นั่งรถไฟ (ฟรี) ไปปั่นชิลชมวิว @ เขาล้อมหมวก อ่าวประจวบ อ่าวมะนาว
ฉึกฉัก ฉึกฉัก... ผมชอบนั่งรถไฟครับ มักหาเรื่องนั่งรถไฟเที่ยวเล่นอยู่เสมอ พอว่างเลยจัดทริปรถไฟไปเที่ยวประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดซึ่งมีทางรถไฟลากผ่านตลอดทุกอำเภอสักหน่อย เป้าหมายของทริปคือการขึ้นเขาช่องกระจก กับเขาล้อมหมวกที่ ที่เหลือคือการเที่ยวถ่ายภาพเล่นตามชายหาด
ทริปนั่งรถไฟไปประจวบออกตัวง่ายสุดที่สถานีรถไฟธนบุรี ขบวน ธนบุรี-หลังสวน (จ.ชุมพร) และประหยัดที่สุดเพราะเป็นรถไฟฟรี เที่ยวเช้าเวลาประมาณ 7.30 น. นั่งหวานเย็นมาเรื่อยๆ หลับบ้าง สัปหงกหัวโขกที่นั่งบ้าง ผ่าน นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ถึงสถานีประจวบคีรีขันธ์ ราวบ่ายสองโมงครึ่ง อาจจะดูยาวนานมากๆ แต่เมื่อเทียบกับความฟรีของมันแล้วก็คุ้มแสนคุ้มครับ
สถานีรถไฟประจวบอยู่ในตัวเมือง แถวห่างชายหาดแค่ครึ่งกิโลเมตร เดินสบายๆ ไปถึงแล้วผมหาที่พักได้โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้กับสถานี ชื่อโรงแรมยุติชัย ห้องแอร์คืนละ 500 บาท ห้องพัดลม 250 บาท บังเอิญห้องพัดลมเต็มผมเลยโดนบังคับนอนแอร์สบายตัวไป (ฮา...) ที่นี่มีจักรยานให้เช่าขี่เล่นด้วยครับ และนั่นเป็นความตั้งใจของผมอยู่แล้ว ค่าเช่าแค่วันละ 50 บาท เท่านั้นเอง
เก็บของและได้จักรยานมาครอบครองแล้วก็ลุยโลด ถนนในตัวเมืองประจวบค่อนข้างโล่ง รถน้อย เหมาะกับการปั่นจักรยานมาก ผมลัดเลาะชมเมืองสักพักแล้วจึงไปเป้าหมายแรกคือเขาช่องกระจก ที่ตั้งของวัดเขาช่องกระจกนั่นแหละ เป็นภูเขาลูกย่อมๆ อยู่ใจกลางอ่าวประจวบ เคยได้ยินชื่อมานานจะได้สัมผัสสักที วิวข้างบนสวยมากครับ แม้จะมีลิงจ๋อจอมเกเรค่อยกวนใจสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่าที่ขึ้นมา
ลงมาจากเขาช่องกระจกก็ใกล้เย็นแล้วครับ เรื่องของกินหาไม่ยากเพราะตรงที่ว่าการอำเภอฯ เยื้องกับโรงแรม มีตลาดของกินยามค่ำทุกวัน กินตามอัธยาศัยสบายกระเพาะในราคาประหยัด เป็นอันปิดวันแรกเท่านี้แหละครับ
วันที่สอง เป้าหมายหลักของทริปคือขึ้นเขาล้อมหมวก พอหาข้าวเช้ากินเสร็จก็ปั่นจักรยานจากโรงแรมชมวิวอ่าวประจวบไปเรื่อยๆ จนถึงทางกองบิน 5 ที่ตั้งของเขาล้อมหมวก ถนนเลียบหาดโล่งมากแทบไม่มีรถรา ปั่นไม่ไกลครับ แถมบรรยากาศภายในกองบิน 5 สบายเป็นที่สุด
จากนั้นก็ขึ้นเขาล้อมหมวกครับ ช่วงแรกเป็นบันไดหลอกให้เราดีใจ แต่พอสุดบันไดก็ต้องเดินไต่ลัดเลาะไปตามเขาหินปูน ง่ายบ้างยากบ้างสลับกัน ช่วงที่ยากจะมีเชือกไว้ให้คอยยึดจับ เส้นทางโดยรวมสำหรับผมยังถือว่าไม่โหดมากครับ ตลอดทางมีจุดชมวิวเป็นระยะ ส่วนมากวิวที่เห็นจะเป็นฝั่งอ่าวมะนาว
พอขึ้นมาถึงแล้วสดชื่นสุดๆ ความรู้สึกเหมือนจะบินได้เลยแฮะ ด้านบนเป็นที่ตั้งของพระมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง เดินชมวิวได้โดยรอบทุกองศา วิวที่เห็นจะเป็นสองฝั่งคืออ่าวประจวบ กับอ่าวมะนาว
อยู่สักสองชั่วโมงก็ลงจากเขาล้อมหมวก ด้านล่างของภูเขาเป็นแหล่งอนุรักษ์ค่างแว่นถิ่นใต้ ตอนลงไปนักท่องเที่ยวกำลังให้อาหารพอดี เลยเก็บภาพมานิดหน่อย
จากนั้นปั่นจักรยานต่อไปอ่าวมะนาวซึ่งยังอยู่ในเขตของกองบิน 5 ผมว่าถ้าจะมาเล่นทะเลที่เมืองประจวบก็ต้องที่อ่าวมะนาวนี่แหละ บ้านพักและร้านอาหารบรรยากาศดีพอสมควร ชิลๆ แบบไม่ต้องสวยเว่อร์มาก
อยู่ที่อ่าวมะนาวจนพอใจแล้วก็ปั่น ปั่น ปั่น ผ่านกองบิน 5 กลับทางเดิมสู่อ่าวประจวบ คราวนี้เลยเขาช่องกระจกไปอีกฝั่งของอ่าวคือทางปากคลองบางนางรม ปั่นไป จอดไป ถ่ายรูปไป เป็นเส้นที่เหมาะกับการปั่นจักรยานเหลือหลาย
วันนี้ทั้งขึ้นเขาและปั่นจักรยานไปๆ มาๆ เล่นเอาล้าพอสมควร กินข้าวเย็นหน้าที่ว่าการอำเภอฯ เสร็จสรรพ กลับถึงโรงแรมแทบสลบเหมือดเชียวล่ะ
สำหรับวันสุดท้าย เก็บเป้เช็คเอาต์และฝากของกับทางโรงแรมเรียบร้อย ก็ไปสถานีรถไฟเพื่อตรวจสอบเวลาเดินรถ ได้ความว่ารถไฟฟรี หลังสวน-ธนบุรี ขบวน 254 จะถึงประจวบราวสิบโมงครึ่ง ผมเลยมีเวลาเที่ยวเก็บภาพอีกเล็กน้อย
จักรยานคันเดิมปั่นไปศาลหลักเมืองประจวบฯ เล็งไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วครับว่าจะมาในวันสุดท้าย
จากนั้นไปเขาช่องกระจกอีกสักรอบ เก็บตกภาพต่างๆ กับมุมมองช่วงครึ่งวันเช้า ขึ้นไปคราวนี้คงเพราะแดดสายแรงจ้า พวกเจ้าจ๋อเลยหลบแดดกันหมดไม่ค่อยมีมากวนใจ
ใกล้สิบโมงก็ปั่นกลับไปคืนจักยานกับโรงแรม เพราะได้เวลากลับบ้าน รอรถไฟมาสายทีเดียวคือ 11.20 น. แต่ก็ว่าอะไรไม่ได้เพราะเป็นรถฟรีนี่นะ ผมปิดทริปกลับถึงเมืองกรุงใกล้จะทุ่ม เป็นทริปที่ให้ความรู้สึกยาวนาน แต่ก็สนุกนาน ประทับใจ และที่สำคัญคือประหยัดมากครับ รับประกันว่าจะต้องกลับไปซ้ำรอยตัวเองแน่นอน เพราะผมตกหลุมรักเมืองสามอ่าวเข้าแล้วเต็มเปาแล้วล่ะ
อยากคุยเรื่อยเปื่อยเรื่องท่องเที่ยว สอบถามข้อมูล (ถ้าผมมีให้นะ) หรือชวนเที่ยว ยินดียิ่งนะครับ
www.facebook.com/alifeatraveller
หรือ