ครั้งนี้เราเลือกเดินทางมุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออก พร้อมกับกล้อง Olympus OMD EM10 MARK II ตัวใหม่ ที่ทาง Olympus Thailand ส่งมาให้ลองใช้ โดยเราเลือกปักหมุดจุดหมายอยู่ที่อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อไปเที่ยวชม “มินิมูร่าห์ฟาร์ม” (Mini Murra Farm) ฟาร์มควายนมแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะภายในฟาร์มมีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลายเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ไหนๆ ก็ได้มาเที่ยวแล้ว เดี๋ยวจะขอลองฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องตัวนี้ด้วยซักหน่อยครับ
 

ก่อนอื่นเลยเราขอพูดถึงมินิมูร่าห์ฟาร์มแห่งนี้ก่อน หลายคนอาจจะเคยแวะเวียนไปเที่ยวกันมาบ้าง และเริ่มรู้จักกับเจ้าควายนมสายพันธุ์มูร่าห์กันบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งควายสายพันธุ์นี้ไม่เหมือนกับควายสายพันธุ์พื้นบ้านของไทยเพราะเค้าเป็นควายนม น้ำนมที่ได้ก็มีคุณภาพสูงกว่านมวัว ทั้งโปรตีนแคลเซียมและคุณค่าทางสารอาหาร อื่นๆ ในขณะที่มีคอเลสเตอรอลต่ำกว่า แถมน้ำนมควายของมินิมูร่าห์ฟาร์มยังเป็นนมออร์แกนิคอีกด้วย เพราะทุกขั้นตอนการเลี้ยงเจ้าของฟาร์มใส่ใจดูแลด้วยตัวเอง จนทำให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ผ่านมาตรฐานคุณสมบัตินมอินทรีย์สากลเลยทีเดียว...ว่าแล้วก็อยากลองไปชิมนมควายแล้วล่ะ

เดินทางแค่แป๊บเดียว เราก็มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ในบรรยากาศแบบฟาร์มชนบทในอิตาลียังไงยังงั้นเลย ด่านแรกของมินิมูร่าห์ฟาร์มเราจะถูกต้อนรับด้วยสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเต็มไปหมด เหมือนสวนสัตว์ขนาดย่อมๆ เลยทีเดียว ยิ่งได้เห็นเด็กๆ สนุกสนานกับการป้อนอาหารสัตว์ทั้ง หมู เป็ด แพะ กระต่าย ปลาคาร์ฟ รวมถึงการป้อนนม ป้อนหญ้าให้ควายมูร่าห์ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของฟาร์มแล้ว ก็เชื่อว่าเด็กร้อยทั้งร้อยต้องชื่นชอบจนแทบไม่อยากกลับบ้านแน่ๆ 

ระหว่างนี้เราก็ขอหยิบกล้องมาเก็บภาพไปเรื่อยๆ สำหรับการท่องเที่ยวในวันสบายๆ แบบนี้ กล้อง Olympus OMD EM10 MARK II ตัวนี้ถือว่าเหมาะมือมากๆ เพราะตัวกล้องดีไซน์กระทัดรัด ง่ายต่อการใช้งาน ตำแหน่งปุ่มปรับ F-Stop และ Speed Shutter ก็พอดีกับนิ้ว เวลาจะปรับอะไรก็ง่าย  ที่สำคัญตัวกล้องถูกออกแบบมาให้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว หยิบขึ้นมาปุ๊ป พร้อมเก็บภาพความประทับใจสวยๆ ได้ทันที ด้วยระบบ iAUTO ทำให้การถ่ายภาพที่มีคุณภาพสูงทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เรากดปุ่มชัตเตอร์ เหมาะมากๆ โดยเฉพาะทริปที่เราต้องมาเจอกับสัตว์ตัวเล็กๆ วิ่งไปวิ่งมาไม่หยุดแบบนี้ กดชัตเตอร์ปุ๊ป ก็เก็บภาพได้เลย แถมหน้าจอ LCD หลังกล้องตัวนี้ก็สามารถพลิกขึ้นลงได้ ช่วยให้เราถ่ายภาพสัตว์ตัวน้อยในมุมต่ำได้ง่ายขึ้นไปอีก คราวนี้เราเลยได้รูปสวยๆ มาอีกเพียบ   

หลังจากเดินเล่นถ่ายภาพ Landscape ภาพสัตว์ และภาพคน พร้อมกับทดลองปรับฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องไปได้ซักพักแล้ว เราแอบแว๊บมานั่งพักหลบแดดในโซนร้านอาหารของฟาร์มกันก่อน ซึ่งเราอยากกระซิบว่า เมนูอาหารสุดอร่อยจากผลิตภัณฑ์นมควายในฟาร์มก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะพิซซ่าร้อนๆ ที่อบด้วยถ่านไม้หอมกรุ่น ทำให้ได้พิซซ่าแป้งกรอบมีชีสเยิ้มๆ อยู่บนหน้า รับรองว่าเป็นใครก็อยากจะขอเบิ้ลอีกหลายถาด ส่วนเมนูไฮไลต์อื่นๆ ที่มีชีสนมควายสดๆ เป็นส่วนประกอบหลัก และแต่ละเมนูก็กระหน่ำชีสใส่กันมาหนักมือ สมกับที่เป็นคนผลิตชีสจริงๆ เมนูเด่นที่ได้รับความนิยมเราก็เลือกสั่งมาลองชิมทุกเมนู เช่น ผักโขมอบชีส ชีสมอสซาเรลล่าทอด และมูร่าห์ฟาร์มสลัดชีส ซึ่งแต่ละจานก็กระหน่ำมาด้วยชีสแบบไม่ยั้ง เสิร์ฟร้อนๆ ให้ได้ลิ้มรสชาติชีสสดยืดๆ เต็มปากเต็มคำ คนรักชีสไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง อีกเมนูที่เลือกมาแนะนำกันก็เป็นจานฟิวชั่นลูกครึ่งไทย-อิตาเลี่ยน นั่นคือ สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล ที่ทางฟาร์มบอกว่าลูกค้านิยมสั่งกันเยอะมาก เพราะรสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทยเป็นที่สุด แล้วพออาหารที่สั่งมาเสิร์ฟ งานถ่ายภาพก่อนกินก็ต้องมา เราไม่ลืมหยิบกล้อง Olympus OMD EM 10 MARK II ตัวเดิมมาถ่ายภาพอาหารที่สุดแสนน่ากินให้ครบทุกจาน ตอนนี้เราเห็นว่าฟังก์ชั่นที่ออกแบบมาให้เราสามารถเลือกแตะหน้าจอ LCD หลังกล้องเพื่อเลือกจุดโฟกัสที่ต้องการ ช่วยให้เราถ่ายภาพได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นมากๆ แตะเลือกตำแหน่งโฟกัสได้แล้วก็กดชัตเตอร์ได้เลยทันที ยิ่งถ้าใครเคยชินกับการแตะจุดโฟกัสบนมือถืออยู่แล้วนี่ใช่เลย จุดโฟกัสเลยได้ตรงใจเป๊ะ ซึ่งตอนถ่ายรูปอาหารเราควรจะต้องอาศัยความรวดเร็วในการเก็บภาพพอสมควร เพราะถ้าขืนชักช้าเพื่อนร่วมโต๊ะของเราคงส่งสายตาพิฆาตมาหาด้วยความอยากกินเต็มที่ เผลอๆ จะโมโหหิวใส่เราซะอีกนะครับ

เรื่องผลิตภัณฑ์จากนมควายของมินิมูร่าห์ฟาร์มยังมีให้เลือกอีกมากมาย ใครที่ยังไม่เคยดื่มนมควาย เราแนะนำให้ลองสั่งมาดื่มกันก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วรสชาติของนมควายก็ไม่ได้ต่างจากนมวัวที่เราคุ้นเคยเลย แถมยังได้โปรตีน และแคลเซียมสูงกว่าด้วย แต่ถ้าอากาศร้อนแล้วอยากได้อะไรเย็นๆ ทางฟาร์มก็มีไอติมนมควายให้เลือกชิมกันด้วย ถ้าติดใจอยากซื้อกลับไปกินต่อที่บ้านทางฟาร์มก็มีนมควายมูร่าห์ รวมถึงชีสสด และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีส่วนผสมของนมควายหลากหลายชนิดให้เลือกกันได้เต็มที่ ซึ่งผลิตภัณฑ์แต่ละตัวก็น่าสนใจ มีแพ็คเกจน่ารักน่าใช้มากๆ จนเราอดใจไม่ไหวต้องหยิบกล้องมาเก็บภาพอีกแล้ว ถึงแม้สภาพแสงภายในร้านจะน้อยไปหน่อย แต่เราก็ไม่หวั่น เจ้ากล้องตัวเก่งของเรามีระบบป้องกันภาพสั่นไหว 5 แกน (5-axis IS) ที่ถือเป็นไม้เด็ดหนึ่งเดียวในบรรดากล้องแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ในระดับเริ่มต้น แสงน้อยแบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าภาพจะเบลอกันเลย หรือถ้าอยากจะเพิ่มความมั่นใจด้วยแสงแฟลช เจ้า Olympus OMD EM10 MARK II ก็ Built-in แฟลชพร้อมมาในตัวเลยครับ

เราใช้เวลาในฟาร์มกันไปพอสมควร เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านไปตั้งหลายชั่วโมงแล้ว ทั้งๆ ที่ยังทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ครบดี แต่ถ้าครอบครัวไหนมีเวลามากหน่อย หรือเตรียมตัวมาดี ออกเดินทางกันเช้าซักนิด เราแนะนำว่าเมื่อมาถึงมินิมูร่าห์ฟาร์มแล้วให้ซื้อแพคเกจกิจกรรมในฟาร์มไปเลยครับ จะได้สนุกกันเพลินๆ ทั้งครอบครัว เพราะเราจะได้ลงมือปั้นแป้งทำพิซซ่าด้วยตัวเอง แล้วก็ไปต่อด้วยเวิร์คช็อปทำไอติมนมควายในสไตล์ DIY แถมด้วยคูปองป้อนอาหารสัตว์ก็รวมอยู่ในแพคเกจเรียบร้อยแล้ว เรียกว่าซื้อแพคเกจเดียว ได้เที่ยว ได้ทำกิจกรรมครบทั้งฟาร์มกันไปเลย

วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ถ้ายังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวไหนดี แนะนำให้คว้ากล้องคู่ใจ แล้วมาเที่ยวที่มินิมูร่าห์ฟาร์มกันครับ รับรองว่าจะเป็นอีกทริปที่สนุกสนานของทุกคนในครอบครัว