“ไปเที่ยวเกาะกูดกัน” คำพูดเชิญชวนของหนึ่งในสมาชิก ผู้ที่ชอบหาทริปกระชับมิตรให้พวกเราได้เปลี่ยนที่สังสรรค์กันเป็นประจำ เสียงในหัวก็ดังขึ้นทันทีว่า “แล้วทำไมต้องเกาะกูดล่ะ” พวกเราก็ไม่รอช้ารีบหาข้อมูลเลือกที่พักและก็ได้รีสอร์ทที่เข้ารอบมา 1 รีสอร์ท คือ "กัปตันฮุค รีสอร์ท" นั่นเอง อยากรู้เหลือเกินว่ามันจะพิเศษกว่าเกาะอื่นยังไง แต่ที่แน่ๆสิ่งที่ไม่ธรรมดาก็คือราคานั่นเอง เห็นราคานี่แทบหัวทิ่มหัวตำ อื้ออึงไปชั่วขณะ แต่เพื่อนก็ยังบอกว่ามันไม่ธรรมดาจริงๆนะ หว่านล้อมทุกอย่าง ก็เลยต้องใจอ่อน ตกลงไปด้วยราคาเกือบหมื่นต่อคน!!!!! ด้วยแพ็คเกจ 3 วัน 2 คืน จ่ายเงินไปแล้วถอนตัวไม่ทันแล้วซิเนอะ ตั้งหน้าตั้งตาคอยมาหลายวัน ก็ถึงวันเริ่มเดินทางเมื่อวันที่ 24-26 เมษายน 2559 แล้วเดี๋ยวเราจะได้รู้กันว่ามันคุ้มค่ากับราคาไหม
เรามีนัดกับทางรีสอร์ทที่ท่าเรือส่วนตัวของทางรีสอร์ท เวลา 11.30 น. แผนที่มาท่าเรือตามด้านล่างเลยจ้า
นำรูปมาจาก http://th.thai-tour.com/
บริเวณของท่าเรือ จุดนัดรวมพลของพวกเรา
บริเวณที่จอดรถค่ะ จอดในร่ม ค่าบริการที่จอดรถ 50 บาท/ คัน /วัน
ท่าเรือของทางรีสอร์ทค่ะ ขึ้นท่านี้ได้เฉพาะตอนเวลาน้ำขึ้นนะ เพราะบริเวณนี้หินเยอะมาก
เมื่อสมาชิกพร้อมเราก็ออกเดินทางด้วย speed boat ลำเล็ก สามารถนั่งได้ 30 คน/ลำ แนะนำให้ไปนั่งข้างหลังนะเพราะข้างหน้าเรือกระแทกหนักมาก ใช้เวลา 1 ชั่วโมงก็ถึงรีสอร์ท มาถึงรีสอร์ทก็จะมีพี่ๆยืนต้อนรับ ทักทายพวกเราค่ะ
เอาภาพบริเวณในรีสอร์ทมาให้ชมกัน
ที่นั่งบริเวณส่วนกลางค่ะ ชิวมาก มีหนังสือซักเล่ม มุมนี้น่าจะเป็นมุมโปรดของใครหลายคนนะ
มาถึงที่พัก ทางโรงแรมจะมี welcome drink ให้เราดื่มกันให้ชื่นใจ ก่อนจะไปรับประทานอาหารเที่ยง ซึ่งเป็นมื้อแรกของทริปนี้ อาหารจะเป็นบุฟเฟ่ มีหลายเมนูให้เราได้ลิ้มรส เห็นแค่เมนูมื้อแรกก็ต้องขอหยุดพูดเรื่องความอ้วนไปเลย ไปดูหน้าตาอาหารกันค่ะ เมนูก็จะเป็น ผัดพริกไทยดำ ผัดผัก ผัดผงกะหรี่ หมึกนึ่งมะนาว น้ำพริก ข้าวคลุกกะปิทานกับกุ้งหวาน หมูหวาน
หรือใครอยากจะทานราดหน้าทะเล ที่เต็มไปด้วยกองทัพทะเล ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง ปลาหมึก เนื้อปู หอยเซล กั้ง เลือกเลยค่ะ เลือกเลย
ตามโปรแกรมแล้ว ทานอาหารกลางวันเสร็จ ตามตารางทัวร์จะพาไปเที่ยวน้ำตก คลองยายกี๋ แต่เนื่องจากตอนช่วงที่เราไปไม่มีน้ำคร๊า แล้วอากาศก็เป็นใจซะด้วยซิ ร้อนขนาดนี้ จำต้องโบกมือลาให้กับน้ำตก แล้วไปเล่นน้ำในห้องกันดีกว่า แดดจ๋าพี่ลาก่อน
เนื่องจากที่นี้ยังปั่นไฟใช้เอง จึงมีการจำกัดการใช้ไฟ ไฟฟ้าสามารถใช้ได้ตลอดนะคะ ส่วนแอร์นั้นต้องรอเวลา 17.00 น.จึงจะสามารถเปิดใช้ได้ และในตอนเช้าจะใช้แอร์ได้ถึง 09.00น. ณ จุดนี้ อย่าเพิ่งกังวลไปค่ะ สระน้ำมีให้เล่นก็อย่ารอช้า เล่นน้ำเพลินๆ แช่น้ำชมวิว วิวสวยขนาดนี้มันต้องซึมซับให้สุดเนอะ
ทางขึ้นไปห้องพักค่ะ จากบริเวณส่วนกลางจนถึงห้องพัก ก็ห่างกันพอให้เหงื่อซึม หายใจแรงขึ้นนิดหน่อย
ไปดูห้องพักของเรากันค่ะ ห้องนี้เป็นประเภท pool suit มี 2 ห้องนอน 2ห้องน้ำ และมีห้องนั่งเล่นค่ะ ห้องประเภทนี้สามารถเปิดแอร์ได้ 24 ชั่วโมงค่ะ การตกแต่งธรรมดาไปค่ะ ปกติราคาระดับนี้การตกแต่งต้องเว่อวังกว่านี้อ่ะนะ แต่วิวนี่ใช่เลยอ่ะ
รูปนี้เป็นเตียงในห้องใหญ่ นอนได้ 4 คน บริเวณห้องนั่งเล่นก็จะถูกแบ่งส่วนในห้องนี้ และจะมีตู้เย็นและทีวีให้
วิวจากห้องพักค่ะ
สระว่ายน้ำเป็นที่โปรดปรานสำหรับเด็กๆมาก มาถึงไม่รอช้าเล่นน้ำกันเลยค่ะ
ล่นน้ำ พักผ่อนกันไปเพลินๆ ก็ถึงเวลาอาหารว่างกันแล้วค่ะ (อาหารว่างบริการเวลา 15.30 น. ) มื้อเที่ยงที่ทานไปยังไม่ได้ทันได้ย่อย แต่ก็ไม่เป็นไร อาหารว่างคงจะเป็นอะไรเบาๆ ลองชิมกันซักหน่อย พอหอมปากหอมคอ แต่ความเป็นจริงแล้วนั้น!!!!! ที่นี่เค้าเรียกส้มตำ ไก่ทอด ข้าวเหนียวเป็นอาหารว่างหรอ ส้มตำก็ไม่ธรรมดานะคะ จะเป็นตำปูม้า ตำข้าวโพด ตำผลไม้ สั่งรสชาติได้ตามใจชอบ จะเปรี้ยวเผ็ดมากน้อย หวานนำ เค็มตาม เค้าก็จัดให้ได้ค่ะ
ดูปริมาณแล้ว ไม่น่าจะเรียกว่าอาหารว่างนะ!!!
มีส้มตำก็ต้องมีไก่ทอดร้อนๆ ทานคู่กับข้าวเหนียว ทอดออกมาเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ทานนะคะ ของเค้ามีไม่อั้นจริงๆ นี่ว่าสายแข็งแล้ว ยังทานอิ่มกันพุงกางเลยค่ะ
ขนมหวานในมื้ออาหารว่าง ครบเต็มสูตร ของคาว ของหวาน
แดดร่ม ลมตก ทานอาหารว่างจนหนำใจ เราก็มาดูกันดีกว่าค่ะว่า ที่นี่มีกิจกรรมอะไรให้เราทำบ้าง
เริ่มต้นจากพายเรือคะยัก ออกกำลังแขนกันหน่อย ไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ สนุกดีนะคะ พายแข่งกัน พายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
พายไปในส่วนของคลอง ชมบรรยากาศป่าชายเลนได้นะคะ
ต่อด้วยเล่นน้ำทะเลหน้าที่พัก หาดทรายที่นี้ไม่ได้มีเยอะมาก แต่ก็เล่นได้สบายๆค่ะ หรือจะเตะบอลกันบนชายหาด คนไม่พอ ไม่ต้องห่วงค่ะ มีพี่ๆของที่พักมาช่วยเตะให้ด้วยค่ะ กิจกรรมนี้ก็เหนื่อยเอาเรื่องเลยนะ หอบกันไปตามๆกัน เหงื่อออกก็วิ่งมาแช่น้ำทะเล ฟินอะไรขนาดเน้
เล่นน้ำทะเลแล้ว ก็มาแช่ตัวในสระว่ายน้ำรวมกัน ดำผุดดำว่าย จนพระอาทิตย์เริ่มตกดิน ก็จะได้เวลาอาหารเย็นอีกแล้วค่ะ
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว
หรือใครจะเล่นน้ำสระในห้องพักก็ส่วนตัวไปอี๊ก
มีจุดเทียนรอบสระด้วยนะ โรแมนติกป่ะล่ะ
เมนูอาหารเย็นวันนี้ ถูกจัดวางลงบนโต๊ะ เห็นล่ะตะลึงไม่คิดว่าอาหารจะดีขนาดนี้ เคยไปทานบุฟเฟ่โรงแรมอื่นนี่ธรรมดาไปเลย เจอที่นี่ไปครองแชมป์ในใจเลยค่ะ อาหารที่นี่สั่งได้ตลอด เติมไม่อั้น มีพนักงานคอยบริการเสริฟให้ถึงโต๊ะเลยค่ะ จุดนี้ขอชื่นชมการบริการของพนักงานที่นี่ก่อนเลย น่ารักทุกคน บริการดีมากกกกกกกกกค่ะ
บรรยากาศบริเวณอาหารมื้อค่ำค่ะ
เมนูกระทะปิ้งย่าง ทีเด็ดของเมนูนี้คือเนื้อปลาค่ะ รสชาติหวาน เนื้อแน่น สดมากๆ ไม่มีคำว่าคาวเลยค่ะ ขอเพิ่มไปหลายจานมาก
ตามมาด้วยปูม้านึ่ง จิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ด หอยเชลย่างเนย ห่อหมก ปลาทอดสามรส ทานเลยค่ะ นานๆทีได้มาทานของทะเลแบบไม่อั้นแบบนี้ เบิ้ลแล้วเบิ้ลอีก คอเลสเตอรอลจ๋ามื้อนี้พี่ขอ พี่หยุดไม่ไหวแล้วค่ะ
มาแล้วค่ะ พระเอกของคืนนี้ จานนี้เป็นจานเดียวที่เติมไม่ได้นะคะ ชื่อเมนูว่า Romance in the sea ชื่อเมนูนี้สัมพันธ์กันยังไง? เมนูนี้แอบงงๆเล็กน้อย ไม่รูจะกินอะไรคู่กับอะไรแต่พอกินแล้วมันก็โอเคดีนะคะ จะมีคุกกี้ กับ น่าจะเป็นหมูหรืออะไรซักอย่างพันสาหร่ายทานคู่กับซอสข้างๆ แปลกๆดีค่ะ
เมนูของหวานเด็ดสุดๆ เค้กกาแฟแต่งหน้าด้วยมะพร้าวขูดผสมกับคาราเมล ลงตัวสุดๆ อารมณ์เหมือนเค้กเจนัว แต่เปลี่ยนจากแอลมอนด์เป็นมะพร้าวขูดแทน
มัวแต่เพลิดเพลินกับอาหาร ก็ต้องถูกเบรคด้วยโปรแกรมล่องเรือชมหิ้งห้อยช่วงนี้เราว่าทางรีสอร์ทจัดโปรแกรมเวลาใกล้เคียงกันเกินไป เริ่มทานอาหารเย็นตอน 19.00 น. แล้วก็พาไปชมหิ้งห้อย ตอน 20.00 น. เราแกะปูตัวเดียวก็เสียเวลาไปหลายนาทีแล้วอ่า แต่เราสามารถกลับมาทานต่อได้นะ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ไม่นานเท่าไหร่ค่ะ ได้ไปชม โฮมสเตบ้านมะกอกด้วย บรรยากาศ เงียบ สงบมาก เหมาะสำหรับเพื่อนๆที่อยากมาพักผ่อนจริงๆค่ะ
เช้าวันที่สองของทริปนี้ อาหารเช้าเริ่มบริการเวลา 06.30 – 10.00 น. มาดูอาหารเช้าของที่นี่กันค่ะ
เมนูข้าวต้มกุ้ย ข้าวต้มทรงเครื่อง กับข้าวต่างๆ ทานกับข้าวสวยหรือข้าวผัดค่ะ
สลัดผัก , American breakfast , ขนมปังกับแยมต่างๆ
นั่งทานข้าวเช้ามองวิวทะเล เพลินมากค่ะ
วันนี้เรามีโปรแกรมดำน้ำรอบเกาะรังช่วงบ่ายกันค่ะ เพราะฉะนั้นช่วงเช้าก็เป็นเวลาอิสระของทุกคนค่ะ เมื่อคืนใครจัดหนักกับการดื่มก็ใช้เวลาจังหวะนี้ไปพักกันได้ค่ะ และก็มาถึงเวลามื้อเที่ยง เอ๊ะ ทำไมทริปนี้กินกันตลอดเวลาเลยแหะ
อาหารมื้อเที่ยงค่ะ เมนูก็จะประมาณนี้เลย เน้นซีฟู๊ดซะส่วนใหญ่ กุ้งผัดสะตอ , หลนปลาเค็ม , ลาบปลาหมึก , ผัดผัก
เมนูทีเด็ดของกลางวันนี้ กุ้งกระเทียม คร๊า ตัวใหญ่ๆ เข้มข้น กินสะใจอีกแล้วคร๊า
อิ่มแล้วก็พร้อมไปดำน้ำกันค่ะ ที่นี่ต้องมีฟังอบรม วิธีปฏิบัติเวลาดำน้ำ สอนการใส่เสื้อชูชีพ การใช้สนอคเกิล พร้อมแล้วก็เดินทางไปเกาะรังด้วย speed boat ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถึงจุดแรก บริเวณหาดทรายของเกาะรัง มาเพื่อซ้อมการใช้สนอคเกิล นอกจากอบรมแล้ว ยังต้องซ้อมอีกนะ ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ
ชูชีพพร้อม สนอคเกิลพร้อม เราก็ไปดำน้ำจุดแรกกันเลยค่ะ บริเวณนี้จะมีทุ่นลอยอยู่รอบๆเกาะรัง เราต้องดำน้ำดูประการังรอบเกาะค่ะ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จากที่เราเคยไปดำน้ำมาหลายที่ ที่นี่โหดสุดล่ะ ด้วยความที่ต้องดำสวนทางน้ำ และคลื่นก็แรงมาก สุดท้ายแล้วไม่รู้เมาเรือหรือเมาคลื่น บางคนต้องยกธงขาวให้กับการดำน้ำครั้งนี้
ในส่วนของเรื่องความสวยนั้น ก็โอเคระดับนึง แต่ไม่ได้สวยจนร้องว้าวววว ที่นี่ดอกไม้ทะเลเยอะมากค่ะ มีปลาการ์ตูนแหวกว่ายอยู่ในดงดอกไม้ และหอยเม่นทะเลก็เยอะเช่นกัน น้ำยังไม่ใสเท่าไหร่ แต่ประการังก้ยังมีความสมบูรณ์ในระดับนึง
ก่อนจะถึงอาหารมื้อค่ำ พวกเราก็ชิวๆ เล่นน้ำ ถ่ายรูป พายเรือคะยัคกันค่ะ วันนี้เราพายเรือคะยัคอ้อมเกาะไปอีกฝั่งของรีสอร์ทค่ะ พระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี แสงสะท้อนกับหาดทรายและน้ำทะเล ชอบบรรยากาศแบบนี้สุดๆเลย
ได้เวลาทานมื้อเย็นแล้ว มีการโชว์ควงกระบองไฟ งานดีงานคุณภาพอีกแล้วค่ะ ควงไฟเข้ากับจังหวะ EDM หุ่นคนควงไฟก็hot ไม่แพ้ไฟเลยคร๊า
โชว์จบอารมณ์ไม่จบ เพลงมันกระตุ้น เราก็ไปชิวกันต่อที่บาร์ค่ะ นั่งฟังเพลงเพลินๆ คุยกับพี่บาร์เทนเดอร์ ซึ่งก็คือผู้จัดการของที่รีสอร์ทนั่นเอง
กินกันเพลินๆ พอให้นอนหลับสบาย ส่งท้ายคืนนี้ด้วยภาพมุมนั่งชิวๆในรีสอร์ทยามค่ำคืนค่ะ
เวลากลับพี่ๆที่รีสอร์ทจะมาโบกมือส่งเราแบบนี้เลย แต่อันนี้เราถ่ายที่พี่ๆเค้าส่งลูกทัวร์กรุ๊ปอื่นค่ะ
ใช้เวลา 1 ชั่วโมงก็มาถึงท่าเรือแหลมศอก วันนี้น้ำลดเข้าท่าเรือส่วนตัวไม่ได้ ต้องมาลงที่ท่าเรือใหญ่ แล้วจะมีรถไปส่งที่จอดรถค่ะ สถานีสุดท้ายของทริปนี้ อ่าวคุ้งวิมาน ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ถนนที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในภาคตะวันออก เราก็ไม่พลาดที่จะไปเก็บภาพเป็นที่ระลึกซะหน่อย ถ้ามาตอนช่วงพระอาทิตย์ตกน่าจะได้บรรยากาศมากกว่าช่วงกลางวันแน่นอน เพราะเวลานี้แดดร้อนมาก ชิวไม่ไหวจริงๆคร๊า
จบทริปเกาะกูด 3 วัน 2 คืน ก็เพิ่งจะมารู้ตัวว่าโดนกัปตันฮุคปล้นใจไปซะแล้ว หลงรักเกาะกูดเต็มหัวใจ สิ่งที่ประทับใจที่สุดคืออาหาร อร่อยทุกมื้อ และการบริการที่เป็นมิตรของพนักงานทุกๆคน ทะเลเมืองไทยสวยไม่แพ้ชาติใดในโลก ไปให้เห็นด้วยตา พิสูจน์ให้รู้ด้วยใจ แล้วจะหลงรักเกาะกูดไปด้วยกัน
เข้าไปพูดคุยทักทายกับพวกเราได้ที่ https://www.facebook.com/getalongwell.net/