ปัตตานี/ยะลา กับกล้องฟิล์ม

การเดินทาง เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในหรือนอก แต่ละครั้งที่เดินทางได้เจออะไรดีๆมากมาย ร้ายๆก็แยะทีเดียว แต่ไม่มีครั้งไหนตื่นเต้นเท่าครั้งนี้ การเดินทางที่ใช้เวลาวันกว่า เฉพาะนั่งอยู่บนรถสาธารณะ 26 ชั่วโมง และเป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนจริงๆจังๆ ปัตตานี เราเดินทางด้วยรถไฟขบวน กรุงเทพฯ ยะลา ตู้นอนแอร์ จองตั๋วล่วงหน้า 1 เดือน เพราะใกล้เทศกาลของชาวมุสลิมและใกล้วันแม่ รถไฟออกจากสถานี่บ่ายสามโมงครึ่ง คราวนี้ไปทำงานเกือบสิบวัน นั่งๆนอนๆ จนถึงยะลาตอน 11 โมงของอีกวัน เรื่อยปวดเมื่อยไม่ต้องถามถึงเลย ทั้งตัวเหมือนโดนทุบ
ไปถึงก่อนเวลา เลยนั่งรอเขาทำควมมสุะอาดรถไฟอยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้ขึ้นไปนั่งตากแอร์เย็นๆบนรถ มื้อแรกบนรถไฟเป็นก๋วยเตี๋ยวปลาห่อละ 10 บาท ปรุงเสร็จพร้อมกิน จัดไปสองห่อเพราะความหิว นั่งมองวิวข้างทางเพลินดี
ตอนค่ำ เจ้าหน้าที่มากางเตียงให้ เราได้เตียงบนเพราะเตียงล่างเต็มหมด เพราะเลี่ยงไม่ได้จึงต้องยอม 
ขึ้นไปนอนตั้งแต่ทุ่มนึง ตื่นมาตอนเช้าแล้ว หลับๆตื่นๆเพราะกระเด็นกระดอนอขู่ข้างบน ลงมาล้างหน้าล้างตา รอเจ้าหน้าที่เก็บเตียง หากาแฟกินให้ตาสว่าง ขบวนนี้ไม่มีตู้เสบียง จึงมีพ่อต่สแม่ค้าเดินขึ้นมาขายของอยู่ไม่ขาด กาแฟกาท่องโก๋ก็เหมือนกัน ชุดละ 20 บาทประทังชีวิตช่วงเช้าได้เป้นอย่างดี 

มาถึงยะลาตอน 11 โมง นัดกับคนรู้จักเอาไว้ มาทำงานที่นี่อาทิตย์กว่าๆ กะไว้ว่ากลางวันทำงาน มีเวลาก็จะไปเที่ยว เพราะเขาบอกว่าตอนเลิกงานเดี๋ยวไปเที่ยวด้วยกัน ทำธุระที่ยะลาเสร็จก็เตรียมตัวไปปัตตานี จริงๆแล้วลงที่ปัตตานีเลยก็ได้ แต่มาลงที่ยะลาสะดวกกว่าแวะมาธุระที่นี่ด้วย เลยนัดเจอกันที่นี่เลย เดินออกจากสถานีด้านหลังมีคิวรถแท็กซี่ไปปัตตานี ก่อนหน้านั้น หาอะไรรองท้องก่อนเดินทาง หิวเต็มแก่แล้ว

ซุปเครืองในวัว ไข่เจียว ร้อนๆ คนนำทางบอกว่ามาถึงที่นี่ต้องลอง เพราะมันอร่อยๆ เราไม่กินเนื้อวัว เลยจ้วงไข่เจียวอย่างเดียว คิวรถอยู่ใกล้ๆร้านข้าว เป็นเบนซ์รุ่นดึก หนึ่งคันนั่งได้ 6 คน คนละ 50 บาท รอเต็มรถออก ถ้าไม่อยากรอหารกันได้ เที่ยวละ 300 ร้อย คนละเท่าไหร่ว่ากันไป คนขับวัยเก๋าซิ่งแบบพองาม แค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงตัวเมืองปัตตานี เอาของไปเก็บอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ที่แรกที่เราไปก็คือศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนียว ที่ว่ากันว่าศักสิทธิ์นักแล นั่งรถโชเล่ กรุงเทพฯเรียกว่าซาเล้งนั่นแหละ นั่งรับลมไปเพลินๆ มองข้างทางไปด้วยฟินดี คนนำทางรออยู่ข้างนอก เพราะเป็นอิสลาม ปล่อยให้เราเข้าไปไหว้เจ้าแม่ขอพร ขอให้งานราบรื่น เที่ยวราบรื่น ไหนๆก็มาแล้วชอก่อนล่ะ ไหว้เสร็จนั่งรถตะเวณเมืองยามโพล้เพล้ไปเดินเล่นที่ตลาด แบกระดิน กินทุเรียนบ้าน อายุร้อยกว่าปี พี่คนขายบอกว่าอร่อย พอชิมแล้วอร่อยจริงๆ กินคนเดียวทั้งลูก ก่อนจะไปนั่งกินมื้อเย็นเป็นข้าวยำริมทาง ร้านตั้งอยู่ริมถนน พี่เขาบอกว่าอร่อยอย่าบอกใคร อร่อยจริง แถมถูกด้วย จานละ 10 บาท หนุ่มน้อยการันตีให้อีกคน

จบทริปวันแรก อยู่บนรถไฟหลับๆตื่นๆ กลับถึงที่พักหลับเป็นตาย ถ้าไม่โดนปลุกก็ึึคงหลับข้ามวัน

               เช้านี้เริ่มต้นด้วยข้าวหมกไก่ อาหารประจำมื้อของคนที่นี่ เดินออกจากบ้านมาสิ่งที่หากินได้ง่ายที่สุดก็คือข้าวยำกับข้าวหมกไก่ เราพวกกินได้ทุกอย่าง ไม่เกี่ยงขอให้กินแล้วไม่ตาย หม่ำมื้อเช้าเสร็จนั่งสองแถวไปที่ยะหรี่ง วันนี้จะไปเที่ยววังกัน เลยต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อย ค่ารถจากตัวเมืองไปยะหรี่ง 25 บาท ลงปากทางเดินไปอีกนิด มีตลาดนัดให้เดินดูเพลินๆ

ทั้งกินทั้งช้อปเพลินมาก เดินทะลุตลาดออกมาก็ถึงทางเช้าวังเลย วันที่ไปเที่ยวมีคาราวานมาจากมาเลเซีย มอไซด์เล็กไหญ่มาเป็นขบวน เลยยืนเม้าส์มอยกันสนุกสนาน รวมๆประมาณเกือบสองร้อยคัน ด้านในวังไม่ให้ถ่ายรูป เลยได้แค่เก็บภาพด้านนอก มีโอกาสเข้าไปทำความรู้จักกับเจ้าของวังคนปัจจุบัน น่ารักใจดี ชิมน้ำหม่อนผีมือท่านอร่อยอย่าบอกใคร นั่งคุยกันพักใหญ่ก่อนจะร่ำลากลับ งานยังรออยู่.....
      เย็นๆหลังทำงาน นั่งโชเล่ไปเที่ยวใกล้ๆตัวเมือง ได้ไกด์เป็นหนุ่มน้อยสาวน้อยนั่งอัดมาเต็มโชเล่ จุดหมายปลายทางอยู่ที่สะพานไม้ไผ่บาน่า มานั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน ตะวันลับฟ้าพากันแยกย้าย เพราะเด็กๆต้องไปโรงเรียนผู้ใหญ่ก็ต้องไปทำงาน

           ตลาดเช้า.....ทุกครั้งที่เราแวะไปเยือนหรือไปทำงานต่างถิ่น สิ่งที่เราชอบมากคือการเดินตลาดตอนเช้า จะเป็นตลาดสดหรือตลาดขายของทั่วไปก็แล้วแต่ ออกไปดูวิถีชุมชนและของแปลกๆที่หาดูไม่ได้ในเมืองกรุง เช้านี้ก็เหมือนกัน เราออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปดูตลาดและหาของกิน 

ผีกผลไม้สดๆเต็มไปหมด ราคาไม่แพงเห็นแล้วอยากซื้อกลับมากรุงเทพฯจริงๆ ได้ชมตลาดสมใจ ตลาดนี้อยู่ใกล้ๆมัสยิดกลางปัตตานี ติดถนนใหญ่ มีเรี่ยวแรงไปทำงานต่อ เย็นค่อยเที่ยวกันใหม่
         เลิกงาน.............
         เย็นนี้มาเดินตลาดของมือสอง หาของดีราคาประหยัดไปใช้งาน และหาของกิน อันนี้เรื่องใหญ่ 

เมามันส์ในการชอปและซื้อมาก ได้กระเป๋า ทุเรียน และอื่นๆมาอีกหลายอย่าง นักชอปของถูกแนะนำ มีไม้จิ้มพันยันเรือรบ รื้อที่นี่เสร็จ ไปเดินถนนคนเดินต่อ ละลายทรัพย์จริงจัง 
กลับบ้านดึกดื่นอีกตามเคย เช้าวันถัดมาเลยน๊อค กว่าจะตื่นก็ปาเข้าไปสิบโมง เหลืออยู่เฝ้าบ้านคนเดียว ทำธุระส่วนตัวเสร็จไปเดินเล่นแถวๆนั้นรอคนอื่นกลับ ไปนั่งดูพี่เขาเอานกเขาขึ้นไปแขนเพลินดี  พอบอกพี่เขาว่าจะถ่ายรูปเขาบอกเอาเลยๆ แล้วทำท่าหยุด พอถ่ายเสร็จก็ทำงานต่อ  นั่งรอนอนรอจนเย็น ได้เวลาไปร่อนกันแล้ว เจ้าโชเล่คันเก่ง พร้อมลุย เย็นนี้เราไปเที่ยวที่มัสยิดกรือเซะ อีกหนึ่งที่ที่น่าไปหากได้มาเยือนปัตตานี ช่วงนี้มีการบูรณะก่อนวันรายอ มีคณะนักท่องเที่ยวจากมาเลฯ นั่งรถตู้มาสองสามคันเข้าไปละหมาดด้านใน เราเดินดูรอบๆ   ถ่ายรุปไปเรื่อยเปื่อย ข้างๆเป็นสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มีถนนเล็กๆคั่นกลางอยู่

เช้าวันถัดมาเราต้องเอางานไปส่งที่ปัตตานี พร้อมกับจองตั๋วกลับ ขามาไม่ได้จองไว้ เพราะไม่รู้่ว่าต้องอยู่ทำงานกี่วัน รถแน่นเอียด เพราะใกล้วันรายอ นั่งรถประจำทางจากปัตตานีมายะลา 25 บาท

รถไปเรื่อยๆไม่รีบ ไม่เร่ง ถึงจุุดหมายโดยสวัสดิภาพ
   นั่งรอคนมารับงานที่สถานีรถไฟ ดูพนักงานการรถไฟทำงานแล้วเพลินดี แต่บางเคสก็รู้สึกว่าน่าจะมีตัวช่วยงานจะเดินเร็วกว่า
ยกมอไซด์ลงจากรถไฟ แค่เห็นก็หนักแทนแล้ว

เจ้าหน้าที่ยังทะยอยมาปฏิบัิติงาน เราส่งานเสร็จก็ออกมาเดนเล่นในตัวเมืองยะลา ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปตามหาสตรีดอาร์ต เดินสักพักไม่ไหวแระ จะเช่ามอไซด์ก็ไม่รู้จักร้าน สุดท้ายเลยเดินไปเรื่อยเปื่อยเหนื่อยไหนก็พัก

วนเวียนอยู่แถวๆนั้นจนแบตมือถือหมด เดินมานั่งรถประจำทางกลับ เตรียมตัวเก็บของกลับกรุงเทพฯ 

    เย็นๆ แวะไปเดินเด่นที่ตลาดหน้ามอออ ตลาดของกินของขาย แยะมากจนตาลาย หนุกสนานกับการช้อปเหมือนเคย

ปิดท้ายค่ำคืนด้วยการไปเที่ยวมัสยิดกลาง กลางคืนเปิดไฟสวยมาก

ด้านในยังมีเด็กๆนั่งเรียนศาสนากันอยู่ เราเลยเก็บภาพรอบๆ มานั่งพักเหนื่อย ก่อนจะกลับ ร่อนทั้งวันเหนื่อยจริงๆ กลับถึงบ้านทั้งของตัวเองทั้งของฝาก เด่นเอาเหงื่อตก  สนุกและเหนื่อยกับหลายๆวันที่ผ่านมา ได้สัมผัสกับอะไรหลายๆอย่าง ทำให้รู้ว่าปัตตานีเป้นอีกหนึ่งที่ ที่น่าเที่ยวและธรรมชาติยังอยู่ครบถ้วน ชาวปัตตานีใจดี น่ารัก อยากให้เพื่อนๆลองแวะเวียนมาเที่ยวดู ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

ทริปนี้ใช้กล้องฟิล์มคอมแพ็ค 2 ตัว
-Minolta Mac-Tele
-Fuji Super 120
-Flim FujiC200/ Kodak ultramax400