อยากรักษาโรคซึมเศร้า แต่เกิดหลงรักเสน่ห์แห่งพระอาทิตย์ของเมืองภูเก็ตเข้าเต็มเปา
จุดเริ่มต้นของการเดินทางด้วยความต้องการรักษาโรคซึมเศร้า เนื่องจากคนที่เรารักมากกำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เล่นเอากินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายเดือนจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า เพื่อนๆเลยแนะนำให้ไปเที่ยวทะเล ด้วยความที่เป็นคนเหนือเมื่อเรานึกถึงทะเล สมองก็นึกออกแค่เพียงเกาะภูเก็ต ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของสาวเหนือทุกคนที่จะได้เห็นท้องทะเลแดนใต้ที่สวยได้ชื่อว่าไข่มุกแห่งอันดามัน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
เครดิต pixabay
ด้วยความปรารถนาที่จะมาเห็นทะเลให้เต็มตา พร้อมกับรักษาอาการซึมเศร้าของตัวเอง ด้วยวิธีการบำบัดจากธรรมชาติ ที่เคยอ่านเจอว่า การได้รับแสงแดดก่อน 30-60 นาทีจะช่วยรักษาอาการซึมเศร้าอย่างได้ผล ในเมื่อแสงแดดแห่งล้านนารักษาอาการให้หายขาดไม่ได้ เพราะแดดที่นี่ยังมีกลิ่นหอมของคน(เคย)รักแบบอ่อนรบกวนจิตใจอยู่เสมอ จึงตัดสินใจเด็ดขาดที่จะออกไปรับแดดกลิ่นใหม่ที่เมืองภูเก็ตเพื่อรักษาอาการซึมเศร้า และลองหากลิ่นอื่นๆมาดมบ้างจะได้หายขาดซักกะที
เมื่อมาถึงเมืองภูเก็ต ได้เจอกับบรรยากาศรอบตัวที่แปลกตา นาทีแรกที่ได้สัมผัสกับพระอาทิตย์ยามเช้าที่เขาโต๊ะแซะ อ่าวมะขาม พบว่า แสงแดดที่นี่มันช่างแตกต่างกับแดดล้านนาอย่างสิ้นเชิง มันมีทั้งความอบอุ่นและความสดชื่นอยู่ในตัว กลิ่นของแดดที่นี่มันเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต ไออุ่นของแสงอาทิตย์ แสงที่ททอประกายมากระทบผืนน้ำทะเลสีฟ้าและระเหยลอยขึ้นมาปะทะจมูก ของเรามันก่อให้เกิดพลังงาน ที่กระตุ้นสมองได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดิฉันบอกตัวเองได้ทันทีว่าเพียงแค่แสงแดดในยามเช้าอาจจะไม่เพียงพอซะแล้วสำหรับคอร์สบำบัดโรคของตัวเอง และปรารถนาที่จะได้รับพลังอีกครั้งในยามเย็น ที่ีแหลมพรมเทพ เพื่อให้อาการดังกล่าวหายสนิทอย่างรวดเร็วที่สุด ด้วยการรับแดดแบบ 2 โดส ต่อวัน
เครดิต pixabay
พระอาทิตย์ยามเช้าที่อ่าวมะขาม และพระอาทิตย์ยามเย็นที่แหลมพรหมเทพ นี่คือภารกิจที่ฉันจะต้องทำให้ตัวเองหายจากโรคซึมเศร้า ซึ่งเอาจริงๆแล้ว หายตั้งแต่วันแรก ด้วยซ้ำไป แต่ด้วยความหลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งไข่มุกอันดามัน ทำให้ 2 ปีผ่านไป ดิฉันยังคงทำแบบนี้ให้ตัวเองเสมอมา เรียกได้ว่า ไม่ใช่แค่หายขาด แต่กล้าพูดได้เลยว่า ดิฉันมีภูมิคุ้มกันอย่างมหาศาลเพิ่มมากขึ้นด้วย
เครดิต pixabay
ถ้าหายตั้งแต่วันแรก แล้ว เวลาอีก 1 ปีกับ 364 วันที่เหลือดิฉันทำอะไรอยู่บนเกาะแห่งนี้ ทำไมจึงไม่กลับบ้านกลับช่องไปสูดกลิ่นอายแห่งล้านนาที่ดิฉันคุ้นเคยมาตลอดชีวิต คำตอบเดียวที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้นั่นคือดิฉันหลงเสน่ห์ของพระอาทิตย์ที่นี่ ดิฉันกำลังหลงรักสถาปัตยกรรมโปรตุเกสกลางเมือง ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นคนพิเศษของโลกตลอดเวลา ดิฉัน ตกหลุมรักเกาะภูเก็ต จนถึงขั้น เขาไปหาตำแหน่งงานว่างในเมืองภูเก็ตกับ เว็บหางาน อย่างไทยจ๊อบ เพื่อหางานทำให้จังหวัดนี้กันเลยทันที ซึ่งหน้าที่การงานที่ดิฉันได้ทำ และรับผิดชอบอยู่ในปัจจุบันนี้ ก็ไม่ได้แตกต่างจากการทำงานที่เชียงใหม่มากนะ แต่ความรู้สึกที่ได้รับมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายกับการให้บริการนักท่องเที่ยวนานาชาติที่มีเงื่อนไขชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงตามเชื้อชาติ และสัญชาติ ซึ่งหน้าที่ของเราคือการแสดงตนเป็นผู้ยึดถือธรรมเนียมแห่งล้านนาอย่างเต็มรูปแบบในการให้บริการ แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่บรรยากาศรอบตัวหล่อหลอมให้นักท่องเที่ยวมีจุดร่วมเดียวกันคือการดื่มด่ำความสุขแห่งท้องทะเลสีครามให้ได้มากที่สุด จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่นี่ไม่โฟกัส กับความเป๊ะมากนัก สามารถยืดหยุ่นตามคลื่นลมทะเลได้บ้าง นี่จึงอาจเป็นความแตกต่างสำคัญที่ทำให้ดิฉันหลงรักเมืองนี้มากยิ่งขึ้น จนหันหลังให้กลับบ้านเกิดและมุ่งหน้าสานฝันของตัวเองต่อที่เกาะภูเก็ต
แต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉันไม่เคยละเว้น นั่นคือการต้องออกไปดื่มดำกับพระอาทิตย์ยามเช้าที่อ่าวมะขามและเต็มอิ่มกับพระอาทิตย์ยามเย็นพร้อมกับอาหารค่ำ ที่แหลมพรหมเทพหรือหาดไม้ขาวในบางวัน เพราะวันเสาร์และวันอาทิตย์ฉันจะต้องเปิดทางให้กับนักท่องเที่ยวจากแดนไกลได้เข้าไปสัมผัสกับแสงแดดสุดท้ายของวันที่แหลมพรหมเทพก่อนที่นักท่องเที่ยวจะได้แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาในวันรุ่งขึ้น ในขณะที่ดิฉันสามารถที่จะมารับพลังอันลึกลับจากดวงอาทิตย์ ณ ที่แห่งนี้ได้ทุกวัน เพราะตั้งใจนะว่าจะอยู่ที่นี่ไปอีกนานแสนนาน นี่ถ้าพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่คงจะนึกโกรธลูกสาวน่าดูที่มาหลงเสน่ห์พระอาทิตย์แห่งเมืองภูเก็ตแทนที่จะกลับไปทดแทนบุญคุณบ้านเกิด แต่จะทำยังไงได้ล่ะเพราะตอนนี้เราตกหลุมรักเมืองมากเสน่ห์แห่งนี้ไปจนหมดใจซะแล้ว