ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    Sunny •  มีนาคม 23 , 2559

    เกริ่นนำแป๊ป

    ทริปเสาร์-อาทิตย์กับเพื่อนเก่า เที่ยวชิลๆ เดินเล่นชมเมืองและวัด

    เดินป่าไหว้พระทำบุญที่อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ และปิดท้ายด้วยชมพระอาทิตย์ขึ้นที่แหลมสิงห์

    บอกเลยว่าฟินโคตร มีครบทุกรสของการท่องเที่ยว และขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับการดูแลทั้งที่พักและอาหารการกินดีๆจากครอบครัวเจ้าถิ่นเมืองขลุงนะคะ

    ค่าใช้จ่าย

    1. ค่ารถอย่างเดียวรถตู้กรุงเทพ-จันทบุรี 230 บาท/เที่ยว
    2. ค่ารถขึ้น-ลงเขาคิชฌกูฏคนละ 200 บาท (คิวรถที่วัดพลวงนะจ๊ะ) เที่ยวในเมืองก็มีรถมาสด้าให้บริการราคาแล้วแต่เหมาๆเอา ของเราเจ้าภาพขับรถให้ ((ไม่ต้องอิจฉานะอิๆ))
    3. ค่าของกิน (คุณเพื่อนดูแลและคุณแม่ก็เลี้ยงดีมากๆเลย)
    4. ค่าของฝาก (ทริปนี้มาตอนช็อต เพื่อนๆก็อด) ก็ขึ้นอยู่แล้แต่บุคคลเนอะ มีทั้งผลไม้ อาหารทะเลสด

     

    รีวิวเรื่องเขาคิชฌกูฏคงมีเยอะแล้ว เราจะเล่าในมุมมองความประทับใจที่เราไปพบมาแหละกันนะ โม้เรื่องอาหารเป็นหลัก5555+

     

    • โพสต์-2
    Sunny •  มีนาคม 23 , 2559

    ณ ชุมชนเก่าริมน้ำ แม่น้ำจันทบุรี

    วิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้านตลอดห้องแถวสองฝั่งถนน

    ยังคงมีกลิ่นอายความเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมเก่าๆและมีร้านกาแฟแต่งร้านน่ารักๆสมัยใหม่ ก็แล้วแต่เราจะเลือกใช้บริการโน๊ะ

    พอดีว่าคุณเพื่อนเจ้าภาพจอดรถที่ศาลเจ้าก็เดินมาเจอร้าน “บางเวลา กาแฟและแกลลอรี่ ริมน้ำจันทบูร” ก็เลยแวะร้านนี้ก่อนเลย ชื่อร้านพี่ยาวมาก 5555+((แซวไปเรื่อย #ข้ามไป)) ร้านนี้ก็มีสองชั้นแล้วแต่เราเลยอยากนั่งห้องแอร์นั่งคุยกับเจ้าของร้านก็ชั้นล่างเนอะ อยากนั่งชมวิวก็ชั้นสอง ก็มีกาแฟเครื่องดื่มทั่วไป ที่ชอบขอบอกเลย อิตาเลี่ยนโซดา  ไม่รู้นะ ว่าเจ้าอื่นเป็นไง เกิดมาไม่เคยกินพวกนี้เลย แต่เห็นเมนูก็มีอะไรไม่รู้ดลใจให้สั่งก็ชอบนะ  อาหร่อยแบบอธิบายไม่ถูก ^^ ก็สั่งมาอีกเมนูเป็นวัฟเฟอ (เขียนงี้ป่ะ 555) ดูทำง่ายๆแต่ทำร้อนๆราดน้ำผึ้งคำเดียวก็ฟินๆๆๆๆๆ #โม้เรื่องจริงค่ะ จริงๆควรจะเมาส์ถึงเจ้าของร้านก่อน คือพี่เขาดูติสๆแต่เราชอบแนวการวาดรูปมากค่ะ น่ารักดี ตัวการตูนมีเรื่องราว สีน้ำ(ป่ะ) คือสวย ภาพดูน่าสนใจ ดูมีอะไร เดี๋ยวหาว่าโอเว่อร์ ใครผ่านไปก็อุดหนุนโปสการ์ดได้นะคะ หลังจากนั้นคุณเจ้าภาพก็เทเราเพราะนางไปทำธุระในเมือง ปล่อยให้มนุษย์ต่างถิ่นได้ผจญภัย ^^ ตลอดทางก็มีป้ายมีแผนที่บอกตลอดว่าบ้านไหนเป็นร้านอะไรจุดท่องเที่ยวอะไร ไม่ต้องกลัวหลงมีทางเดินทางเดียวเราก็ไปตั้งหลักที่โบสท์ที่เค้าว่ากันว่าสวยมาก ก็สวยมากจริงๆ เคยมาเมื่อปีที่แล้วเขียนรีวิวไปแล้ว (http://www.thetrippacker.com/th/review/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99MunNaiIsland/7547) วันนี้ก็มาอีก ร้อนเหมือนเดิม รอบนี้ก็เลยซนหน่อยไปเดินเล่นต่อในชุมชนฝั่งที่เป็นโบสท์นะ ก็ได้เห็นอะไรแปลกตามากจริงๆตามรูปนะ อธิบายไม่ได้ด้วยคำพูดอ่ะจริงๆตั้งใจจะเดินไปวัดอะไรสักอย่างมีแม่ค้าแถวนั้นแนะนำ บอกว่ามีโบสท์หรือศาลาแต่สมัยรัชกาลที่ 3 สวยมาก แต่หนูคงไม่มีบุญเดินหาไม่เจอค่ะ ได้แค่เดินกลับก็เจอร้านขายของโชว์ห่วย คือตื่นเต้นมา คิดถึงตอนเด็กๆที่ชอบขอตังค์แม่มาซื้อของเล่น ^^ แล้วก็เจอบ้านหนึ่งตรงหัวมุมตกแต่งพวงซัมติ่งสวยดี น่าลองทำบางจัง หลังจากเดินหลงฝั่งโบสท์ก็เดินข้ามกลับมาฝั่งริมน้ำ ก็มีมุมสวยๆถ่ายรูปเยอะ แต่ก็อากาศเมืองไทยอันเป็นเอกลักษณ์(ร้อน) คนก็ไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ มีของกินแปลกตาขายเยอะพอสมควรเช่น ส้มจี๊ด คือบ้านเราก้ปลูกนะ แต่ไม่คิดว่าเขาจะขายกันเยอมากจนทำให้คิดว่าคนจันเขาปลูกกันเป็นสวนหรือป่าวจึงมีขายเป็นกิโลๆ มีน้ำมะปี๊ด (เขียนงี้ป่ะ) อ่านแป๊ปๆ แต่ไม่ได้ซื้อโดนน้ำร้านแรกตัดกำลัง มีไอติมจรวด นี้บอกเลยชอบของพี่จันมากเลยค่ะ มีหลายรสชาติให้เลือกที่สำคัญ 10 บาท แต่รู้สึกคุณภาพและความใส่ใจของคุณพี่จันมันให้ค่าได้มากกว่านี้ #กดเลิฟ และอีกขนมโบราณมากมายต้องมาเองอ่ะ เดินชมต่อก็มาสะดุดกับบ้านที่เป็น “ชมรมพัฒนาชุมชนริมน้ำจันทบูร” มีการจดแสดงภาพถ่ายสวยๆกับข้อมูลทางสถาปัตกรรมและภาพเก่าๆของใช้เก่าเยอะมากๆ หลังบ้านเป็นสวนสวยๆ สามารถเข้าชมได้ฟรีค่ะด้วยความซนก็เดินเที่ยวออกนอกเส้นทางค่ะไปวัดต่างๆที่ใกล้ๆก็เดินเพลินๆไปขนส่งจังหวัดเผื่อหวังจะไปเที่ยวอำเภออื่นๆต่อ

    #ผิดค่ะ ขนส่งที่จังหวัดจันทบุรีนะคะ มีแต่รถออกต่างจังหวัดค่ะ กรุงเทพ ตราด ระยอง ชลบุรี และจังหวัดแถบภาคอีสาน อีนี้ก็เซ็งเลยค่ะ ถามคนแถวนั้นไปเรื่อยได้ความาว่า หากจะเที่ยวต้องเหมามาสด้า ไปไม่ก็รถสองแถวในตลาด

    ขอนิยามคำศัพท์ก่อนนะคะ

    1. มาสด้าเป็นยี่ห้อรถที่คนจันใช้เหมาหรือว่าไปที่ต่างๆเป็นลักษณะรถกระบะที่ท้ายมีหลังคาและที่นั่งสองแถว ราคาเหมาก็แล้วแต่ระยะทางของท่าน จำนวนคนไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับว่าท่านนั่งแล้วไม่เบียดหรือทับกัน 5555 อีฉันก็มโนไว้ว่าข้ามาคนเดียวคงไม่คุ้มเท่าไหร่
    2. วินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง เหมือนจังหวัดอื่นทั่วไปค่ะ
    3. ต่อมารถสองแถวในตลาด นี่ขอเม้าส์แรงเลยนะ พี่ที่เราถามทางแม้แต่ในรีวิวต่างๆก็บอกว่าตลาด แล้วตลาดไหนอ่ะค่ะ อีฉันก็เดินตั้งแต่บขส.ผ่านสนามกีฬา สวนสมเด็จ (ถนนหน้าสวนสมเด็จทุกวันเสาร์มีตลาดนัดแบบถนนคนเดินด้วย แต่เราไม่ได้อยู่รอเดิน) ก็ถึงตลาด ซึ่งมีหลายตลาดมากๆอยู่ติดๆกัน เดินต่อซิครับรออะไร ก็มีคิวรถไปอำเภอต่างๆจริงๆด้วยแบบว่าอยู่คนละทิศละทางกัน อยากไปอำเภอไหนก็หาคิวรถเอา ตอนแรกก็ไม่นั่งรอเกือบชั่วโมงรถไม่ออกถอดใจ
    ผมก็ไปเดินเล่นในตลาดสดดีกว่า ตื่นเต้นมาค่ะ ด้วยความที่มาอยู่กรุงเทพนาน เจอแต่ของทะเลไม่ค่อยจะสดเท่ากับจังหวัดติดทะเลและราคาแพง ที่ตลาดจันนี้ถูกกว่าครึ่งแล้วแบบน่ากินมากๆๆๆๆๆ มีปูนิ่มมาขายสดๆ ไม่แช่แข็งเหมือนที่เราอยากจะกินแล้วต้องไปหาซื้อในห้างใหญ่ๆ กุ้งครับตัวใหญ่ๆราคาก็ถูกมากจริงๆ หอยสดๆ  ไหนจะปลาอีก ตอนนั้นคือฟิลลิ่งแบบอยากให้มีตลาดแบบนี้ใกล้บ้านคงจะฟินไม่น้อย  น่าอิจฉาคนจันเนอะๆ แล้วก็พบส้มจี๊ดอีกคงจะเป็นของดังช่วงฤดูนี้จริงๆ อ่ะเพื่อนมารับกลับไปเตรียมตัวขึ้นเขาคิชฌกูฏแหละ ^^
    • โพสต์-3
    Sunny •  มีนาคม 23, 2559
    • โพสต์-4
    Sunny •  มีนาคม 23 , 2559

    ไปไหว้พระที่อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏกันนนนน

    เป็นการเปิดมุมมองการเดินป่าครั้งแรกในชีวิตเลย พ่อกับแม่ไม่เคยพามา พี่ที่เคยเดินป่าบ่อยๆก็ไม่เคยพามาเดินป่าแนวๆนี้ ผมนี้ตื่นเต้นสุด เป็นป่าที่เข้ามาแล้วรู้สึกสนุกดูมีอะไร เราเรียนเกี่ยวกับพฤกษศาสตร์อ่ะ ก็ชอบมองต้นไม้ไรงี้ แต่ที่นี้มากลางคืน ผมไม่สามารถเห็นอะไรเลยนอกจากทางเดิน กับคนตรงหน้าและที่ไหว้พระเป็นจุดๆ นำยาวมาเดี๋ยวบอกสิ่งของที่ต้องเตรียมไปดีกว่า และเข้าลำดับการเดินทางเนอะ

    ของที่ใช้หรือไม่ใช้แล้วแต่บุคคลนะคะ

    1.ตังค์ค่ารถ ถ้าคิววันพลวง ขึ้น 2 ต่อ ต่อละ 50 บาท ลงก็อีก 2 ต่อ ราคาเดียวกัน รวมเป็น 200 บาทขึ้น-ลง หรือถ้าใครจะเดินก็ได้ ก็มีคนเดินเป็นทางเท้าบ้าง บนถนนบ้าง ข้ามถนนกันดีๆนะคะ รถขับเร็วมาก

    2.ตังค์ทำบุญ อันนี้แล้วแต่ความศรัทธาเลย มีจุดทำบุญเยอะมากๆ ตลอดทาง มีจุดบริการแลกเหรียญที่จุดไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ และร้านขายเครื่องสักการะตลอด

    3.อาหาร ก็แล้วแต่ว่าใครจะทานจากขึ้นล่าง ก็มีร้านตามสั่งก๋วยเตี๋ยว ของกินเล่น ขนม ฯลฯ หรือแต่ละจุดที่ขึ้นไปที่รอยพระพุทธบาทหรือผ้าแดงก็จะมีพวกเครื่องดื่มชงร้อน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขายเป็นจุดบริการ น้ำขวดๆก็มีจ้า ถ้าไม่อยากถือขึ้นไปให้เป็นสัมภาระนะ มีถุงขยะตลอด ทางค่อนข้างสะอาดเพราะทุกคนทิ้งขยะเป็นที่มากๆน่ารัก แต่เราถือกลับลงมาทิ้งข้างล่างหมดเลย ช่วยแบ่งเบานะคะ

    4.พวกโลชั่นทากันยุง เราทาตั้งแต่อยู่บ้านเพื่อน แล้วก็พวกแบบฉีดไป ก็ไม่รู้สึกถึงยุงเลยนะ ไม่รู้ว่าไม่มียุงหรือโลชั่นของเพื่อนดีจริงๆ555

    5.ไม้เท้า ก็เห็นบางคนก็เตรียมไปเอง หรือจะใช้บริการที่ทางวัดเตรียมไว้ก็ค่ะ แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้กัน

    6.เสื่อ ผ้าห่ม หมอน สำหรับคนอยากจะพักชิลๆ เราก็เตรียมผ้าห่มขึ้นไปนะ แต่สุดท้ายก็รีบลงเลยไม่ได้พักนอนเลย หนักมากและอาจไม่ได้ใช้

    ปะ ขึ้นเขากันดีกว่า

    เริ่มเล่าตั้งแต่ออกจากอำเภอขลุง ตอนสี่ทุ่มถึงวัดพลวงสี่ทุ่มครึ่งใช้เส้นทางผ่านอำเภอมะขาม ช่วงนั้นรถไม่เยอะไม่ติดเลย ลืมบอกวันนี้คือกลางคืนของวันเสาร์ ซึ่งปกติรถจะติดมากๆ ถือว่าโชคดี ก็ค่าจอดรถ 50 บาท มีหลากหลายที่ให้จอด หรือจะจอดฟรีในเขตวัดพลวงก็ได้ แต่ตอนนั้นเต็มหมดเลย ความตื่นเต้นเริ่มมาตอนเห็นคนเยอะๆ เยอะมาก เพราะปีนี้เขาคิชฌกูฏเปิดให้ขึ้นแค่ประมาณ 2 เดือนป่ะ เปิด 24 ชั่วโมง คนส่วนใหญ่ชอบมาช่วงตั้งแต่เย็นๆจนถึงเช้าของอีกวันเพราะไม่ร้อนมาก

    อันดับแรกพวกเราก็มาไหว้พระขอพรที่วัดพลวงก็ทางวัดได้มีการจำหน่ายเครื่องสักการะขนาดต่างๆสำหรับการไหว้ก็เลือกแล้วแต่จำนวนเพื่อนๆในทีมที่ไปด้วยกันอ่ะนะ มีดอกดาวเรือง ธูป เทียน ทองคำเปลว ผ้าแดง ผ้าสามสี พลอยประจำวันเกิดปีเกิด มีขายหลายจุดทั้งของวัดและของแม่ค้าเอง ให้เราเลือกอุดหนุน ทางวัดก็มีป้ายและกระดาษเพื่อบอกลำดับและจุดในการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อันนี้ก็ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคลทางศาสนาพุทธเนอะ เราจะไม่พูดถึงมากนะคะ เรากลางๆ ก็มีแบบขอพร สะเดาะเคราะห์ของปีชง เหรียญใส่บาตรประจำวันเกิดปีเกิด ซื้อโฉนดให้วัด ฯลฯ ประมาณ 5 จุดที่วัดพลวง เข้าห้องน้ำ เราก็แวะกินข้าวกินก๋วยเตี๋ยวก่อน ไม่อยากไปหิวข้างบนเท่าไหร่ แล้วไปซื้อตั๋วขึ้นรถเป็นคิวที่วัดพลวงนะ จะต้องต่อรถสองต่อ ต่อแรก 50 บาท เราได้เบอร์รถแล้วก็ไปยืนรอรถ คนเยอะมากๆๆๆๆ ก็โดนไปร้อยกว่าคิว ไปนั่งรอที่ร้านกาแฟห้องแอร์แถวๆนั้น รอไป 1 ชั่วโมงพอถึงคิวก็ขึ้นรถรอบขงเรา รถค่อนข้างเร็วนะ เป็นรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อมีที่นั่งสองแถว หรือเราอยากจะนั่งข้างในรถก็ได้เปิดแอร์ชิลๆ ตอนนั้นก็มืดแล้วอาการก็ไม่ได้ร้อนมากอะไร นั่งข้างหลังกระบะได้ได้ฟิลแบบสวนสนุกนิดนุง จับแน่นๆนะคะ ถนนมันมืดๆเนอะเราก็ไม่ค่อยเห็นอะไร พี่คนขันชำนาญทางมากจริงๆนับถือ ในคิวนั้นมีรถ 60 คัน ขับกันค่อนข้างเร็วเพราะเป็นทางขึ้นเขารถต้องใช้แรงส่งเนอะก็ไปลองดู 5555 ณจุดเปลี่ยนรถก็ต้องซื้อตั๋วใหม่ 50 บาทสำหรับคิวรถนี้ ถ้าเป็นคิวรถของวัดกระทิงก็นั่งยาวเลยต่อเดียว หรืออีกคิวรถหนึ่งก้มีแต่เราไม่ได้ไปเลยบ่มีข้อมูลนะคะ ระหว่างรอคิวรถก็แวะไหว้จุดที่ 6 มีห้องน้ำด้วย ของกินนิดหน่อยบริการตลอด อุดหนุนแม่ค้าได้ค่ะ ต่อรถรอบสองก็ซื้อตั๋วมาเข้าแถวเนอะ มีแซงมีเบียดกันเป็นเรื่องปกติของคนไทยเนอะ เราไปทำบุญเลยไม่ได้ถือสาอะไรมา ไม่รีบ ใครรีบก็เชิญค่ะ แต่ก็เกรงใจคนที่รอก็หน้าเรานิดนุงเนอะ คนไทยน้ำใจเยอะ ลองให้ดูบ้างมีความสุขมากว่าเป็นฝ่ายรอรับอย่างเดียวนะคะ ถึงปลายทางของรถที่มาส่งก็ไหว้พระแม่ธรณี และก็สิ่งศักดิ์ต่อ ที่นี้มีบริการสำหรับผู้ที่เดินไม่ไหวด้วย เป็นเก้าอี้หวายแล้วมีคนหามค่ะ ค่าบริการนี้ไม่ทราบเหมือนกัน ทางเดินก็ค่อนข้างสะดวกนะเมื่อเทียบกับอุทยานแห่งชาติอื่นๆที่เราไปมา ความรู้สึกของเราตอนนั้นนะ (คหสต สุดๆ) ถ้าไม่เห็นป้ายอุทยานก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเขตอนุรักษ์พันธุไม้และสัตว์ป่าไรงี้ เป็นความรู้สึกของการแสวงบุญ ทุกคนมาเพื่อขอพร ไหว้พระ ทำบุญ ไม่มีใครมาเพื่อชมธรรมชาติเหมือนที่เรารู้สึกตอนไปอุทยานอื่นๆ ก็มีขึ้นบันไดทั้งที่เป็นดินถูกขุดให้เป็นทางเดิน ถุงกระสอบทรายกระสอบหินเป็นขั้นๆ ไม้กั้นทำขั้น ประมาณนี้ แนะนำสำหรับคนที่ไปเรื่องรองเท้านะคะ ก็เห็นมีคนใส่รองเท้าแตะก็เดินได้ อันนี้แนะนำเองเป็นรองเท้าผ้าใบพื้นยังมีลายมีดอกนะ บางช่วงก็เป็นดินลื่นๆนิดหน่อย เห็นคนลื่นเยอะ เดินเตะหินบ้าง ถ้ารองเท้าผ้าใบน่าจะปลอดภัยสุดนะคะ มีการขนหินขนทรายสร้างทางด้วย ก็ทำบุญกับเพื่อน ถือไปคนละถุงสองถุง เพื่อสร้างห้องน้ำให้คนพิการ ข้างบนจะมีจุดรับถุงหินถุงทรายอยู่สองจุด สังเกตป้ายนะจ๊ะ ระหว่างทางก็มีการโปรดดอกดาวเรื่องตลอด จะการปักธูป ผมนี้ทึ่งในความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ในการปักธูปจริงๆเล่นถ่ายรูปมา แบบปกติที่ปักกับดินก็มีพี่ไม่ถ่าย พี่ขอถ่ายแปลกๆนะ

    ธูปท่าสะพานโค้ง

    กระถางไม่มีก็ปักได้ คงมีอีกเยอะแชร์กันได้นะคะ 5555 วางเหรียญก็เช่นกัน ไม่มีตู้หยอดพี่ไทยก็สามารถ

    เห็นไหมหละค่ะไทยใจบุญขนาดไหน

    ถึงรอยพระพุทธบาทแหละ คนก็เยอะมากจิๆ ผมเนี่ยรู้สึกผิดมากที่ไปถึงนะ แต่มองไม่เห็นรอบพระพุทธบาทเลย T T

    ระหว่างทางเดินก็มีลานหรือศาลาไรงี้ คนก็ปูเสื่อนอนกันเยอะมากๆ อากาศดี อากาศแบบค่อนข้างเย็น มีหมอกจางๆ ชิลมาก แวะงีบกันบ้างก็ไม่เป็นไร จะเข้าไปสักการะพระพุทธก็ต้องถอดรองเท้า มีการจัดคิวให้ทุกคนได้เข้าไปโดยการไปยืนอ่อที่หน้าทางเข้า แล้วจะมีคนเปิดเชือกกั้นให้เข้าไป พระท่านก็เล่าประวัติความเป็นมาให้ฟังและนำสวดขอพร ซึ่งแนะนำให้ขอพรคนละข้อ อยากรู้ก็ต้องไปเองนะจ๊ะ #แกล้งคนอ่าน เสร็จแล้วก็เอาดอกไม้ธูปเทียนไปวางในพานทองแล้วเราก็ไปต่อคิวเพื่อเอาศีรษะแตะที่หินปิดทองก่อนนะจ๊ะ แล้วก็ขอพร ความรู้สึกตอนนั้นคือ เหมือนทิ้งความเครียดความเศร้าไปได้แล้วจริงๆ แบบอยู่ดีๆก็รู้สึกดีแบบบอกไม่ถูก ลองดู เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะจ๊ะ

     

    หลังจากแหวกว่ายมหามวลนักแสวงบุญก็เดินทางต่อไปยังเป้าหมายสุดท้ายค่ะ ผ้าแดง ป้ายเขียน 800 เมตร แอบเชื่อนะ พอเดินเท่านั้นแหละก็คุยกับเพื่อนขำๆว่า จริงๆป้ายอาจจะเขียนเป็นเลขสี่หลักก็ได้เช่น 3800 เมตร แต่สติ๊กเกอร์เลขหลักที่มี่หลุดไป 5555 ไปลองดูทางเดินไม่ได้ลำบากอะไร เดินไปก็มีคุณลุงคนป้า พี่ๆคุยด้วยตลอดทาง มาจากทั่วสาระทิศเลย ทุกคนน่ารักมาก เดินเรื่อยๆก็ผ่านจุดไหว้ต่างๆเรื่อยๆก็จะมีพระบ้าง แม่ชีบ้าง และก็โฆษกบอกลำดับการสักการะและเครื่องไหว้ ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ คนไปของเลขที่ต้นตะเคียนเยอะมาก สุดท้ายก็ผ้าแดงเป็นโซนสุดท้าย ที่หลายๆคนจะเขียนความตั้งใจ ของพรไรงี้ แล้วเอาไปผูกไว้ ตอนนั้น เวลาก็ผ่านไปจากที่เริ่มออกจากวัดพลวงก็ 4 ชั่วโมง เลยรีบเดินกลับ พอเดินย้อนกลับมาที่จุดพักกินเครื่องดื่มร้อนก็จะมีทางลัดเดินกลับไปขึ้นรถโดยไม่ผ่านรอยพระบาท ก็แล้วแต่ว่าเราจะเดินย้อยกลับ ซึ่งเส้นทางสวนกัน แต่ทางไม่เบียดนะคะ เพราะมีเชือกกั้นคนจะเดินแยกทางกัน หรือจะลงทางลัดที่ไม่มีคนเดินสวนมาเลย

    จะขอปั้มตราประทับอุทยานต้องเสียใจด้วยนะครับ ท่านจะต้องไปที่น้ำตกกระทิงนะครับ ที่เส้นทางการขึ้นไปขอพรครั้งนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่อุทยานที่มีตราประทับเลย ก็ลงซื้อตั๋วนั่งรถลง อีก 100 บาท (2 ต่อ) ถึงที่จอดรถตัวเองตอนเกือบๆหกโมงเช้า เวลารวมๆสำหรับการไม่นอนพักเลยก็ 6 ชั่วโมงนะคะ

    สงสัยหละซิว่าพวกเรารีบกันทำไม อ่านต่อซิรออะไร

    • โพสต์-5
    Sunny •  มีนาคม 23 , 2559

    มาจันก็ต้องมาทะเลซิค่ะ อิอิ

    หลังจากง่วงๆลงมา ก็รองท้องนิดหน่อย

    ซิ่งต่อที่ จุดชมวิวแหลมสิงห์ ณ สะพานแหลมสิงห์

    ผมไม่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้เลย แบบเมฆเยอะไปหน่อย แต่ก็ดีนะ แดดไม่ร้อนมาก นั่งกินลมชิลเลยครับ

    ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอันนี้เป็นที่เขาเรียกว่าชุมชนไร้แผ่นดินหรือป่าว

    เป็นบ้านของชาวประมงที่ตอกเสายึดกับบ้านแพลอยน้ำ วิธีชีวิตเงียบสงบผมนี่อิจฉามากๆๆเลย

    ขับรถตามชายหาดไปเรื่อยก็มานั่งเล่นให้ลมและอากาศบริสุทธิ์ปะทะหน้าซะหน่อย ความรู้สึกตอนนั้นคือ หมดห่วง อิ่มบุญ อิ่มใจ ฟินอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน แบบโล่ง รู้สึกดีไรงี้

    อยากให้เรามีโอกาสได้มาพักผ่อนแบบนี้บ่อยๆชีวิตคงจะมีความสุขมากๆ #ยิ้มแก้มชิก ชอบ.....บ

    ไม่ทันไรก็ต้องรีบกลับบ้านเพื่อนเพราะว่า

    ของอร่อยเมืองขลุงกำลังจะหมด

    นี่ๆๆ เป็นปาท่องโก๋เมืองขลุง สัมผัสของแป้งทอดก็ไม่เคยได้กินที่ไหน มาตอนแปดโมงครึ่งเหลือปา 3 ตัวสุดท้าย อะไรจะขายดีปานนั้นคือ อร่อยแบบไม่คิดว่าเนื้อแป้งจะงตัวกับน้ำจิ้ม (คล้ายที่กินกับหมูสเต๊ะ) จิบชาร้อน หรือจะกินกับน้ำเย็น กาแฟเย็นก็เข้ากันเป็นอย่างดี ลืมบอกชื่อร้าน "กาแฟ ปาท่องโก๋" ถามคนเมืองขลุงดู ร้านที่อร่อยๆคนเข้าคิวเยอะๆ ผมนี่โชคดีมากที่ยังมีโอกาสได้กิน อิอิ ร้านตกแต่งน่ารักมากค่ะ มีบวกให้เก็บได้ด้วย ใครจะรวมสมทบทำบุญให้เด็กๆยากไร้ก็ลูกละห้าบาทนะคะ

     

    ที่บอกว่าจะเมาส์เรื่องของกินอ่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ สามารถได้แค่เล่าให้ฟัง เพราะถ่ายรูปไม่ทันจริงๆ  ของอร่อยก็ต้องหมดเร็วเป็นธรรมดา

    คุณแม่ของเพื่อนไปซื้อไปหามาให้หมดเลย จริงๆก็เป็นของกินทั่วๆไป ที่ถูกจับคู่ใหม่ รสชาติลตัวมากๆ ในตัวเมืองจันก็ไม่ค่อยมีให้ชิม จัหวัดอื่นไม่ต้องพูดถึง อาทิเช่น

    ขนมกุยช่าย คุณค่ะ แป้งไม่หนาเกินไปชิ้นใหญ่จุใจ  ที่สำคัญต้องกินกับน้ำพะโล้ O.O

    ข้าวมันไก่เมืองขลุง ข้าวไม่มันจนเกินไปกับไก่สับ และน้ำพริกเผา วิธีกินคือต้องคลุกทุกอย่างให้ผสมกันก่อนกิน ฟินมากกกกก

    ทองไม่ม้วน ไม่รู้ว่าเขาเรียกอะไร เป็นแผ่นแป้งเหมือนทองม้วน แต่เป็นแผ่นกลม วิธีกินต้องทานำจิ้มก่อน เอาสองแผ่นประกบกันแล้วเข้าปาก อร่อยอีกเช่นเคย

    อาหารทะเลครับ กินง่ายๆก็ลวกสุกเฉยๆ กับน้ำจิ้มซีฟู๊ดสูตรบ้านเพื่อน ไม่เน้นกระเทียมแต่ต้องใส่รากผักชีโคลก อร่อยโฮก แม่บอกว่าวันนี้น้ำไม่เน่าเลยมีของทะเลขายที่ท่าเรือ เป็นภาษาของชาวประมงมั่ง ถ้าวันไหนน้ำเน่าก็จะไม่ค่อยมีของทะเลขายเท่าไหร่

    แบบว่าแม่เพื่อนทำกับข้าวอร่อยมากๆ ก็มีปลาทอด ปลาต้มเค็ม ข้าวต้มทรงเครื่องทะเล อลังล้านแปด 

    อยู่อย่างราชาโฮมสเตย์มากๆเลยค่ะ  ประทับใจ

    มาเที่ยวแล้วเจ้าบ้านพาเที่ยวเองนี่ฟินสุดๆแหละ

    ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ

    จริงๆแค่คลิ๊กเข้ามาดูรูป แบ่งปันประสมการณ์กันได้นะคะ

    คอมเม้นได้นะคะ ^^

    • โพสต์-6
    Sunny •  มีนาคม 23, 2559

    การเดินทาง

    • จุดเด่น:
    • มีรถจากหลากหลายจังหวัดที่มาจันทบุรีโดยตรง โดยมาที่เมือง (บขส)
    • จุดด้อย:
    • ไม่ค่อยมีรถประจำทางในจังหวัด แบบมีน้อยมาก รอบรถก็น้อย
    • ข้อสรุป:
    • ถ้าอยากเที่ยวหลายๆที่แนะนำให้มีรถส่วนตัวมาเองนะคะ จะได้ชิลๆหน่อย
    คะแนน