มนต์เสน่ห์เชียงคาน

มนต์เสน่ห์เชียงคาน

สวีดัส สวัสดีค่ะทุกๆท่าน วันนี้เราจะพาไปท่องเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ...เสน่ห์ของเมืองท่องเที่ยว...เสน่ห์ของบรรยากาศ...และเสน่ห์ของผู้คน          

                              

.......เสน่ห์เชียงคาน........

                    

การไปเชียงคานครั้งแรก...ค่อนข้างจะตื่นตาพอสมควรค่ะ  เพราะเราไม่ได้เปิดโลกของการเที่ยวมานานหลายเดือน มัวแต่อุดอู้กับการทำงาน    และปลายปีนี้เป็นต้นไป ตั้งใจไว้ว่าจะทำตามใจตัวเองพอสมควร...อยากจะไปไหน..อยากจะทำอะไร..อยากจะเที่ยวที่ไหน...จะตามใจตัวเองหมดเลย                                        
                                        
เริ่มต้นจากการบินจากกรุงเทพไปจังหวัดเลยในช่วงบ่าย และเดินทางด้วยรถส่วนตัวเพื่อที่จะไปอำเภอเชียงคาน ...ระยะเวลาตอนถึงเชียงคานก็พอดิบพอดีของช่วงเวลายามเย็น...ตามที่ตั้งใจไว้ว่าอยากจะเก็บรูปบรรยากาศริมฝั่งโขงยามเย็น...                                        
                                        
วันที่มาเป็นวันเสาร์ทำให้บรรยากาศของเชียงคานในวันนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่เยอะมากๆ...และอากาศในวันนั้นก็ร้อนอบอ้าวมากด้วยเช่นกัน    แต่ตัวเราเองก็พยายามเดินถ่ายรูป..

เสพบรรยากาศให้ได้มากที่สุด กับเวลาที่ค่อนข้างจะจำกัด                                        
                                        

.......ปล่อยใจให้สบายๆไปกับบรรยากาศเบื้องหน้า........    

                  


บรรยากาศริมฝั่งโขงยามเย็น

 

บรรยากาศริมฝั่งโขงในยามเย็นสวยมากๆค่ะ  มองดูสายน้ำแล้วทำให้ใจชุ่มฉ่ำ บวกกับแสงนวลๆของพระอาทิตย์ที่กำลังตก...บรรยากาศชวนให้หลงเสน่ห์แม่น้ำโขงมากๆ
 

 

ถนนคนเดินเชียงคาน

หลังจากเดินถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกจนแสงลับตาไปแล้วเราก็ไปเติมพลังและเดินเล่นตรงถนนคนเดินของเชียงคาน...สัมผัสบรรยากาศกับพ่อค้าแม่ค้าและภาษาเลยกันค่ะ  ภาษาเลยเป็นภาษาที่น่ารัก เราเป็นคนอิสานเหมือนกัน แต่สำเนียงการพูดไม่เหมือนจังหวัดเลยสักนิดเดียวเลย...ภาษาเลยฟังแล้วน่ารักดีค่ะดูมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง

กิจกรรมยามเย็นที่เชียงคานก็จะมีการเดินถ่ายรูปพระอาทิตย์ตก  กินข้าวริมฝั่งโขง การเดินถนนคนเดิน...และการดื่มเบียร์เย็นๆนั่งชิลริมฝั่งโขงค่ะ  พอตกกลางคืนมาอากาศก็จะเริ่มเย็นลงนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับหนาวค่ะ อากาศกำลังดี เหมาะแก่การนั่งชิลล์พร้อมถือเบียร์วุ้นเย็นๆไว้ในมือ

 

เช้านี้ที่ภูทอก

เช้าตรู่เราได้ออกเดินทางไปที่ภูทอก เพื่อที่จะไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้ากับบรรยากาศภูเขาของเชียงคาน ถือได้ว่าเป็นเช้าที่วุ่นวายมาก เพราะผู้คนมากมาย  เราไม่ชินกับบรรยากาศการเที่ยวแบบนี้เท่าไหร่ เพราะไม่ได้เที่ยวแบบเจอผู้คนเยอะๆแบบนี้มานาน แต่การได้ขึ้นไปยอดภูทอก ทำให้ทุกอย่างลบล้างความวุ่นวายออกไปได้หมด เพราะบรรยากาศตรงหน้าสามารถ
ทำลายสิ่งเหล่านั้นลงได้หมด......บรรยากาศสวยจริงๆ....บรรยายไม่ถูกค่ะ ต้องไปชมด้วยตาของตัวเอง...                        
                        
บรรยากาศอากาศเย็นนิดๆกับวิวภูเขาด้านหน้าที่สลับซับซ้อนไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา...เป็นทริปที่ไม่ต้องเหนื่อยในการเดินป่าเพื่อขึ้นไปชมบรรยากาศวิวด้านบน  แต่เราสามารถนั่งรถขึ้นไปเพื่อเสพบรรยากาศได้แบบสำเร็จรูปได้เลย....นี่แหละที่เรากล้าบอกได้เลยว่า...นี่คือเสน่ห์เชียงคาน....                        
                        
ผุ้คนมากมายขวักไขว่แย่งที่กันเพื่อที่จะถ่ายรูปด้านหน้า...แต่บรรยากาศตรงหน้ามันสามารถทำให้ใจเราสงบได้ค่ะ                        
                        

"   มนต์เสน่ห์เชียงคาน   "   

 

สายน้ำยามเช้าที่แก่งคุดคู้  

                          
....นกที่ตื่นแต่เช้า ย่อมจับหนอนได้ก่อน....             
                            

ไม่รู้ว่าสุภาษิตนี้จะเกี่ยวข้องตรงไหน...แต่เราคิดว่าการตื่นเช้ามาทันแสงยามเช้าที่แก่งคุดคู้เรารู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับการตื่น     เสน่ห์ขอการตื่นเช้าก็อยู่ตรงนี้แหละค่ะท่าน...เสน่ห์ของแสงแดดและเสน่ห์ของผู้คน....                            
                            
แก่งคุดคู้ช่วงที่เรามาจะมีน้ำเยอะหน่อย ช่วงปลายฝนต้นหนาว ทำให้มองไม่เห็นแก่งกลางแม่น้ำโขงเท่าที่ควร ...
แต่เท่านี้ก็ถือว่าดีกว่าที่คาดคิดค่ะ  ยามเช้าเราจะเจอชาวบ้านมาจับปลาค่ะ เรารอถ่ายรูปอยู่ตรงนั้นก็เห็นผ่านมา2ลำค่ะ
แค่นั่งมองและนั่งรอจังหวะถ่ายรูป เพลินๆค่ะ     จบทริปถ่ายรูปแบบสวยงามค่ะ      

                      
...เพลินตา....สบายใจ....  

 

อย่ามัวแต่ค้านใจตัวเองว่าไม่มีเวลาไปท่องเที่ยวเพราะลำพังนั่งทำงานทั้งสัปดาห์ก็เหนื่อยแล้ว  

 

ออกไปใช้ชีวิต...เปิดหูเปิดตา...ให้กำไรชีวิตกันค่ะ    


                        

ปล.รูปที่ลงรีวิวเป็นรูปจาก 2 กล้อง กล้องของเราเองและกล้องเพื่อนร่วมทริป              

ปล.ระยะเวลาเที่ยว 2 วัน 1 คืน ฉบับมนุษย์เงินเดือนผู้รีบเร่งกับการทำงาน