เร็วๆ นี้เพื่อนสาวก๋ากั่นพาไปบุกรังโจรแห่งใหม่ใจกลางทองหล่อมาค่ะ
ตื่นเต้นมากๆ !!!
^_______^
เพราะเราได้เข้าไปอยู่ในใต้ท้องเรือโจรสลัด ที่เป็นเหมือนคลังเสบียง ซึ่งอัดแน่นไปด้วยของอร่อยมากกว่า 100 เมนู
แต่ละเมนูอลังการ ผ่านการปรุงแต่งมาเป็นใส่ใจทุกขั้นตอน แม้แต่เมนูธรรมดาๆ ที่เราคุ้นเคยยังเพิ่มความแปลกใหม่ จัดว่าเป็นประสบการณ์ลิ้นที่ก่อให้เกิดความบันเทิงได้อย่างไม่สิ้นสุดค่ะ
ลองดูกันที่เมนูแรก “Batter-Fried Fresh Water Shrimp" [260 บาท]
แรกเห็นมันคือ “กุ้งฝอยทอดเป็นแพ” ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่เมนูนี้จัดว่าเป็นเมนูเด่นที่ใครมาแล้วเป็นต้องสั่ง เพราะทีเด็ดอยู่ที่ผงปาปริก้าปรุงรสที่โรยมาบนกุ้ง และน้ำจิ้ม Red Wine Vinegar ซึ่งทำให้กุ้งฝอยทอดจานนี้พิเศษขึ้นกว่าเดิม ยิ่งเคี้ยวยิ่งอร่อยเบรกแตก แถมถ้าได้เครื่องดื่มเย็นๆ ซักแก้วนะ รับรองว่าค่ำคืนนี้เลิกไม่ได้ง่ายๆ แน่นอน
อีกเมนูเรียกน้ำย่อยที่อยากแนะนำคือ “Sizzling Prawns Gambas” [420 บาท]
กุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่ ปรุงทั้งเปลือกให้ได้รสกุ้งเต็มคำ หอมกลิ่นเครื่องเทศนานาชนิด ตามด้วยรสเผ็ดจากพริกแห้งและปาปริก้า เข้ากับขนมปังอบกรอบได้ดีอย่าบอกใครเลยค่ะ
--------------------------------------- ^____^ -----------------------------------------
พักเบรกรออาหารจานหลักกันซักแป๊บค่ะ
ระหว่างนี้เราไปทำความรู้จักรังโจร (สลัด) กันซักหน่อยดีกว่า [หิวจนลืมแนะนำร้านไปเลย :P]
เรือโจรสลัดลำนี้ มีชื่อว่า “Pirate Arena” ค่ะ เป็น Entertainment Community ขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยสีสัน ความสนุกสนาน ที่เอาใจหนุ่มสาวชาวเมืองได้ทุกรูปแบบ
บริเวณชั้นล่างในส่วนของท้องเรือที่เพื่อนสาวพาเรามาแฮงค์เอ้าท์ในครั้งนี้ เรียกว่า “Pirate Saloon” ค่ะ เป็นเบียร์และวิสกี้บาร์ในบรรยากาศแบบโอเพ่นแอร์ เริ่มต้นความสนุกกันได้ตั้งแต่ช่วงเย็นย่ำ เริ่มจากชิลกันก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่มจังหวะให้สนุกสนานมากขึ้นกับ DJ และวงดนตรีแถวหน้าที่สลับสับเปลี่ยนกันมาสร้างความบันเทิงทุกวัน
ที่ท้องเรือโจรแห่งนี้ ยังจัดว่าเป็นคลังแสงของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คัดสรรมาอย่างดีจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งเบียร์สดนานาชาติ ไวน์รสดี และวิสกี้ชั้นเลิศรับดับ World Class ที่รับรองว่าคุณต้องตกใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าสมบัติล้ำค่าที่เก็บอยู่ในตู้ทองคำนั้น
มีวิสกี้มูลค่า หลักล้าน อยู่ด้วย !!!!!
กลับมาที่เครื่องดื่มแบบที่เราสามารถจิบได้อย่างสบายใจกันดีกว่าค่ะ (ยังไม่กล้าลองของแพง)
ทางร้านแนะนำเครื่องดื่มที่น่าสนใจมาให้ 2 ตัวค่ะ
“Burning Salt” และ “Enchanting Melody” เป็น Cocktail สีหวานเหมาะกับสาวสวยแบบเรา อิอิ
เห็นสีหวานแบบนี้ แต่รสชาติมีเอกลักษณ์ไม่ธรรมดาเลยจ้าาาาาาา
“Burning Salt” มีส่วนผสมของน้ำผลไม้อย่างน้ำสับปะรด ร้อนแรงด้วย Tequila Gold และเด่นด้วยรส “พริก Mexican” ซึ่งเป็น After Taste ที่น่าสนใจมากๆ .......... เหมือนสาวหวานๆ แต่แอบเผ็ช
ส่วน “Enchanting Melody” เป็น Cocktail ที่ชวนให้หลง เพราะหวานอมเปรี้ยวนิดๆ เพราะมีน้ำมะม่วง และเสาวรสเป็นส่วนผสม แต่กลับได้กลิ่น Pop Corn หอมเตะจมูกมาเลยค่ะ
ถ้าใครยังรู้สึกไม่หนำใจกับ Cocktail ลองเรียกหา Wine List และวิสกี้อีกนับร้อยชนิดจากทางร้านดูก็ได้ค่ะ หรือถ้าเป็นคอเบียร์ก็น่าจะถูกใจกับ เคาน์เตอร์บาร์ที่ยาวที่สุดในประเทศ ซึ่งอัดแน่นไปด้วยก๊อกเบียร์สดหลากยี่ห้อ บวกกับเบียร์คราฟจากทั่วทุกมุมโลก ที่บาร์นี้มี Bartender ฝีมือดีที่จะมาช่วยค้นหาเครื่องดื่มแก้วโปรดให้คุณ
มาถึงอาหารจานหลักที่เราเลือกไว้กันแล้วค่ะ เป็นเมนูที่ Chef Recommend จากรายการอาหารนับร้อยที่เลือกจนตาลายก็ยังตัดสินใจไม่ได้ซักที
รีเฟรชลิ้นกันซักหน่อยกับ “Prawn and Avocado Salad” [260 บาท] สลัดผักสีสวยที่เสิร์ฟมาพร้อมอโวคาโด และกุ้งย่างตัวโตที่ด้านบน ดูเผินๆ อาจจะเหมือนสลัดทั่วไป แต่ได้ชื่อว่าเป็นร้านอาหารในตระกูล Pirate แล้วต้องไม่ธรรมดา เพราะก่อนรับประทานต้องคลุก “Lemon Sorbet” ให้ทั่วซะก่อน!!!
รสชาติที่ได้มีความหลากหลายแต่กลมกล่อม และยังสร้างความสนุกสนานในทุกสัมผัส Sorbet เพิ่มความหวานอมเปรี้ยวให้กับสลัดจานนี้น่าสนใจ ผักสลัดกรอบมากขึ้นด้วยความเย็นจาก Sorbet Pine Nut ช่วยเพิ่มรสสัมผัสกรุบๆ ไม่น่าเชื่อว่าสลัดจานนี้หมดเกลี้บงในพริบตา อร่อยจนหยุดไม่อยู่จริงๆ
“Tex-Mex Hotdog” [160 บาท] เป็นเมนูง่ายๆ แต่อัดแน่นไปด้วยรสชาติ Chef ตั้งใจให้ Hotdog ชิ้นนี้ผสานความร้อนแรงแบบ Mexican และ Texas ไว้ด้วยกัน ทั้ง Chili Sausage, Guacamole, Tomato Salsa ตบท้ายด้วย Pickled Jalapeno เข้าไปอีกนิด เผ็ดร้อน จัดจ้าน....แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครจริงๆ ค่ะ
“Fallabella Rastira” [390 บาท] เมนูสุดท้ายนี้อยากบอกว่าต้องสั่งค่ะ
เพราะเราแอบติดใจมาตั้งแต่ที่ Pirate Chambre แล้วล่ะ
พิซซ่าพัฟตัวนี้มี Parma Ham และชีสมากถึง 4 ชนิดเป็นส่วนประกอบหลัก เรียกว่าเอาใจคนรักชีสไปเลยจ้า นอกจากความนัวของชีสนานาชนิดแล้ว Chef ยังเพิ่มความหอมเย้ายวนด้วย Truffel Oil ซึ่งเข้ากั๊นเข้ากันกับ Rocket ที่เสิร์ฟเคียงกันมา
-------------------------------------------------------------------------
พอเวลาเริ่มล่วงเลย บรรยากาศในร้านก็เริ่มคึกคักขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ เสียงดนตรีก็เพิ่มจังหวะให้โยกตามได้ เพลินกันเลยทีเดียว
นอกจาก “Pirate Saloon” บริเวณชั้น 1 ที่เราพามา Hangout ในครั้งนี้แล้ว พื้นที่ของ “Pirate Arena” ยังมีความสนุกสนานซ่อนอยู่อีกเพียบ
ถ้าขึ้นไปบนชั้น 2 จะพบกับ Wine Ministry สุดหรู ในชื่อ “Pirate Bazaar” ที่จับเอา Street Food จากย่านดังมาเสิร์ฟพร้อมไวน์รสเลิศ ท่ามกลางเสียงร้องจากดีว่าสาวทรงพลัง ที่จะมาขับกล่อมกันให้เพลิดเพลิน
ส่วนใครที่เคยเป็นแฟนตัวยงของ Fallabella ให้ตรงมาที่ชั้น 3 เลยค่ะ
การกลับมาอีกครั้งของ Fallabella มาในโฉมใหม่ภายใต้ชื่อ “Fallabella Luxe” ที่เค้าว่าเป็นการยกระดับความสนุกให้มากขึ้น และรับประกันความมันส์จนไม่อยากพลาดไฮไลต์สำคัญบนเวทีไปแม้เสี้ยวนาที
------------------------------------------------------------------------------------
เรือโจรสลัด กลางทองหล่อลำนี้ อัดแน่นไปด้วยความสนุกสนาน ความบันเทิง ทั้งรสชาติและเสียงเพลง
ทำงานหนักแล้ว ก็ต้องหาเวลา Hangout กันบ้างค่ะ ตามคติประจำใจ ‘Work Hard, Play Harder’
ที่ Pirate Saloon เค้ามีโปรโมชั่นเพียบ ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม จับคู่แนะนำกันมาเพื่อความจุใจ
แนะนำว่าให้ชวน The Gang ยกพวกมาบุกเรือโจรสลัดกันดู รับรองว่าต้องมีคนติดลม ติดใจ จนไม่ยอมกลับง่ายๆ แน่นอน
