เปราะภูขาวบาน ณ ลานหินปุ่ม : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า พิษณุโลก
หากพูดถึงเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สวยที่สุดของอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ เราเชื่อว่า เส้นทาง "ลานหินปุ่ม-ผาชูธง" จะต้องถูกเสนอชื่อเขาชิงมากที่สุดเช่นกัน ยิ่งเมื่อย่างเข้าช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนสิงหาคมยาวไปจนถึงปลายตุลาคม เป็นช่วงที่ผืนป่าได้รับความฉุ่มฉ่ำจากฝนจนเขียวชะอุ่มไปทั่วพื้นที่แบบนี้ด้วยแล้วละก็ เราแทบนึกไม่ออกเลยว่าจะมีที่ไหนเดินได้เพลิน และมีความหลากหลายได้เหมือนที่นี่
โดยมากแล้วเส้นทางศึกษาธรรมชาติของแต่ละอุทยานฯ ซึ่งชื่อก็บอกอยู่เเล้วเป็นเส้นทางที่มีธรรมชาติให้ศึกษา แต่สำหรับที่ ลานหินปุ่ม-ผาชูธง มีเรื่องให้เราได้ศึกษามากกว่านั้น รวมถึงเรื่องราวของประวัติศาสตร์แห่งยุทธภูมิ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งของลัทธิ และแนวคิดทางการเมืองด้วย ที่ระดับความสูง 1,262 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้สภาพภูมิอากาศของที่นี่เย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 18-25 องศาเซลเซียส โดยต่ำสุดอยู่ที่ 4 องศาเซลเซียส ดอกไม้นานาชนิด ๆ ชูช่อเบ่งบานตลอดทาง อย่าง ดอกตาเหินไหว, ดอกเปราะภูสีขาว, ดอกลิ้นมังกร รวมถึง บีโกเนีย ที่ขึ้นอยู่ระหว่างทางเดิน นอกจากนี้เรายังจะได้ตื่นเต้นกับความแปลกตาของลานหินปุ่ม ลานหินแตก, ซันแครก และ ธรรมชาติแปลกตาอีกมากมายบนผาสูงท่ามกลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้
นักท่องเที่ยวอาจยังสงสัยว่าจริง ๆ แล้ว อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดใดกันแน่ ระหว่าง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ หรือ เลย ซึ่งอันที่จริงพื้นที่ของอุทยานฯ ได้คาบเกี่ยวทั้ง 3 จังหวัด แต่เส้นทางที่นิยมใช้กันมักจะเป็นทางหลวงหมายเลข 12 สายพิษณุโลก-หล่มสักเสียมากกว่า เส้นทางศึกษาธรรมชาติลานหินปุ่ม-ผาชูธง อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 3 กิโลเมตร (รวมยะทางไปกลับก็ประมาณ 6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 2-3 ชั่วโมง) ไฮไลท์ของเส้นทางคือ ลานหินปุ่ม บริเวณริมหน้าผาที่มีลักษณะเป็นลานหินตะปุ่มตะป่ำผุดขึ้นใกล้ ๆ กันทั่วบริเวณ คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินทางเคมีและฟิสิกส์ ประกอบกับการกัดเซาะของกระแสลม และน้ำฝน ถัดจากลานหินปุ่มไปอีกไม่ไกลประมาณ 500 เมตร ก็จะมีอีกหนึ่งไฮท์ของเส้นทางอย่าง ผาชูธง สถานที่ที่พรรคคอมมิวนิสต์ในอดีตใช้ในการชูธงฆ้อนเคียวผืนสีแดงยามที่รบชนะฝ่ายรัฐบาล เป็นเหมือนการประกาศให้ผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันมีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้น บริเวณนี้เป็นหน้าผาสูง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบแบบ 360 องศาแต่การขึ้นไปบริเวณผาชูธงนี้ควรใช้ความระมัดระวังด้วย เนื่องจากเป็นพื้นที่บนหน้าผาสูง และมีบริเวณให้ยืนค่อนข้างจำกัด จุดต่อมาเป็นลานกว้างที่มีร่องรายทางประวัติศาสตร์ของการต่อสู้จารึกไว้ให้เราได้เห็น เช่น รอยหลุมระเบิดและรอยกระสุนปืน ที่เกิดขึ้นในช่วงกวาดล้างคอมมิวนิสต์ รวมถึงป้อมปืนต่อสู้อากาศยานที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางลาน ซึ่งที่บริเวณนี้นอกจากจะมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์การเมืองที่สำคัญแล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือ ซันแครก ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง ซึ่งเกิดการจากการบีบอัด และยกตัวของผิวโลก สันนิษฐานว่าพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน และเมื่อเวลาผ่านไป ทั้งแสงแดด สายลม น้ำฝน รวมถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงระหว่างกลางวัน และกลางคืน จึงทำให้หินบริเวณนี้เกิดรอยแตกเป็นชั้น ๆ บ้างก็ว่าคล้ายเกล็ดปลาบ้าง เกล็ดพยานาคบ้าง ตามแต่การจินตนาการของแต่ละคน