สำหรับใครหลายๆ คนที่คุ้นเคยกับโรงแรมในเครือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนลอยู่แล้ว ก็คงจะนึกภาพความสะดวกสบายที่จะได้รับจากการเข้าพักตามโรงแรมในเครือต่างๆ ได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่สำหรับคราวนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับอีกโรงแรมในเครือดุสิต ซึ่งอยู่ภายใต้แบรนด์สีส้มสดใส ที่เห็นทีไรเป็นต้องรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันทีอย่าง “ดุสิตดีทู เชียงใหม่” โรงแรมหรูสุดทันสมัยใจกลางไนท์บาร์ซา ส่วนจะถูกใจคนรุ่นใหม่อย่างเราๆ มากน้อยแค่ไหนนั้น ลองตามเราไปดูส่วนต่างๆ ในโรงแรมกันเลยดีกว่า

เมื่อพูดถึงโรงแรม สิ่งแรกที่จะต้องพูดถึงก็คงจะเป็นห้องพักนั่นเอง ซึ่งห้องพักของดุสิตดีทู เชียงใหม่แห่งนี้ก็มีให้เลือกมากถึง 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ห้อง Deluxe, Club Deluxe, Studio Suite และ D’suite และห้องพักทุกห้องของที่นี่บอกได้คำเดียวว่าสะดวกสบายมากๆ ที่สำคัญยังมีข้าวของเครื่องใช้และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน เรื่องของดีไซน์การตกแต่งนั้น เป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่ก็แฝงไว้ด้วยลูกเล่นน่ารักๆ รวมถึงโทนสีแบบเอิร์ธโทนที่แทรกด้วยสีสันอันสดใสของสีส้มที่เป็นสีหลักของ โรงแรม ส่วนเรื่องของการจัดวางเลย์เอาท์ภายในห้องพักนั้นก็เป็นไปอย่างลงตัว เพื่อที่จะตอบสนองการพักผ่อนที่สะดวกสบาย รวมถึงเตียงนอนและหมอนขนนกที่นุ่มสบายจนเราแทบไม่อยากลุกออกจากเตียงกันเลย ทีเดียว

ถัดจากห้องพักที่แสนสบายแล้ว เรื่องอาหารการกินก็สำคัญไม่แพ้กัน อย่างที่ห้องอาหาร "Moxie" ที่ เปิดให้บริการกันตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าไปจนค่ำ และแน่นอนว่าแขกที่มาเข้าพักทุกคนจะได้กินอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์กันอย่างเต็ม อิ่มที่ห้องอาหารแห่งนี้ด้วย ส่วนใครที่อยากจะฝากท้องไว้ที่ห้องอาหาร Moxie บ้าง เราก็มีเมนูตัวอย่างมาแนะนำกันด้วย เริ่มต้นกันที่ “D2 Appitize” ที่เสิร์ฟมาเป็นชุดเรียกน้ำย่อยแบบพอดีๆ คำ และในชุดก็ประกอบไปด้วย ส้มตำกุ้ง ทูน่าห่อสาหร่าย กระทงทอง ยำเนื้อย่าง และกุ้งเปรูสุดอร่อย หลังจากที่น้ำย่อยเริ่มทำงานกันแล้ว ก็ต่อกันด้วย “ข้าวซอยไก่ ดีทู” ที่ต้องบอกว่าเป็นสูตรเด็ดเฉพาะของทางโรงแรม ซึ่งรับรองว่ารสชาติความอร่อยและความหอมเข้มข้นของน้ำแกงข้าวซอยไม่เหมือน ที่ไหนแน่นอน และจานสุดท้ายที่เรานำมาแนะนำกันนั่นก็คือ “สปาเก็ตตี้ไส้อั่ว” ที่เป็นการจับเอาอาหารเส้นแบบอิตาเลี่ยนมาเข้าคู่กับไส้อั่วของไทยได้อย่างลงตัว

เมื่ออิ่มท้องกันดีแล้วเราก็จะขอพาไปดูส่วนต่างๆ ของโรงแรมกันต่อ ซึ่งภายในโรงแรมดุสิตดีทูแห่งนี้ก็มีบริการต่างๆ อยู่ภายในอย่างครบครัน ทั้ง “เทวารัญย์สปา” ซึ่งตกแต่งในรูปแบบศิลปะไทยร่วมสมัย โดยได้แนวคิดมาจากอุทยานสวนสวรรค์ในวรรณคดีเรื่อง "ไตรภูมิพระร่วง" แต่ ละห้องนวดที่ให้บริการจะมีชื่อเรียกซึ่งอ้างอิงมาจากวรรณคดีเรื่องดังกล่าว ด้วย ส่วนคนที่รักการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ ก็ต้องไปกันที่ชั้น 10 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “DFiT” ห้องฟิตเนสที่เราสามารถมองเห็นวิวตัวเมืองเชียงใหม่ในขณะที่ออกกำลังกายไป ด้วย หรือถ้าอยากจะว่ายน้ำทางโรงแรมก็มีสระว่ายน้ำไว้บริการด้วยเช่นกัน และอีกหนึ่งไฮไลท์ประจำโรงแรมที่ไม่ว่าใครที่มาพักที่นี่ก็ไม่อยากให้พลาดชม นั่นก็คือ “การเต้นเปลี่ยนกะ” ของพนักงาน ซึ่งจะมีขึ้นในเวลาบ่ายสองโมงของทุกวัน เพียงแค่เรามารอที่บริเวณล็อบบี้ในช่วงเวลาดังกล่าว เราก็จะได้ชมโชว์เล็กๆ น่ารักๆ ชุดนี้แล้ว

หลังจากเที่ยวชมไปจนรอบบริเวณของโรงแรมแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลารวมตัวออกไปตะลอนทัวร์ในตัวเมืองดูซักตั้ง เพราะความได้เปรียบของเรื่องทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ในย่านเดียวไนท์บาร์ซา จึงทำให้เราสามารถเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่ได้อย่าง สะดวกสบาย ถึงแม้ว่าบางคนจะไม่ได้นำรถส่วนตัวมาก็ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะสามารถโบกรถสี่ล้อแดงที่เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของที่นี่จากหน้าโรงแรม หรือจะใช้บริการ รถตู้รับ-ส่ง ของทางโรงแรมก็สะดวกอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

และเมื่อใดก็ตาม ถ้าคุณมีโอกาสมาเยือนเมืองเชียงใหม่แล้วยังตัดสินใจไม่ได้กับตัวเลือกของที่ พักย่านกลางใจเมือง บางทีการตัดสินใจเลือกโรงแรมในเครือใหญ่ของโรงแรมดุสิต อย่างดุสิต ดีทูดูซักครั้ง ก็คงจะเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว เชื่อเราสิว่า การมาพักผ่อนภายใต้แบรนด์สีส้มของโรงแรมแห่งนี้จะทำให้คุณคืนความสดชื่นมี ชีวิตชีวากลับมาอีกครั้งได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะพนักงานทุกคนทั้งน่ารัก และยินดีให้บริการที่คุณอาจติดใจจนต้องกลับมาอีกครั้งในวันหยุดคราวหน้า

- ที่ดุสิตดีทู เชียงใหม่ จัดเป็นโรงแรมแรกในเมืองไทยที่มีการเต้นเปลี่ยนกะของพนักงาน ซึ่งการเต้นนี้จะมีขึ้นทุกวันเวลาบ่าย 2 โมง ลูกค้าทุกคนสามารถมานั่งชมได้ที่บริเวณล็อบบี้

- ส่วนที่ติดกันกับล็อบบี้ของโรงแรมจะเป็น mix bar บาร์เครื่องดื่มที่มีบริการทั้งอาหารว่างและเครื่องดื่มตลอดวัน ที่สำคัญบาร์เทนเดอร์ที่นี่ยังมีรางวัลระดับโลกเป็นเครื่องการันตีอีกด้วย

- สำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิก Club Benefit ของโรงแรมจะมี Happy Hour ในช่วง 17.00-19.00 น. ซึ่งเปิดให้บริการที่บริเวณชั้น 7 ของโรงแรม