนแบบห้องพัดลมได้บรรยากาศกว่า

     

                         บ้านพักมีจักรยานให้เช่า วันละ 40 บาท ครึ่งวัน 20 บาท เราใช้สองเท้า เดินไปเที่ยววัดไชยวัฒนาราม ไม่กล้าปั่นรู้ตัวปั่นไม่แข็ง แถมรถก็เย่อะมาก มีหวังมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แน่ๆ

     

                      บ้านพักติดกับกำแพงวัดกษัตราธิราชวรวิหาร มุมกำแพงจะจัดวางด้วยจักรยานคันเก่า ให้ผู้เข้าพักได้ถ่ายรูปเล่น ทางดินเข้ามายังบ้านพักต้นไม้ให้ร่มเงาสองข้างทาง เหมือนหลุดเข้ามาอีกโลก เงียบสงบดี

     

    ถ่ายป้ายที่พักไว้ก่อนออกไปเดินเท้าไปยังวัดไชยวัฒนาราม

    • โพสต์-3
    Coco •  ตุลาคม 23 , 2558

    เดินทางย้อนอดีตสู่ " วัดไชยวัฒนาราม "

    Date:17.10.2015
    Canon AE-1 Program
    Film : Fujicolor C200

     

    ราชธานีเก่า     อู่ข้าวอู่น้ำ

    เลิศล้ำกานท์กวี     คนดีศรีอยุธยา

                        วัดไชยวัฒนาราม หรือ วัดชัยวัฒนาราม เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านป้อม อำเภอเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทางฝั่งตะวันตกนอกเกาะเมือง

     

                      เดินเท้า ออกจากบ้านพักตอนบ่ายสามกว่าๆ พอพ้นร่มเงาบ้านพักต้องเผชิญความโหดร้ายของแสงแดดทันที รีบข้ามถนนไปหาอาหารเจและเป้บซี่เย็นๆดับหิวและกระหายน้ำเย็นๆมากๆ ถ้าปั่นจักรยานได้ก็ปั่นเถอะ แดดร้อนนี่ตัดกำลังไปหมดทุกอย่างจริงๆ

                      ยืนกินอาหารเจหน้า 7-11 มีแรงเดินต่อแล้ว ถามน้องๆเค้าเตอร์ว่า วัดไชยวัฒนาราม นั้นเดินไปไกลมั้ย " น้องเขาบอก  100 เมตร ค่ะพี่ "  โอเครเชื่อ ...

     

                 กว่าจะเดินถึงวัดไชยวัฒนาราม ก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ระยะทาง 100 เมตรละ ทั้งร้อนและเหนื่อยมาก คิดผิดเลยเดินมาเวลานี้ แถมปั่นจักรยานก็ไม่เก่ง ขับรถไม่เป็นอีก ลำบากไปหน่อย แต่ก็พยายามไปจนถึงทุกที่ที่อยากไปเสมอ ฮ้าๆ ความดันทุรังสูงอยู่แล้ว!!

     

    ภาพจากมือถือ

     

                    ทางเข้าชมโบราณสถาน วัดไชยวัฒนาราม จะมีจุดจำหน่ายบัตรเข้าชม อยู่บริเวณทางเข้า ราคาบัตรไม่แพงเลยสำหรับการเข้าไปชมวัดไชยวัฒนาราม แต่ก็มีคนไทยบางกลุ่ม ที่พูดว่า ไม่มีคนมาเก็บตั๋วไปทางเข้า เราก็เดินเข้าไปเฉยๆได้ มันแสดงถึงความขี้โกง และนิสัยที่แย่มาก เงินไม่กี่บาท เอามาทำนุบำรุงรักษาสถานที่เมืองเก่าแห่งนี้ยังทำตัวได้น่ารังเกียจขนาดนี้ ต่อไปชีวิตนี้จะขนาดไหน

                   ราคาตั๋วคนไทย 10 บาท - ราคาตั๋วชาวต่างชาติ 50 บาท

     

                     

                      ชอบบรรยากาศที่วัดไชยวัฒนาราม สงบ ร่มรื่น ตั้งติดริมแม่น้ำ เป็นวัดหนึ่งที่ค่อนข้างถือว่าสมบูรณ์กว่าวัดอื่นๆในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายที่เหลือความสมบูรณ์จากการสู้รบระหว่างไทยกับพม่า และเผาทำลายโบราณสถานที่สำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธาตอนปลาย ที่มีสถาปัตยกรรมการก่อสร้างไม่เหมือนวัดอื่นๆ ใน อยุธยา

                     

                          ที่ตั้งของวัดแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของพระราชมารดาที่ได้สิ้นพระชนม์ไปก่อน ที่พระเจ้าปราสาททองได้เสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ เมื่อพระองค์ได้เสวยราชสมบัติ พระองค์จึงได้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้นเพื่ออุทิศผลบุญนี้ให้กับพระราชมารดา ของพระองค์ และอีกประการหนึ่งวัดนี้อาจถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือ เขมรด้วย จึงทำให้มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งมาจาก " ปราสาทนครวัด "

     

    บรรยากาศริมน้ำที่วัดไชยวัฒนาราม

    • โพสต์-4
    Coco •  ตุลาคม 23 , 2558

    รอแสงเย็นที่ " วัดไชยวัฒนาราม "

    Date:17.10.2015
    Canon AE-1 Program
    Film : Fujicolor C200

     

                       เดินถ่ายรูปเกือบรอบวัดแล้ว เดินมาถึงด้านหลังที่เป็นส่วนติดกับแม่น้ำ นั่งลงพักเหนื่อยเมื่อยล้า เดินมาอีกทางที่ห่างจากทางขึ้นลงเรือ มานั่งคนเดียวรับลม ชมวิวคนเดียว รอแสงเย็นที่กำลังตกอีกฝั่งนึง นักท่องเที่ยวเริ่มทะยอยมาเดินเล่นริมแม่น้ำกันบ้างแล้ว แดดร่มลมตก บรรยากาศดีลมเย็นสบายจริงๆ

     

                           เจ้าตัวนี้ ชอบมาด้อมๆมองๆ กำลังจับผิดอะไรเราหนักหนาไม่รู้ 555 มาด้อมๆมองๆบ่อยมาก สงสัยว่าเรากำลังทำอะไร สนใจไปหมด ยิ่งเวลากดชัตเตอร์ มีการสะดุ้งมองสงสัยกลับมาทางแววตาอีกต่างหาก 555

     

    ท้องฟ้าเมื่อต้องแสงเย็น

     

                          แสงเย็นตกกระทบยอดดอกหญ้า เบื้องหลังคือร่องรอยของวันเก่าๆที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน ความเสียหายร่องรอยความเจ็บปวดที่เหลือจากสงคราม ทุกสิ่งที่เหลือไว้คือเครื่องเตือนความทรงจำที่ผ่านมา

                          อยากรู้จังวันเก่าๆเหล่านั้นเราเป็นใครกันนะ ??

     

    ข้อมูลทางประวัติศาสตร์

                     วัดไชยวัฒนาราม ได้สร้างขึ้นในปี 2173 โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ก่อนกรุงแตก พ.ศ. 2310 วัดไชยวัฒนารามถูกแปลงเป็นค่ายตั้งรับศึก หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 วัดไชยวัฒนารามได้ถูกปล่อยทิ้งให้ร้างเรื่อยมา บางครั้งมีผู้ร้ายเข้าไปลักลอบขุดหาสมบัติ เศียรพระพุทธรูปถูกตัดขโมย มีการรื้ออิฐที่พระอุโบสถ และกำแพงวัดไปขาย แต่ในปี พ.ศ. 2530 กรมศิลปากรจึงได้เข้ามาอนุรักษ์จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2535

     

    ขอบคุณ : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1

     

    ข้อมูลทางประวัติศาสตร์                  

                      วัดไชยวัฒนาราม มีปรางค์ประธานและปรางค์มุมอยู่บนฐานเดียวกัน พระปรางค์ประธานนำรูปแบบของพระปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้นมาก่อสร้าง แต่ปรางค์ประธานที่วัดไชยวัฒนารามทำมุขทิศยื่นออกมามากกว่า บนยอดองค์พระปรางค์ใหญ่อาจเคยประดิษฐานพระเจดีย์ขนาดเล็ก สื่อถึงพระเจดีย์จุฬามณีบนยอดเขาพระสุเมรุ รอบพระปรางค์ใหญ่ล้อมรอบไปด้วยระเบียงคตที่เดิมนั้นมีหลังคา ภายในระเบียงคตประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่เคยลงรักปิดทอง จำนวน 120 องค์ เป็นเสมือนกำแพงเขตศักดิ์สิทธิ์ ตามแนวระเบียงคตตรงทิศทั้งแปดสร้างเมรุทิศ และ เมรุมุม (เจดีย์รอบๆพระปรางค์ใหญ่) ภายในเมรุทุกองค์ประดิษฐานพระพุทธรูป ภายในซุ้มเรือนแก้วล้วนลงรักปิดทอง ฝาเพดานทำด้วยไม้ประดับลวดลายลงรักปิดทองเช่นกัน

    ขอบคุณ : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1

     

                           โดยส่วนตัวมาวัดนี้บ่อยที่สุด มาครั้งแรกสมัยตอนเรียนมหาวิทยาลัยศิลปากร ปี 1 จะมีวิชาเรียนตัวนึงชื่อวิชา Survey of Thai Daecorate อาจารย์จะพาไปศึกษาและวาดรูป Sketch มือ ในหลายๆที่ แต่มาที่นี่รู้สึกชอบและผูกพันธ์แบบบอกไม่ถูก อยากมาอีกหลายๆรอบ มีความสุขที่ได้เห็นวัดนี้ทุกที

     

                       แสงเย็นของวันกำลังบอกว่าใกล้หมดเวลาแล้ว เดินทางกลับที่พักได้แล้ว แต่ใจไม่อยากกลับเลย เดินจากมาด้วยความรู้สึกคิดถึง ยิ่งเห็นแสงเย็นแบบนี้ ทำให้คิดถึงบ้านที่ อ.เสนา ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบ้านเกิดตอนเด็กๆ ตอนนี้เหลือแต่ความทรงจำ มาที่นี่มีแต่ความทรงจำไปหมด

     

    • โพสต์-5
    Coco •  ตุลาคม 23 , 2558

    ล่องเรือยามค่ำรอบเกาะกรุงเก่าอโยธยา

    Date:17.10.2015
    Canon AE-1 Program
    Film : Fujicolor C200

     

    ภาพจากมือถือ

     

                         เดินกลับที่พักก็ค่ำแล้ว เพราะแวะซื้อเสบียงอาหารเจ มากินมื้อค่ำ นั่งเล่นอยู่นอกชานคนเดียว ดูเรือนักท่องเที่ยวล่องผ่านไปลำแล้วลำเล่า พอดีป้าแม่บ้านเข้ามาคุยว่าตอนค่ำมีล่องเรือชมแสงไฟ ชมกรุงเก่ารอบเกาะอยุธยา ตอนนี้มีคนสนใจ 3 คนแล้ว ราคาล่องเรือ 700 บาท สรุปแล้วทริปล่องเรือ มีไปกัน 4 คนรวมเราด้วย

                         ภาพจากกล้องฟิล์มถ่ายยากมากต้องเจอคลื่นแม่น้ำจากการสัญจรทางน้ำของเรือลำอื่น เลยถ่ายจากมือถือเอาถือว่าชัดสุดแล้วละ 555

                         ผ่านวัดไชยวัฒนาราม เปิดไฟตอนมืดแล้วสวยมาก ยิ่งตกกระทบผืนน้ำแล้วยิ่งสวยมาก แสงไฟจากบ้านเรือนและร้านอาหารริมน้ำ มีมากมายทำให้ในตัวเมืองในเกาะไม่เงียบเหงาเลย

                        ช่วงที่เรือแล่นผ่านจุดบรรจบของแม่น้ำค่อนข้างแอบน่ากลัว น้ำเชี่ยวมาก แม่น้ำที่บรรจบกันดูกว้างใหญ่ หอมกลิ่นบรรยากาศเก่าๆขึ้นมาทันที ด้วยจากภูมิประเทศของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน 3 สาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยาไหล ผ่านทางด้านทิศตะวันตกและทิศใต้ แม่น้ำป่าสักไหลผ่านทางทิศตะวันออก และแม่น้ำลพบุรี (ปัจจุบันเป็น คลองเมือง) บริเวณคลองเมืองค่อนข้างเงียบเหงา ส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมคลองเสียมากกว่า

    ตลาดโต้รุ่งหน้าวังจันทรเกษม

                     คนขับเรือแวะให้ขึ้นไปเดินเที่ยวซื้อของกินประมาณ 20 นาที มีแต่ของกินหน้าตาอร่อยๆทั้งนั้นเลย มีทั้งขนมโบราณ ของกินหลากหลายมาก เป็นตลาดติดริมน้ำตรงข้ามแม่น้ำฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งของวัดมณฑป

                    

    วัดมณฑปอยู่ตรงข้ามท่าเรือ ตลาดโต้รุ่งหน้าวังจันทรเกษม

     

    • โพสต์-6
    Coco •  ตุลาคม 23 , 2558

    รุ่งอรุณแห่งอโยธยา

    Date:18.10.2015
    Canon AE-1 Program
    Film : KODAK GOLD 200

                     กลิ่นของวันใหม่ แสงสีทองอำไพ ส่องผ่านเมืองเก่า รุ่งอรุณแห่งอโยธยาได้เริ่มขึ้น เริ่มใหม่ได้เสมอแม้จะผ่านเรื่องราวมากมายแต่ตราบใดที่พระอาทิตย์ยังขึ้นทางทิศตะวันออก ความรุ่งเรืองของเมืองอโยธยายังคงอยู่ผ่านซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งไว้ตามกาลเวลา

                          เสียงนกกาเหว่าดังแว่วมา เสียงไก่ขันเจื่อยแจ้ว เช้าวันใหม่กำลังจะมาถึง นอนเล่นบนที่นอนคิดเรื่องต่างๆอยู่หลายเพลา นอนฟังเสียงธรรมชาติที่คอยปลุกให้ลุกอยู่ตลอดเวลา

                          หลังจากเมื่อคืนนอนฟังเหล่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แบ็คแพ้คกันมาเป็นกลุ่ม ร้องเพลงขับกล่อมเบาๆ เพลงสุดท้ายที่จำได้ก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน คือเพลง Leaving on a Jet Plane

     

                      

                       กรุ่นๆหอมกลิ่นโอวัลติน ขนมปังปิ้งมื้อเช้า จิบเบาๆดื่มบรรยากาศไปพลางๆ เช้าๆแบบนี้อากาศเย็นสบายแม้จะนั่งทอดตัวอยู่บนเก้าอี้อาบไอแดดอุ่นๆก็ตาม

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    BY : VIVO Y28                

    บรรยากาศยามเช้าจากกล้องฟิล์มที่ถ่ายบ้านพักมีเท่านี้

    ภาพที่จะลงต่อจากภาพนี้ถ่ายจากมือถือ เก็บบรรยากาศรอบๆบ้านพักไว้

    เพราะฟิล์มใกล้หมดม้วนแล้ว ฮ้าๆๆ

    จิบโอวัลตินร้อนๆ ขนมปังหอมอร่อย นอนเปลดูแสงเช้า และฝืนความง่วงไปเรื่อยๆ ฮ้าๆๆ

     

    ที่พักในส่วนที่ติดริมน้ำ ถ่ายจากริมน้ำ

    เช้าวันใหม่

    ใต้ถุนบ้านพัก มีที่งนั่งเล่นจัดวางไว้ตามมุมต่างๆและมีเปลไว้นอนเล่น

     

                    พอกินอิ่ม หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน เดินถ่ายรูปสักพัก เริ่มง่วงสะแล้ว มองนาฬิกา บอกเวลาว่าเจ็ดโมงกว่าๆเอง จึงกลับเข้าห้องเพื่อนอนต่อสักงีบ เช้าๆแบบนี้นักท่องเที่ยวคนอื่นยังไม่ตื่นกัน แล้วเราจะมายนเหงาๆทำไมกัน นอนต่อดีกว่า ง่วงจริงจังมาก 555

                           กลับเข้าห้องเพื่อนอนต่ออีกสักงีบ ปิดหน้าต่าง ปิดม่าน ปิดไฟ ให้เหมือนว่ายังไม่เช้า ฮ้าๆ ตื่นสายเป็นปกติ เรื่องนอนต่อเลยสบายมาก ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ สิบโมง เพื่ออาบน้ำแปรงฟัน จัดกระเป๋า เตรียมเดินทางกลับกรุงเทพ คิดไว้ว่าจะกลับเลย หรือแวะเที่ยวก่อน ตื่นมาค่อยว่ากันอีกที

     

    ห้องน้ำชั้นบน

    อาบน้ำใต้ต้นชมพู่มะเหมี่ยว น้ำเย็นๆกับอากาศสายๆเริ่มร้อน สบายตัวดี

     

                         ดอกชมพู่มะเหมี่ยว ร่วงหล่นพื้น เก็บไว้ถ่ายเป็นที่ระลึก ว่าดอกมันเป็นแบบนี้นี่เอง ต้นแผ่กิ่งก้านสาขา ใบสวย ดอกสวย ผลหวานอร่อย คุณลุงที่ดูแลบ้าน พยายามหาผลให้ลองทาน แต่ว่าไม่มีเลย แกบอกว่านกกามากินหมดแล้ว ไว้รอสักสองสามเดือน น่าจะได้กิน " เจ้าพู่มะเหมี่ยว "

                         เสียงนาฬิกาปลุก บอกเวลาสิบโมงเตรียมตัวทำธุระกิจส่วนตัวเดินทางกลับ อากาศ สิบโมงด้านนอกช่างร้อนเหลือเกิน กว่าจะเดินทางไปข้างนอกตอนเที่ยงจะขนาดไหนนะ คิดแล้วก็กลับบ้านดีกว่า แพ้อากาศร้อนจริงๆ

     

                            ได้เวลาเก็บกระเป๋า เตรียมตัวสู่พระนคร เมืองหลวงของไทย ไปใช้ชีวิตวุ่นวายต่อไป เช็คเอ้าท์เที่ยงพอดี ร้อบตับแตกเลยจ้า เดินไปถึงถนนใหญ่ เรียกมอเตอร์ไซด์แว้นท์ไปที่สถานีรถไฟทันที ไปจองตั๋วก่อน ถ้าเที่ยวตั๋วไปทันขึ้นพอดี ก็จะกลับเลย ถ้าได้ตั๋วต้องรอเวลาอีก สองชั่วโมง ก็จะไปเที่ยวตลาดน้ำอโยธยาเพื่อรอเวลารถไฟมารับที่ชานชลา

     

                               มาถึงสถานีรถไฟ ได้ตั๋วรถไฟฟรีรอบเที่ยงกว่าๆ พอดี รอไม่นานเลยกลับเลยดีกว่า ไว้จะกลับมาเที่ยวใหม่ จังหวัดใกล้ๆกรุงมาเมื่อไหร่ก็ได้ ^^

    • โพสต์-7
    Coco •  ตุลาคม 23 , 2558

    บ๊าย บาย กรุงเก่า...

    Date:18.10.2015
    Canon AE-1 Program
    Film : KODAK GOLD 200

                        กลับมาชมบรรยากาศรูปจากกล้องฟิล์มกันอีกครั้ง ( อย่าเพิ่งเบื่อกันนะค่ะ แฮ้ๆ ) ระหว่างรอที่ชานชลาก็ยังคงถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆ ใจจริงๆอยากขึ้นไปสายเหนือมาก ไปถึงจังหวัดเชียงใหม่กันเลย แต่เวลามีจำกัด ไว้มีโอกาสหยุดยาวๆ ไม่รีบเร่งตามคอนเซปรถไฟไทย จะต้องมีสักครั้งสิน่ะ

     

                          สถานีอยุธยามีคนลงค่อนข้างเย่อะ และคึกคักมาก เป็นชาวต่างชาติแบ้คแพ้คมาส่วนใหญ่ จากที่เห็นจะมาเที่ยววัดเก่ารอบเกาะ โดยการปั่นจักรยาน หรือเดินตามแผนที่ในมือ ชาวบ้านก็พยายามสื่อสารบอกเส้นทาง ไม่เว้นแม้แต่ลุงวินมอเตอร์ไซด์ที่เรานั่งแว้นท์มา แกเจอฝรั่งกำลังดูแผนที่และทำหน้า งงๆ เหมือนกำลังเดินเลยไปถนนที่เลยอุทยานประวัติศาสตร์ แกก็เห็นแล้วบ่นๆ นั่นๆฝรั่งมันเดินเลยแล้ว สุดท้ายแกต้องเลี้ยวรถไปบอกตามประสามือ เราก็สปีคคคแบบงูๆปลาๆไป ฮ้าๆๆ

                           มาแล้วๆ มาแล้วจ้า รถไฟขบวนแห่งความฝัน นึกถึงเพลง PARADOX ขึ้นมาทันที ฮ้าๆๆ รถไฟค่อยๆเข้ามาช้าๆ กำลังมารับกลับกรุงเทพแล้ว มาเลทไป 15 นาทีเอ๊งงงงงงงง !! คนมารอขึ้นเย่อะเหมือนเดิม ตัวเองก็ยังขึ้นทีหลังเช่นเดิม เดินไปหลังขบวนสุด พอมีที่นั่งเหลืออยู่บ้าง เย้ !!

     

                          ของกินยังคงมาขายเรื่อยๆ เห็นวิวสองข้างทางเหมือนเดิมตอนขาไปอยุธยา อดเห็นอีกด้านเลย ไม่เป็นไรบอกตัวเองไว้โอกาศหน้าแล้วกัน

     

                     เมื่อรถไฟแล่นมาถึงสถานีบางซื่อ จอดนานมากๆ ทำให้กำหนดการถึงบ่ายสองกว่า ยังไม่ออกจากสถานีบางซื่อเลย ตอนนี้เบื่อมาก เมื่อยและร้อน ได้แต่นั่งทำใจไปพลางๆ 555

     

    เด็กน้อยกับชีวิตสนุกบนรถไฟ เหมือนตัวเองตอนเป็นเด้กเลยตื่นเต้นสนุกตลอดเวลาได้นั่งรถไฟ

     

                     ในที่สุดก็เคลื่อนขบวนมาถึงสถานีหัวลำโพง ในเวลาบ่ายสามเป๊ะ ที่เป้ะนี่คือ เลทไป 45 นาทีเลย 555 โอเคร ทำใจไว้แล้ว ตอนนี้คิดถึงห้องน้ำมาก อยากไปล้างหน้าลูบตัวเป็นที่สุดเลย ตัวเหนียวไปหมด

     

                     ถึงสถานีหัวลำโพงแล้ว ลงจากรถไฟล้างหน้าลูบตัวค่าบริการห้องน้ำ  3 บาท ห้องอาบน้ำ 10 บาท ห้องน้ำสะอาดมาก สะอาดกว่าที่มอชิตอีก  !!! บอกเลย ดีงามตรงนี้ละ ฮ้าๆ ล้างหน้าเสร็จแล้วก็หาอาหารเจใส่ท้อง ท้องร้องมากหิวๆ อยู่บนรถไฟกินไม่ได้ น้ำก็กินน้อย เที่ยวคนเดียว ไม่กล้าลุกไปเลยจริงๆ จิบๆน้ำเบาๆแก้หิว

     

                    จบทริปสั้นๆ กะทัดรัด เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวนี้นะค่ะ ^^

     

    • Coco  ขอบคุณนะค่ะที่ชอบ ^^ @Rujko 13 มีนาคม 2559 18:07:25
    • Rujiko  ถ่ายรูปสวยมากคะ แนะนำประวัติศาสตร์ด้วย เลื่อนไปเลื่อนมาอะ...จบละ กำลังเพลิน 55 07 มีนาคม 2559 20:46:40