เป็นการเปิดมุมมองการเดินป่าครั้งแรกในชีวิตเลย พ่อกับแม่ไม่เคยพามา พี่ที่เคยเดินป่าบ่อยๆก็ไม่เคยพามาเดินป่าแนวๆนี้ ผมนี้ตื่นเต้นสุด เป็นป่าที่เข้ามาแล้วรู้สึกสนุกดูมีอะไร เราเรียนเกี่ยวกับพฤกษศาสตร์อ่ะ ก็ชอบมองต้นไม้ไรงี้ แต่ที่นี้มากลางคืน ผมไม่สามารถเห็นอะไรเลยนอกจากทางเดิน กับคนตรงหน้าและที่ไหว้พระเป็นจุดๆ นำยาวมาเดี๋ยวบอกสิ่งของที่ต้องเตรียมไปดีกว่า และเข้าลำดับการเดินทางเนอะ
ของที่ใช้หรือไม่ใช้แล้วแต่บุคคลนะคะ
1.ตังค์ค่ารถ ถ้าคิววันพลวง ขึ้น 2 ต่อ ต่อละ 50 บาท ลงก็อีก 2 ต่อ ราคาเดียวกัน รวมเป็น 200 บาทขึ้น-ลง หรือถ้าใครจะเดินก็ได้ ก็มีคนเดินเป็นทางเท้าบ้าง บนถนนบ้าง ข้ามถนนกันดีๆนะคะ รถขับเร็วมาก
2.ตังค์ทำบุญ อันนี้แล้วแต่ความศรัทธาเลย มีจุดทำบุญเยอะมากๆ ตลอดทาง มีจุดบริการแลกเหรียญที่จุดไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ และร้านขายเครื่องสักการะตลอด
3.อาหาร ก็แล้วแต่ว่าใครจะทานจากขึ้นล่าง ก็มีร้านตามสั่งก๋วยเตี๋ยว ของกินเล่น ขนม ฯลฯ หรือแต่ละจุดที่ขึ้นไปที่รอยพระพุทธบาทหรือผ้าแดงก็จะมีพวกเครื่องดื่มชงร้อน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขายเป็นจุดบริการ น้ำขวดๆก็มีจ้า ถ้าไม่อยากถือขึ้นไปให้เป็นสัมภาระนะ มีถุงขยะตลอด ทางค่อนข้างสะอาดเพราะทุกคนทิ้งขยะเป็นที่มากๆน่ารัก แต่เราถือกลับลงมาทิ้งข้างล่างหมดเลย ช่วยแบ่งเบานะคะ
4.พวกโลชั่นทากันยุง เราทาตั้งแต่อยู่บ้านเพื่อน แล้วก็พวกแบบฉีดไป ก็ไม่รู้สึกถึงยุงเลยนะ ไม่รู้ว่าไม่มียุงหรือโลชั่นของเพื่อนดีจริงๆ555
5.ไม้เท้า ก็เห็นบางคนก็เตรียมไปเอง หรือจะใช้บริการที่ทางวัดเตรียมไว้ก็ค่ะ แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้กัน
6.เสื่อ ผ้าห่ม หมอน สำหรับคนอยากจะพักชิลๆ เราก็เตรียมผ้าห่มขึ้นไปนะ แต่สุดท้ายก็รีบลงเลยไม่ได้พักนอนเลย หนักมากและอาจไม่ได้ใช้
ปะ ขึ้นเขากันดีกว่า
เริ่มเล่าตั้งแต่ออกจากอำเภอขลุง ตอนสี่ทุ่มถึงวัดพลวงสี่ทุ่มครึ่งใช้เส้นทางผ่านอำเภอมะขาม ช่วงนั้นรถไม่เยอะไม่ติดเลย ลืมบอกวันนี้คือกลางคืนของวันเสาร์ ซึ่งปกติรถจะติดมากๆ ถือว่าโชคดี ก็ค่าจอดรถ 50 บาท มีหลากหลายที่ให้จอด หรือจะจอดฟรีในเขตวัดพลวงก็ได้ แต่ตอนนั้นเต็มหมดเลย ความตื่นเต้นเริ่มมาตอนเห็นคนเยอะๆ เยอะมาก เพราะปีนี้เขาคิชฌกูฏเปิดให้ขึ้นแค่ประมาณ 2 เดือนป่ะ เปิด 24 ชั่วโมง คนส่วนใหญ่ชอบมาช่วงตั้งแต่เย็นๆจนถึงเช้าของอีกวันเพราะไม่ร้อนมาก
อันดับแรกพวกเราก็มาไหว้พระขอพรที่วัดพลวงก็ทางวัดได้มีการจำหน่ายเครื่องสักการะขนาดต่างๆสำหรับการไหว้ก็เลือกแล้วแต่จำนวนเพื่อนๆในทีมที่ไปด้วยกันอ่ะนะ มีดอกดาวเรือง ธูป เทียน ทองคำเปลว ผ้าแดง ผ้าสามสี พลอยประจำวันเกิดปีเกิด มีขายหลายจุดทั้งของวัดและของแม่ค้าเอง ให้เราเลือกอุดหนุน
ทางวัดก็มีป้ายและกระดาษเพื่อบอกลำดับและจุดในการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อันนี้ก็ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคลทางศาสนาพุทธเนอะ เราจะไม่พูดถึงมากนะคะ เรากลางๆ ก็มีแบบขอพร สะเดาะเคราะห์ของปีชง เหรียญใส่บาตรประจำวันเกิดปีเกิด ซื้อโฉนดให้วัด ฯลฯ ประมาณ 5 จุดที่วัดพลวง
เข้าห้องน้ำ เราก็แวะกินข้าวกินก๋วยเตี๋ยวก่อน ไม่อยากไปหิวข้างบนเท่าไหร่ แล้วไปซื้อตั๋วขึ้นรถเป็นคิวที่วัดพลวงนะ จะต้องต่อรถสองต่อ ต่อแรก 50 บาท เราได้เบอร์รถแล้วก็ไปยืนรอรถ คนเยอะมากๆๆๆๆ ก็โดนไปร้อยกว่าคิว ไปนั่งรอที่ร้านกาแฟห้องแอร์แถวๆนั้น
รอไป 1 ชั่วโมงพอถึงคิวก็ขึ้นรถรอบขงเรา รถค่อนข้างเร็วนะ เป็นรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อมีที่นั่งสองแถว หรือเราอยากจะนั่งข้างในรถก็ได้เปิดแอร์ชิลๆ ตอนนั้นก็มืดแล้วอาการก็ไม่ได้ร้อนมากอะไร นั่งข้างหลังกระบะได้ได้ฟิลแบบสวนสนุกนิดนุง จับแน่นๆนะคะ ถนนมันมืดๆเนอะเราก็ไม่ค่อยเห็นอะไร พี่คนขันชำนาญทางมากจริงๆนับถือ ในคิวนั้นมีรถ 60 คัน ขับกันค่อนข้างเร็วเพราะเป็นทางขึ้นเขารถต้องใช้แรงส่งเนอะก็ไปลองดู 5555 ณจุดเปลี่ยนรถก็ต้องซื้อตั๋วใหม่ 50 บาทสำหรับคิวรถนี้ ถ้าเป็นคิวรถของวัดกระทิงก็นั่งยาวเลยต่อเดียว หรืออีกคิวรถหนึ่งก้มีแต่เราไม่ได้ไปเลยบ่มีข้อมูลนะคะ ระหว่างรอคิวรถก็แวะไหว้จุดที่ 6 มีห้องน้ำด้วย ของกินนิดหน่อยบริการตลอด อุดหนุนแม่ค้าได้ค่ะ
ต่อรถรอบสองก็ซื้อตั๋วมาเข้าแถวเนอะ มีแซงมีเบียดกันเป็นเรื่องปกติของคนไทยเนอะ เราไปทำบุญเลยไม่ได้ถือสาอะไรมา ไม่รีบ ใครรีบก็เชิญค่ะ แต่ก็เกรงใจคนที่รอก็หน้าเรานิดนุงเนอะ คนไทยน้ำใจเยอะ ลองให้ดูบ้างมีความสุขมากว่าเป็นฝ่ายรอรับอย่างเดียวนะคะ ถึงปลายทางของรถที่มาส่งก็ไหว้พระแม่ธรณี และก็สิ่งศักดิ์ต่อ
ที่นี้มีบริการสำหรับผู้ที่เดินไม่ไหวด้วย เป็นเก้าอี้หวายแล้วมีคนหามค่ะ ค่าบริการนี้ไม่ทราบเหมือนกัน ทางเดินก็ค่อนข้างสะดวกนะเมื่อเทียบกับอุทยานแห่งชาติอื่นๆที่เราไปมา ความรู้สึกของเราตอนนั้นนะ (คหสต สุดๆ) ถ้าไม่เห็นป้ายอุทยานก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเขตอนุรักษ์พันธุไม้และสัตว์ป่าไรงี้ เป็นความรู้สึกของการแสวงบุญ ทุกคนมาเพื่อขอพร ไหว้พระ ทำบุญ ไม่มีใครมาเพื่อชมธรรมชาติเหมือนที่เรารู้สึกตอนไปอุทยานอื่นๆ ก็มีขึ้นบันไดทั้งที่เป็นดินถูกขุดให้เป็นทางเดิน ถุงกระสอบทรายกระสอบหินเป็นขั้นๆ ไม้กั้นทำขั้น ประมาณนี้
แนะนำสำหรับคนที่ไปเรื่องรองเท้านะคะ ก็เห็นมีคนใส่รองเท้าแตะก็เดินได้ อันนี้แนะนำเองเป็นรองเท้าผ้าใบพื้นยังมีลายมีดอกนะ บางช่วงก็เป็นดินลื่นๆนิดหน่อย เห็นคนลื่นเยอะ เดินเตะหินบ้าง ถ้ารองเท้าผ้าใบน่าจะปลอดภัยสุดนะคะ มีการขนหินขนทรายสร้างทางด้วย ก็ทำบุญกับเพื่อน ถือไปคนละถุงสองถุง เพื่อสร้างห้องน้ำให้คนพิการ ข้างบนจะมีจุดรับถุงหินถุงทรายอยู่สองจุด สังเกตป้ายนะจ๊ะ ระหว่างทางก็มีการโปรดดอกดาวเรื่องตลอด จะการปักธูป ผมนี้ทึ่งในความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ในการปักธูปจริงๆเล่นถ่ายรูปมา แบบปกติที่ปักกับดินก็มีพี่ไม่ถ่าย พี่ขอถ่ายแปลกๆนะ
ธูปท่าสะพานโค้ง
กระถางไม่มีก็ปักได้
คงมีอีกเยอะแชร์กันได้นะคะ 5555
วางเหรียญก็เช่นกัน ไม่มีตู้หยอดพี่ไทยก็สามารถ
เห็นไหมหละค่ะไทยใจบุญขนาดไหน
ถึงรอยพระพุทธบาทแหละ คนก็เยอะมากจิๆ ผมเนี่ยรู้สึกผิดมากที่ไปถึงนะ แต่มองไม่เห็นรอบพระพุทธบาทเลย T T
ระหว่างทางเดินก็มีลานหรือศาลาไรงี้ คนก็ปูเสื่อนอนกันเยอะมากๆ อากาศดี อากาศแบบค่อนข้างเย็น มีหมอกจางๆ ชิลมาก แวะงีบกันบ้างก็ไม่เป็นไร จะเข้าไปสักการะพระพุทธก็ต้องถอดรองเท้า มีการจัดคิวให้ทุกคนได้เข้าไปโดยการไปยืนอ่อที่หน้าทางเข้า แล้วจะมีคนเปิดเชือกกั้นให้เข้าไป พระท่านก็เล่าประวัติความเป็นมาให้ฟังและนำสวดขอพร ซึ่งแนะนำให้ขอพรคนละข้อ อยากรู้ก็ต้องไปเองนะจ๊ะ #แกล้งคนอ่าน เสร็จแล้วก็เอาดอกไม้ธูปเทียนไปวางในพานทองแล้วเราก็ไปต่อคิวเพื่อเอาศีรษะแตะที่หินปิดทองก่อนนะจ๊ะ แล้วก็ขอพร ความรู้สึกตอนนั้นคือ เหมือนทิ้งความเครียดความเศร้าไปได้แล้วจริงๆ แบบอยู่ดีๆก็รู้สึกดีแบบบอกไม่ถูก ลองดู เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะจ๊ะ
หลังจากแหวกว่ายมหามวลนักแสวงบุญก็เดินทางต่อไปยังเป้าหมายสุดท้ายค่ะ ผ้าแดง ป้ายเขียน 800 เมตร แอบเชื่อนะ พอเดินเท่านั้นแหละก็คุยกับเพื่อนขำๆว่า จริงๆป้ายอาจจะเขียนเป็นเลขสี่หลักก็ได้เช่น 3800 เมตร แต่สติ๊กเกอร์เลขหลักที่มี่หลุดไป 5555 ไปลองดูทางเดินไม่ได้ลำบากอะไร เดินไปก็มีคุณลุงคนป้า พี่ๆคุยด้วยตลอดทาง มาจากทั่วสาระทิศเลย ทุกคนน่ารักมาก เดินเรื่อยๆก็ผ่านจุดไหว้ต่างๆเรื่อยๆก็จะมีพระบ้าง แม่ชีบ้าง และก็โฆษกบอกลำดับการสักการะและเครื่องไหว้ ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ
คนไปของเลขที่ต้นตะเคียนเยอะมาก สุดท้ายก็ผ้าแดงเป็นโซนสุดท้าย ที่หลายๆคนจะเขียนความตั้งใจ ของพรไรงี้ แล้วเอาไปผูกไว้
ตอนนั้น เวลาก็ผ่านไปจากที่เริ่มออกจากวัดพลวงก็ 4 ชั่วโมง เลยรีบเดินกลับ พอเดินย้อนกลับมาที่จุดพักกินเครื่องดื่มร้อนก็จะมีทางลัดเดินกลับไปขึ้นรถโดยไม่ผ่านรอยพระบาท ก็แล้วแต่ว่าเราจะเดินย้อยกลับ ซึ่งเส้นทางสวนกัน แต่ทางไม่เบียดนะคะ เพราะมีเชือกกั้นคนจะเดินแยกทางกัน หรือจะลงทางลัดที่ไม่มีคนเดินสวนมาเลย
จะขอปั้มตราประทับอุทยานต้องเสียใจด้วยนะครับ ท่านจะต้องไปที่น้ำตกกระทิงนะครับ ที่เส้นทางการขึ้นไปขอพรครั้งนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่อุทยานที่มีตราประทับเลย ก็ลงซื้อตั๋วนั่งรถลง อีก 100 บาท (2 ต่อ) ถึงที่จอดรถตัวเองตอนเกือบๆหกโมงเช้า เวลารวมๆสำหรับการไม่นอนพักเลยก็ 6 ชั่วโมงนะคะ
สงสัยหละซิว่าพวกเรารีบกันทำไม อ่านต่อซิรออะไร