เดินเล่น กินลม ชมทุ่งโปรงทอง

ห่างหายจากการท่องเที่ยวมานาน 
เนื่องจากเราสองคนต้องการงดงานรื่นเริงแบบจริงจัง เราจึงตัดสินใจงดเที่ยวกันไปสักระยะหนึ่ง :)

 

แต่หลังจากเสร็จสิ้นงานงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
เราจึงออกท่องเที่ยวกันอีกครั้ง....

และครั้งนี้เป็นทริปแบบพิเศษใส่ไข่ เพิ่มลูกชิ้น ของเราสองคน เพราะเป็นทริปครบรอบ 9 ปีของพวกเรา

ตามไปดูรีวิวเพิ่มเติมของพวกเราได้นะคะ
http://www.facebook.com/PaeSongBai

 

จึงตั้งใจไปนอนตีพุงชมวิวทะเลกันที่จังหวัดจันทบุรี
เมืองริมฝั่งทะเลด้านตะวันออกที่มักจะถูกหลงลืม
แต่ไหนๆ ไปถึงโน่นแล้ว เลยแวะเที่ยวจังหวัดระยองกันก่อนเป็นค่าผ่านแดน

ใครๆ ก็คงรู้จักป่าโกงกางหรือป่าชายเลน และวันนี้เราจะมาป่าชายเลนที่จังหวัดระยองกัน ไม่ใกล้ไม่ไกลมีนามว่า 
"ทุ่งโปร่งทอง"

 

ทุ่งโปร่งทองเป็นสถานที่ยอดฮิตติดลมบนของจังหวัดระยองมาได้ซักพักแล้วแหละ 
ใครไปเที่ยวระยองไม่แวะไปถ่ายรูปคู่กับสะพานไม้ที่ทุ่งโปร่งทองนี่จัดว่าเชยแย่เลยนะ....

 

“ทุ่งโปร่งทอง” เป็นป่าชายเลนริมทะเลปากแม่น้ำประแส จังหวัดระยอง 
เป็นป่าที่ชายเลนที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่และช่วงเย็นยามแสงอาทิตย์อ่อนๆ 
ตกกระทบกับยอดไม้ เกิดเป็นแสงสีทองอ่อนๆ ฉาบที่ทุ่งแห่งนี้ ไม่สงสัยเลยทำไมถึงชื่อว่า “ทุ่งโปร่งทอง”

 

การเดินทาง
ทุ่งโปร่งทองอยู่บริเวณริมปากแม่น้ำประแส ใกล้เทศบาลตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
ไม่ต้องกลัวหลง เพราะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ

สำหรับรถส่วนตัวสามารถนำรถเข้าไปจอดบริเวณทางเข้า สนนราคาค่าที่จอดรถ 20 บาท
ใครใคร่เดิน ใครใคร่ขี้เกียจเดิน มีรถพ่วงบริการคนละ 5 บาทไปส่งที่ด้านหน้าทางเข้า 
(ถือว่าเป็นการกระจายรายได้ให้กับชาวบ้านเนอะ....)

เวลาเปิดให้เที่ยวชมตั้งแต่เวลา 6.00 - 18.00 น.ของทุกวัน
ด้านหน้าทางเข้ามีบริการร้านอาหาร เครื่องดื่ม (บริเวณทางเดินศึกษาธรรมชาติไม่อนุญาตให้นำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไป
ควรทานให้เรียบร้อยก่อนเที่ยวชมนะคะ)

ทางเดินไม้ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 2.6 กิโลเมตร เฮือกก....

ลัดเลาะไปตามต้นโกงกาง และจะไปสิ้นสุดเส้นทางบริเวณอนุสรณ์เรือรบหลวงประแส (ซึ่งเราเดินไป.....ไม่ถึง แป่ววว!) 
บางส่วนปกคลุมทางเดินไม้คล้ายอุโมงค์ต้นไม้ มีความร่มรื่น 

ป่าโกงกางเป็นพื้นที่เชื่อมต่อจากป่าชายเลน ช่วงนี้ต้นโกงกางมีความสูงกำลังพอสมควร

และบางช่วงความสูงระดับสายตาทำให้เรากวาดสายตามองเป็นทุ่งสีทองอร่าม

มุมสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพเป็นที่ระทึก

ทางเดินทอดยาวไปยังริมทะเลประแส ซึ่งมีศาลาชมวิวให้ได้นั่งพักชมวิวกันชิลๆ หนุงหนิงกันตามประสา

แนะนำนิดนึงนะคะ ทางเดินศึกษาธรรมชาติชื่อก็บอกแล้วว่าธรรมชาติ เพราะฉะนั้นย่อมมีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่

หนึ่งในนั้นคือนก นกตัวน้อยๆ นี่แหละค่ะ พวกมันไม่ค่อยชอบเสียงดังนะค่ะ หากมันรู้สึกไม่ปลอดภัยมันก็จะบินหนีไปค่ะ

บริเวณศาลเจ้าพ่อประแส นักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
และเป็นจุดให้บริการเรือท่องเที่ยวชมวิว และเรือรบหลวงประแสอีกด้วยค่ะ คนละ 50 บาท

ธรรมชาติตีราคาเป็นเงินทองไม่ได้ แต่เราสามารถเที่ยวพร้อมศึกษาธรรมชาติได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

สิ่งที่ได้กลับมาคือความอิ่มเอมกับธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด
อากาศบริสุทธิ์ที่ไม่มีเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนทำได้มากมายขนาดนี้

ป่าชายเลนจึงเป็นเหมือนเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ 
และยังเป็นแหล่งพึ่งพา แหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งอาหารให้กับสัตว์น้อยใหญ่

แถมยังเปรียบเสมือนเขื่อนธรรมชาติป้องกันการกัดแซะจากน้ำทะเล
โอ๊ยยย.... ประโยชน์ร้อยแปด

ช่วงเย็นเราสองคนเดินกลับ แสงอาทิตย์กระทบกับยอดใบเป็นแสงสีทองอร่าม

ทั้งหมดทั้งมวลทั้งนี้ทั้งนั้น ขอให้ช่วยกันรักษาธรรมชาติให้อยู่กับเราไปนานที่สุด การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เกิดขึ้นได้เมื่อทุกคนร่วมมือกันค่ะ

อย่าให้เหมือนตั๊กแตนบุกไร่ที่การท่องเที่ยวเกิดขึ้นที่ใด 
นักท่องเที่ยวก็เข้าไปทำลายจนมันหมดความสวยงามแล้วก็แสวงหาที่เที่ยวใหม่ไปเรื่อยๆ ช่วยกันนะคะ