เริ่มเดินทางตอนแรกว่าจะมาดูแสงแรกแต่ก็นอนเพลิน กว่าจะได้ออกจากบ้าน ตี3.30 เลยรีบทำเวลาสุดๆ แต่ก็มาไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นมาถึง Pino latte 7.15 พระอาทิตย์ออกมายิ้มแฉ่งแล้วแต่สอบถามคนที่นี้เขาก็ว่าวันนี้ก็ไม่มีทะเลหมอกมีแค่หมอกหงอยๆบางๆ แต่ก็สวยไปอีกแบบครับ
คงยังไม่มีใครไม่รู้จักที่นี้เนอะเอาเป็นว่าดูรูปกันเลย
อากาศอุ่นๆลมเย็นๆครับวันนี้
เช้าๆคนก็เยะแล้วครับที่นี้
ดอกไม้สวยๆ
หลังจากถ่ายรูปจนพอใจใครจะจิบกาแฟตอนเช้าๆก็ดีแต่ผมไม่กินกาแฟเลยไม่ได้ซื้อน้ำเลย
ขับต่อลงมาทางวันผาซ่อนแก้ว รอบนี้ไม่ได้แวะครับมา3รอบแล้ว เลยไปต่อ นี่ไงที่เราจะไปนี้ถ่ายจากทางลงวัดผาซ่อนแก้วนะครับ กังหันลมใหญ่เห็นเด่นมาก ไปเราไปตามหากัน
ทางมาม่ยากถ้าจากวัดผาซ่อนแก้วก็วิ่งกลับมาทางจะไปเขาค้อ แล้วจะมีทางไปหมู่บ้านเพชรดำ นั้นละครับเลี้ยวขวาขึ้นมาเลยจะเป็นเนินถนนสูงๆนั้นแหละวิ่งไปตามทางเรื่อยๆ ดูเหมือนจะใกล้แต่ก็ไม่ถึงเสียทีพอมาถึง โอโห้ กังหันลมใหญ่มากก
มองดูถนนข้างล่างขึ้นมาเยอะเหมือนกันแต่ทางไม่น่ากลัวครับมาได้สบาย
ถ่ายรูปสักพักก็ไปต่อครับ
ถนนสวยๆครับเส้นนี้
อีกสักรูประหว่างทางลง
ไปต่อกันครับผมแวะเติมแก้สและกินข้าวที่ปั้มกันก่อนเช้านี้ เดี๋ยวผมจะยิงยาวไปจังหวัดเลยกันต่อ จุดหมายต่อไปเป็นแพห้วยกระทิง ไปกันเลยแพห้วยกระทิงอยู่ใกล้ตัวเมืองเลยครับมาไม่ยากมาแล้วก็เลือกแพตามต้องการเลยแต่เจ้าถิ่นพี่ชายผมที่อยู่ที่เลยนัดมาเจอกัน เขาแนะนำว่าให้มา แพไผ่งามครับ
มาถึงตอนเที่ยงพอดี จอดรถเสร็จก็สั่งอาหารแล้วก็เลือกขนาดแพครับ เริ่มต้นจะเป็ยแบเล็ก300 บาท ได้ประมาณ 5-6 คนได้ครับ ที่นี้ดีครับจ่าย300แล้วนั่งนอนเล่นกันได้ทั้งวัน ยกเว้นแต่เทศกาลจริงๆถึงจะมีจำกัดเวลาครับ เมื่อเลือกได้แล้วเขาก็จะลากเราไปกลางน้ำครับไปทิ้งไว้ปล่อยให้กระสะลมพัดเราไปเรื่อยๆ
อาหารแพนี้ก็รสชาติดีเลยครับ ไม่แพงด้วย หมดนี้รวมค่าน้ำกับค่าแพ 750 บาทครับ ที่นี้เขาจะมีเบอร์ให้ครับถ้าต้องการจะสั่งอาหารเพิ่มหรือจะไปเข้าห้องน้ำโทรบอกเขาเดี๋ยวจะมีเรือเล็กมารับไม่เสียค่าบริการครับ
ไปดูบรรยากาศรอบๆกัน อากาศดีมากๆลมโกรกโยกสบายสุดๆ
พี่ชายที่อยู่ที่เลยครับ มาเลยทีไรต้องเจอกันตลอด
ไปดูรูปยาวๆเลย
ภูเขาเขียวๆตัดกับท้องฟ้า มันต้องมาเห็นเองเพลินมากอ่ะแล้วแบบแพมันก็จะหมุนๆไปเรื่อยตามลม วิวมันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
โอ้ยฟินน้ำก็เย็น ใครจะเล่นน้ำก็ได้ แต่ผมนอนเล่นไปมาหลับไปตื่นนึง ตื่นมาเกือบบ่าย3ละ เลยเรียกเรือมาลากกลับจะเข้าที่พักเชียงคานแล้ววว
ก่อนออกแวะถ่ายรูปจุดชมวิวด้วย ที่เราไปนอนเล่นเมื่อกี้อ่าแหละ
ปิดท้ายห้วยกระทิงด้วยออสดำ รู้จักพี่ได้ก็ด้วยออสดำนี่แหละไปจังหวัดไหนถ้ามีคนในคลับอยู่รู้จัก ก็จะออกมาหาพาเราเที่ยว ไม่ได้เป็นการบกวน แต่บางคนเขาอยู่ไกล จะขับมามิตติ้งทีก็ไม่ไหวได้คุยกันแต่ในเฟส หลายคนเลยยินดีที่จะออกมาหาเวลาผมไปถึงถิ่นพี่เขาครับ นี้แหละมิตรภาพ 4 ล้อ
ที่จริงบ้านพี่ตั้มเขาอยู่ในตัวเมืองวันนี้เขาก็เลยให้ผมจองที่พักเชียงคานให้ด้วยถือโอกาศมาเปลี่ยนที่นอนด้วยเลยเหมือนกัน
ที่พักของเราคืนนี้คือ เถ้าแก่ลาวนั้นเอง ที่พักหลักร้อย แต่จริงๆก็ในเชียงคานส่วนมากก็หลักร้อยครับ ที่นี้ดีตรงไม่พลุกพล่านครับอยู่ต้นๆทางเลย มีแค่ 3 ห้อง แอร์ แต่เป็นห้องน้ำรวมแต่ห้อน้ำสอาดถูกใจครับ ไม่สกปกรก ราคาตอนนี้ที่ไป ห้องบนริมน้ำ 770 ครับห้องล่างจำได้ว่า670 ผมกับพี่ตั้มคนละห้อง ริมน้ำครับ
ภายในสวยให้อารมณ์เมืองเก่าครับ
ขึ้นมาดูในห้องของผมชั้นบนเป็นแบบเตียงคู่ครับ
มีระเบียงด้วยใหญ่เลยละ
วิวแม่น้ำโขงกับฝั่งลาว
หลังจากถ่ายรูปสักพักก็นอนพักผ่อนกันรอไปดินถนนคนเดินตอนเย็น ดูพระอาทิตย์ตกจากระเบียง
ตกเย็นก็เดินถนนคนเดินกัน วันนี้คนไม่เยอะมาก คงเพราะหน้าฝนคนเลยน้อย
งานฝีมือหลายร้านครับ
อย่าลืมกินกุ้งเสียบนะครับ อร่อยดีเหมือนกัน
จากนั้นก็มาหาข้าวกินกันที่ร้าน นั้งเล่นเล่นครับ ริมโขงเลย บรรยากาศดี มีพี่อีกคนตามมากินด้วยกัน เมื่อกลางวันไม่ว่างเลยพึ่งตามมา อาหารก็อร่อยไม่แพงครับ เครื่องดื่มน้ำเมาด้วยมื่อนี้ พันนิดๆ
ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆก็เลิกกินเดินกลับกันครับ แต่ตอนหลับนี้โอโห คนละเรื่องกับเมื่อหัวค่ำเลย ปิดหมด บรรยากาศเงียบสงบมากๆ เดินกันจนตึงๆก็ถึงห้องพอดี คืนนี้ก็แยกย้ายนอน ตอนเช้าเตรียมลุ้นทะเลหมอกก
เช้ามาตอนรับแสงแดดที่ร้อนแรง โอโหแดดขนาดนี้ไร่วี่แววทะเลหมอกภูทอกอีกแล้วแน่เลย ไปภูทอกกันเร็ว
บรรยากาศยามเช้าชาวบ้านและนักท่องเที่ยวมารอใส่บาตรข้าวเหนี่ยว
จากนั้นก็ไม่รอช้ารีบบึ่งมาภูทอก ห่างจากเชียงคาน10โลได้มั้งครับไม่ไกลขับรถแปบเดียว มาถึงจอดรถ 20 บาท แล้วก็เสียค่ารถกระบะคนละ 30 บาทรวมขึ้น-ลงภูทอกครับ นั้งรถแปบเดียวก็ขึ้นมาถึง
แน่นอน แดดมันช่างจ้าเสียเหลือเกิน แห้วทะเลหมอกอีกแล้วทำไมนะ ภูทอกนี่ใครๆมาก็เห็นผมรอบก่อนมาหน้าหนาวก็ไม่เห้น รอบนี้ลองมาหน้าฝนก็ยังอด มันคงเป็นอะไรสักอย่างบอกให้ผมต้องมารอบ 3 แน่ๆ แล้วจะกลับมาแก้มืออีก เอาละงั้นก็ดูวิวกันดีกว่า ว่าสวยแค่ไหน
ไม่มีหมอกก็ไม่เลวนะ
นู้นแมน้ำโขง
ท่าคู่ต้องมา
ไปละภูทอก ้องกลับมาถ่ายทะเลหมอกที่นี้ให้ได้
ช่วง #เหลี่ยมพาชิม มื้อนี้ขอเสนอเลย ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว" ร้านป้าบัวหวาน ซอยเชียงคาน14 บน
รสชาติเด็ดมาด ตัวเส้นจะคล้ายเส้นขนมจีนแต่เหนี่ยวนุ่ม เนื้อหมูก็อร่อยใส้ มันๆ พิมพ์ไปแล้วก็อยากกิน กทม. ไม่มีให้กิน จัดกันไปคนละชาม มื้อนี้ก็ ชามละ40 เด็ดมาก
กลับที่พักเก้บของเตรียมเดินทางต่อเก้บภาพอีกสักเล็กน้อย
ง้อวว
ได้เวลาบ๊ายบายเชียงคาน เปิดหนังสือดูไปที่เที่ยวไหนต่อดีน้าา
ก่อนไปต่อขอแวะอีกเติมพลังอีกร้านได้ยินมาว่าบะหมี่ที่นี้ก็เด็ดต้องร้านนี้เลย #เหลี่ยมพาชิม ขอเสนอ บะหมี่ เฟื่องฟ้า ๒๕๑๑ ลืมถ่ายหน้าร้าน
ด้วยบะหมี่ทำเองเอกลักษณ์เฉพาะสูตรดั้งเดิม หมูกรอบและหมูแดงก็อร่อย รสชาติดีมาก มาถึงแล้วต้องลองครับ เสียดายยังมีอีกหลายร้านเด็ดๆไม่ได้ลอง ไว้ค่อยมาใหม่แล้วกัน
อิ่มแล้วก็ไปต่อ พระพุทธบาทภูควายเงิน
มาถึงแล้ว กราบสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พรุ่งนี้ลูกช้างเจอทะเลหมอกสวยๆทีเถิด อดดูมาสองวันแล้ว
ที่นี้มีน้องกระต่ายเยอะมาก น่ารัก
เลี้ยงกระต่ายแล้วก็เดินขึ้นจุดชมวิวเล็กๆครับ ว้าวว สวยงาม
จากนั้นก็ได้เวลาโบกมือลาพี่ตั้ม เมืองเลย แล้วเชียงคานที่รัก โอกาศหน้าต้องมาอีกแน่ๆ แยกกับพี่ตุ้มที่ตัวเมืองแล้วผมก็ยิงยาวมาต่อกัยที่ภูทับเบิก