วันหยุดนี้ไปพักผ่อนชิลล์ๆ หากิจกรรมสนุกๆ หลีกหนีความเร่งรีบในเมือง มาเดินช้าๆ สัมผัสธรรมชาติ พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆทำกันดีกว่าค่ะ โดยการไปเที่ยวชิมเมล่อนหวานๆ และค้นหาแรงบันดาลใจผ่านกิจกรรมสนุกๆ ที่ Coro Field ที่เที่ยวรูปแบบใหม่ Lifestyle Farming
-
ononeknows • มีนาคม 14 , 2559
-
ononeknows • มีนาคม 14 , 2559
Coro ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “เวลา” Field หมายถึง “สนามกว้างๆ”
Coro Field จึงมีความหมายว่า สนามสีเขียวที่จะทำให้เวลาของคุณเดินช้าลง
-
ononeknows • มีนาคม 14 , 2559
โคโรฟิล์ด เปิดทำการ จ-พฤ: 9.00 - 18.00น. และ ศ-อา: 8.30 - 21.00น.
สามารถเข้าชมฟรี มีค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนของกิจกรรมเท่านั้นค่ะโดยกิจกรรมของ Coro Field จะแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่
1.Coro Garden
2.Coro Me
3.Coro House
4.Coro Cafe and Marketสามารถดูแผนที่กิจกรรมได้ตามรูปด้านล่างนี้เลยค่ะ
-
ononeknows • มีนาคม 14 , 2559
Coro Garden
โซนนี้จะแบ่งออกมาเป็น 2 โซนย่อย มีค่ากิจกรรมอยู่ที่ 180 บาท/คน
ที่จะทำให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
ใครที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปลูกผักปลูกต้นไม้มาก่อนก็ไม่ต้องเกร็งนะคะ
เพราะที่นี่เป็นพื้นที่ที่ให้นักท่องเที่ยวได้มาลงมือปลูกผักด้วยตัวคุณเอง
โดยมีเจ้าหน้าที่เตรียมอุปกรณ์และค่อยสอนวิธีการปลูกผักและวิธีเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ถูกต้องค่ะอันดับแรกเราต้องไปแปลงร่างเป็นชาวสวนกันก่อน
อุปกรณ์ที่เจ้าหน้าที่เตรียมให้จะอยู่ในตะกล้าสาน + ผ้าคลุมกันเปื้อนเก๋ๆค่ะ
พร้อมกันหรือยังพร้อมแล้วไปลุยกันเลย !! -
ononeknows • มีนาคม 14 , 2559
เรามาเริ่มกันที่โซนเพาะปลูก (Grow Zone)
ผักที่เราปลูกเอง เขาจะให้ไม้เรามาเขียนตั้งชื่อให้กับต้นไม้ที่เราปลูกด้วยค่ะ น่ารักดีใช่มั้ยล่ะ เมื่อผักเติบโตขึ้นจนเก็บเกี่ยวได้ ทาง Coro Field จะนำไปแบ่งปันให้กับ วัด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือคนยากไร้ เป็นการทำประโยชน์คืนให้กับสังคมด้วยค่ะ นอกจากจะได้ทำกิจกรรมสนุกๆแล้ว แถมยังได้บุญอีกต่างหาก
กิจกรรมต่อไป คือ โซนเก็บเกี่ยว (Harvest Zone)
โซนนี้จะมีเจ้าหน้าที่สอนเราเก็บมะเขือเทศที่ถูกวิธีค่ะ
โดยเขาจะให้ชะลอมสานใบเล็กๆ ขนาดกำลังน่ารักเรามาหนึ่งใบ
เราสามารถเก็บมะเขือเทศใส่ชะลอมและนำกลับบ้านเป็นของฝากได้ด้วยค่ะ
สีแดงสด และสีเหลือง มีรสชาติที่หวาน กรอบ อร่อย ที่ซู๊ดดดดด
ปลูกจากน้ำแร่ธรรมชาติด้วยนะ แถมปลอดจากสารเคมีด้วยจ้า -
ononeknows • มีนาคม 14 , 2559
Coro Me
ที่ Coro Me มีต้นไม้ให้เลือกหลากหลายพันธุ์
โซนกิจกรรมที่เราสามารถปลดปล่อยความเป็นตัวเองลงไปบนกระถางต้นไม้!
ทั้งสนุกกับการตกแต่งต้นไม้ และจับจ่ายของฝาก ของที่ระลึก
เช่น ต้นกระบองเพชร ต้นเฟิร์น ต้นบอนไซ และอื่นๆ
เราสามารถตกแต่งกระถางต้นไม้ด้วยตุ๊กตาเซรามิค หินกรวด และทรายสีตามจินตนาการของตัวเองได้เลยค่ะ
ราคาก็จะขึ้นอยู่กับสายพันธู์ของต้นไม้ที่เราเลือกค่ะ
เชื่อว่าโซนนี้ต้องถูกใจเหล่าสาวๆที่ชอบทำ DIY กันแน่ๆเลยเราสามารถเดินขึ้นไปชมวิวชั้นบนของโซน Coro Me จะเป็นดาดฟ้าเปิดโล่งเห็นวิว 360 องศาเลยค่ะ
ซึ่งวิวด้านหลังจะเป็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาที่ทอดยาวสุดสายตา สวยงามมากเลยจ้า
-
ononeknows • มีนาคม 14 , 2559
Coro House
คือโรงเรือนที่ใช้ปลูกเมล่อนสายพันธุ์ฮอกไกโดและมะเขือเทศจากเนเธอแลนด์ซึ่งปลูกได้ยากในประเทศไทยโรงเรือนแห่งนี้มีความพิเศษตรงที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น
ปริมาณแสงอาทิตย์ ทิศทางลม อุณหภูมิ และการรดน้ำ โดยสามารถควบคุมผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้อีกด้วยปัจจุบันโรงเรือนในส่วนของ Coro House มีทั้งหมด 3 หลัง
ใช้ปลูกเมลอน 2 หลังและปลูกมะเขือเทศอีก 1 หลัง
และจะหมุนเวียนไปตามฤดูกาลของผักและผลไม้ พวกเราสามารถมาเยี่ยมชมกันได้
พร้อมได้รับเทคนิคการปลูกโดยผู้เชี่ยวชาญจากทางฟาร์มอีกด้วย
แต่เนื่องจากตอนที่เจ้าของกระทู้ไปเมล่อนกำลังอยู่ในช่วงปฐมวัย
โซนนี้จึงอดเข้าชมเพราะเมล่อนติดเชื้อได้ง่ายจ้า
เลยได้เห็นแค่จ้าตัว ‘โคโรโระคุง’ (Cororo)
มาสคอตเจ้าถิ่นอารมณ์ดีที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโรงเรือนค่ะ -
ononeknows • มีนาคม 14 , 2559
Coro Cafe และ Market
ร้านอาหารนั้นเป็นคาเฟ่กึ่งบิสโทร เสิร์ฟอาหารสไตล์ Japanese Fusion Food
ซึ่งวัตถุดิบหลักที่นำมาปรุงก็ถูกคัดสรรจากภายในฟาร์ม Coro Field เนี่ยล่ะจ้า
จึงมั่นใจได้เลยว่าเป็นอาหารที่ทั้งสะอาดและปลอดสารพิษแน่นอน
แถมที่นี่ยังมีอาหารประเภท Clean food ไว้เอาใจบรรดาคนรักสุขภาพกันอีกด้วยในส่วนของ Coro Market นั้นเป็นพื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปและจำหน่ายผลผลิตของฟาร์ม
ถ้าอยากซื้อเมล่อนสดๆหวานๆจากฟาร์มไปฝากคนที่บ้านก็ซื้อได้ที่นี่เลยค่ะ -
ononeknows • มีนาคม 14 , 2559
Coro Field ไม่ใช่มีเพียงสวนผักและสวนเมล่อนนะจ้ะ ที่นี่ยังมีสวนดอกทานตะวันอีกด้วยที่สามารถเข้าชมและถ่ายรูปฟรีได้เลยจ้า ชอบตรงที่มันฟรีเนี่ยล่ะค่ะ 55555
-
ononeknows • มีนาคม 14 , 2559การไปโดยรถสาธารณะ
นั่งรถตู้อนุสาวรีย์ คิวจันทร์เจ้า กทม.-ชัฏป่าหวาย (สวนผึ้ง) ลงสุดสาย
คิวอยู่ซอยติดกับห้างเซนจูรี่ ตั๋วราคาเที่ยวละ 160 บาท
รถออกทุกๆ หนึ่งชั่วโมงครึ่งรอบแรก 05.00 น. รอบสุดท้าย 18.30 น.
เบอร์ติดต่อ คิวรถคู้จันทร์เจ้า ที่ชัฏป่าหวาย 0822494010
รถตู้มาถึงจะจอดบริเวณใกล้ๆ วินมอเตอร์ไซค์(หน้าห้างทองสุวรรณจักร)
เรียกพี่วินบอกไปฟาร์มเมล่อน
ส่วนตอนกลับก็ขอเบอร์พี่วินไว้เขาจะมารับที่ฟาร์มเลยจ้า
แต่ส่วนตัวเจ้าของกระทู้ไปเช้ามากอากาศดีก็เลยเดินไปเรื่อยๆจากคิวรถตู้
ตอนกลับโบกรถกลับมาที่คิวรถตู้มีชาวบ้านคุณลุงใจดี
ให้อาศัยติดรถมาด้วยต้องขอบคุณลุงมากๆเลยค่ะ
ใครสะดวกไปกันยังไงก็เลือกเอาที่ตัวเองสบายใจกันนะคะ -
โหลดเพิ่ม