กาลครั้ง ณ เมืองกาญ . วันที่หนึ่ง
ให้มันเป็นบันทึกการเดินทาง.
เขียนไว้ในwordเฉยๆมันก็ยังไงอยู่ ขอเล่าแบบเล่าให้เพื่อนฟังละกัน
สองวันหนึ่งคืนไปแบบพอไปได้.
เราขี้เกียจแต่งรูปด้วย ไม่สวยไม่ว่ากันเนอะ เอาบรรยากาศละกัน.
เช้าแทบจะไม่มืดในวันเสาร์นัดเจอกับเด็กติดเกมส์ที่เซเว่นหน้าหอก่อนจะหาหมูปิ้งติดมือไปรอรถเมล์ไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปถึงคิวรถตู้ได้รอบเจ็ดโมงครึ่ง นั่งๆแต่หนักไปทางนอนซะมากกว่า ถึงเมืองกาญประมาณเก้าโมงครึ่งกว่าๆ
รีบเอาของเข้าไปเก็บในที่พักเพราะอยู่ห่างจากบขส.ประมาณ 500 เมตร ตอนแรกนั่งวินไปคนละยี่สิบบาท แต่ขากลับมาบขส. ลงมติว่าเดินๆรอวินผ่านมาละกัน และวินก็ไม่ผ่านมาสักคันหรอก 5555555555
วันนี้เราจะไปน้ำตกเอราวัณกัน ขึ้นรถที่บขส.เป็นรถหวานเย็น ลมโกรกตลอดทาง
พี่คนนี้ยืนให้เรานั่งกัน ฝรั่งเต็มรถเลยยย มาเป็นคู่บ้างเดี่ยวบ้าง เราขึ้นรถรอบสิบโมงครึ่งกัน สองข้างทางก็เห็นภูเขาที่มีหมอกบัง ตื่นเต้นๆ มีฝนปรอยลงมาบ้าง ลมนี้เย็นตลอดทาง เรานั่งแถวหลังสุดเลย เราเป็นคนเหนือแท้ๆเรายังชอบภูเขาที่นี้เลย ในรถก็มีแต่ความเงียบไปตลอดทาง นั่งมองวิวข้างทางไปเรื่อยๆ แต่เพื่อนเรานอนแล้วจ้า ฝันดีค่ะมึง ถึงทางเข้าอุทยาน เสียค่าเข้าปกติผู้ใหญ่ 100 บาท แสดงบัตรนิสิตลดเหลือ 50 บาท นะ รูปด้านบนนู้นเลย พอลงจากรถจะถ่ายรูปกัน มีฝรั่งที่นั่งมาด้วยกันลงมาพอดี นางทำหน้าทะเล้นใส่ค่ะ ตกใจกดถ่ายไม่ทัน เลยได้รูปนี้มา 5555555555เหมือนหมูปิ้งเมื่อเช้าของเราจะหมดฤทธิ์กันแล้ว เลยขอซัดข้าวกันก่อนเดินขึ้นน้ำตก รสชาติถือว่าดีนะหรือว่าหิว กินไม่ถึงสิบนาที 5555555มีรถบริการพาเข้าไปนะ คนละสามสิบบาท แต่เราเดิน ไม่มีข้ออ้างใดๆเกิดจากการงกนั้นเอง นี้ทางเดินไปน้ำตกสบายๆ ตอนได้ยินเสียงน้ำตกนี้แทบวิ่งกันเลยผู้หญิงสองคนนั้น คือสิ่งที่สองคนนี้อยากเป็น 5555555555
เห้ยยยยยยยย ถึงล้าวววววววว !!!
เราปลดกระเป๋าฝากพี่ที่ร้านขายน้ำไว้ เพราะมันเหมือนจะเป็นภาระของเราต่อไปได้ เราจะดินขึ้นน้ำตกกันต่อ
ก่อนขึ้นชั้นสาม เจ้าหน้าที่ให้วางเงินมัดจำพวกขยะที่เราอาจน้ำขึ้นไปทิ้งข้างบนได้ คือถ้าเราเอากลับลงมาก็เอาตังคืน ชั้นนี้เราชอบนะ อกนางผีเสื้อ เหมือนนะ คนก็มีค่อนข้างเยอะทั้งคนในพื้นที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยทั้งต่างชาติ ระหว่างทางเดินก็มีคนที่ขึ้นไปแล้วสวนลงมา สภาพแต่ละคนคือไปลุยอะไรกันมา แค่สงสัย (ยังๆ ยังไม่รู้ชะตาตัวเองอีก) แท่นแด้ดดดดดดดดดดดดดดด ! 55555555555555555 ขำแรงมาก เหมือนฝนมันตกมาก่อนหน้านี้ทางเลยเป็นอย่างงี้อยู่หลายช่วงมากๆ เล่นสไลด์เดอร์กันสนุกเลยยยยยย แวะซักแตะแปป ตอนแรกก็ใส่รองเท้าอยู่หรอก หนักเข้าเพื่อนเลยเท้าเปล่าดีกว่า คนมีคู่เขาก็ดูรักกันดีค่ะ ภาพตัดไปที่เพื่อนรัก โหนต้นไม้เป็นชะนีเลยทีเดียว 5555555555555555555555 รองเท้าที่เราใส่มันช่วยได้มากงานนี้ 5555555 กราบขอบพระคุณรองเท้าของเมทที่รักมากๆเลยค่ะ ชีวิตก็มีขึ้นมีลงแบบนี้แหละเธอ เหมือนน้ำหนักไงมีจุดให้ชมวิวระหว่างทางเดิน วิวสวยมาค่ะ เป็นภูเขา ภูเขาและภูเขา
สูดหายใจแรงๆ เก็บเอาไว้ใช้ยื้อชีวิตตอนกลับมาเรียน ก่อนจะเดินไปต่อ
สภาพเพื่อนไม่ไหว เลยขอหยุดที่ชั้นห้า มองนาฬิกาบ่ายสองกว่าๆแล้ว เราขึ้นกันมาตอนเที่ยงๆเกือบบ่าย เลยตัดสินใจเล่นน้ำกันที่ชั้นนี้ไม่ได้ฮิปตงฮิปเตอร์ไรหรอก มันเผลอ 5555555
รูปบนนี้ธรรมดาๆสำหรับการไปเที่ยว ของจริงมันอยู่ตรงเน้
กรี้ดในใจลั่นป่า มองหน้าเพื่อนเหมือนรู้กัน แทบจะโทรไปบอกแม่ว่าเจอเนื้อคู่แล้ว 55555555555555555555คนอะไรจิตใจดี้ดี งานมโนก็มาเต็มค่ะ 5555555555
เราไม่ได้ลงไปเล่นน้ำเต็มตัวกันหรอกค่ะ เจอปลาพลวงตอดทีนี้ พ่นสัตว์ออกมาเต็มป่า เลยนั่งแช่ริมๆน้ำ
นั่งเล่นกันได้สักพักใหญ่เราเลยเดินลงมากันค่ะ
เจอรองเท้าถูกโยนทิ้งหลายคู่เลย ทำไมเขาถึงไม่เอาไปทิ้งที่ถังขยะดีๆ พอเสียก็แทบไม่เห็นค่าเลย ดราม่าทำไม -__-
เอาให้เข้ากับอารมณ์ของเพื่อนในวันนี้ค่ะ 55555555555
ตอนขากลับไปเอาเงินมัดจำเลยบอกพี่เจ้าหน้าที่ไปว่ามัดจำรองเท้าแตะด้วยก็น่าจะดีนะคะ
เดินกลับมาถึงชั้นแรกๆค่ะ เพิ่งเห็นปลา คือมันเยอะมากกกกกกกกกกกกก
ถึงแม้เราจะดูรักสัตว์กันแต่สิ่งนี้จะเป็นข้อยกเว้นของเราต่อจากนี้ไปค่ะ กลับลงมาจะสี่โมงแล้วเราเลยรีบเปลี่ยนชุดไปขึ้นรถกัน
ถึงที่รถสี่โมงกว่าพี่ที่รถบอกว่าออกสี่ครึ่งเอาของขึ้นไปจองแล้วลงมาเดินเล่นก่อนก็ได้ เราเลยลงมาถ่ายรูปกัน
แล้วเรากลัวหิวค่ะ เลยออกตามล่าหาของกิน จัดไปค่ะ จะเหลือหรอ ระหว่างทางขากลับ เรานั่งหลังคนชับเลย ชิดติดหน้าต่าง
ถึงในเมืองประมาณหกโมง ลงที่หน้าที่พักเลยเพราะรถวิ่งผ่านกลางเมือง เช่าจักรยานจากที่พักร้อยนึง ตอนแรกป้าก็บอกว่านั่งวินซิ คือเราจะไปสะพานแล้วจะกลับมาที่สถานีรถไฟ ไปตลาดข้างๆสถานี คนที่นี้เรียก เจเจ เปิดทุกวัน
เราปั่นผ่านสุสานเลยแวะไปดูกับถ่ายรูปกันก่อน เพราะกลัวมาขากลับมันจะมืดเกินไปบวกกับความวังเวงด้วยด้วยอะไรดลใจไม่รู้เลยอยากปั่นจักรยาน ตอนแรกเราปั่นให้นางซ้อน สักพักนางบอก ไม่มีที่ไว้ขาเกร็งขอปั่นดีกว่า
ปั่นจักรยานนี้ไม่หนักหนาเพราะอยู่ม.ก็ปั่นกันตลอด แต่มันรู้สึกหวิวเพราะทางท่มาสะพานนี้แหละ มันเย็นละไงร้านก็เริ่มปิดกันหมดแล้ว ทางก็ไปทางออกตัวเมือง ยิ่งปั่นไปยิ่งโล่งขึ้น 5555555555
ถึงล้าววววววววว คนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่เพราะมันหกโมงกว่าๆแล้ว มีเด็กมาร้องเพลง ปั่นจักรยานเล่นกัน ดูเป็นอะไรที่ลงตัวกันดี ชอบน้องคนนี้นะ เสียงดีด้วย ร้องเพลงรักเดียว ตอนขากลับว่าจะเอาเงินใส่กล่องแต่น้องกลับไปก่อนแล้ว นี้คือความโล่งที่สัมผัสได้ ฝนเหมือนจะตกเลย เราเลยปั่นกลับทางเดิมไปที่ตลาดข้างสถานีรถไฟกัน ต่อจากนี้เป็นการรีวิวอาหาร 5555555555555555
เราซื้อหมี่สีชมพูร้านนี้ไป ไม่รู้ป้าใส่น้ำตาให้เราเยอะไปรึเปล่า หวานอย่างกะเชื่อมเลย 555555
เพื่อนเราซื้อน้ำพริกกะปิปลาทู ก็ถือว่าโอเคอยู่มั้ง 15 บาท
สองร้านข้างล่าง เดินผ่านแต่ไม่ได้ซื้อ
น้ำมะพร้าวหวานดี เราอยากกินเลยจัดไปถุงนึงที่จริงมีมากกว่านี้ แต่มือถือของเยอะมาก เอาเป็นว่าซื้อกันเหมือนพรุ่งนี้จะไม่กินข้าวแล้ว 5555555555555
แวะเข้าไปสถานีรถไฟถามรอบ รอบแรก หกโมงเจ็ดนาที
จบวันแรกไป กินกันพุงกาง ดูพี่เหมที่รักแล้วล้มตัวลงนอน
จริงๆเหมือนฝนจะตกลงมาหลายรอบมากแต่ก็เหมือนจะเห็นใจกันเลยไม่ตกลงมาสักครั้งเลย
ของวันพรุ่งนี้เดี๋ยวไว้มาต่อ พรุ่งนี้มีสอบ U_U