ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ทริปเขาหลวงสุโขทัย [สุข-โข] | ขึ้นสุด ลงสุด จุกที่เขาลูกเดียว เขาหลวงสุโขทัย อุทยานแห่งชาติรามคำแหง
    • โพสต์-1
    Namee •  พฤศจิกายน 07 , 2563

    เขาหลวงสุโขทัย : ขึ้นสุด ลงสุด จุกที่เขาลูกเดียว

    ทริปเขาหลวงสุโขทัย - อุทยานประวัตศาสตร์สุโขทัย |  2 วัน 1 คืน
    อุทยานแห่งชาติรามคำแหง | 17-18 ตุลาคม 2563

    "เขาหลวงสุขโข" ทริปที่ไม่เคยหาข้อมูล อ่านรีวิวเกี่ยวกับที่นี่เลย เห็นเพียงรูปถ่ายที่เพื่อนๆ ในเฟส
    นิยมไปเดินกัน เพราะจากรูปดูเหมือนคนที่ไปแต่ละคนแบบเดินชิลๆ สบายๆ เลยคิดว่าที่นี่น่าจะง่ายๆ
    และความสูงแค่ 1,200 เมตร ที่เห็นจากรูปคือ ใครไปที่นี่ต้องไปยืนถ่ายรูปที่ "ผาเขานารายณ์" กับ "ทะเลหมอก"
    #เที่ยวป่าแบบจอยทริปเด้อออ

     

    :::มารู้จักเขากัน:::

    "เขาหลวงสุโขทัย"  ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง จ.สุโขทัย  สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร เป็นภูเขาที่มีหน้าผาสูงชัน และมียอดเขาสูงที่สุดอยู่ทางด้านทิศใต้ของเมืองสุโขทัย และครอบคลุมพื้นที่ของ อ.เมืองสุโขทัย อ.บ้านด่านลานหอย และ อ.คีรีมาศ บนยอดเขามีทิวทัศน์ที่สวยงาม ประกอบด้วยยอดเขา 4 ยอดด้วยกัน คือ "ยอดเขานารายณ์" สูงจากระดับน้ำทะเล 1,160 เมตร บริเวณเขานารายณ์มีหน้าผาที่สวยงาม และสูงชันเหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อน สามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบเขา ในเวลากลางคืนจะเห็นแสงไฟจากจังหวัดสุโขทัย และจังหวัดพิษณุโลก "ยอดเขาพระแม่ย่า" สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร เดิมเคยเป็นที่ประทับจำศีลภาวนาของพระแม่ย่า "ยอดเขาภูกา" สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร และ"ยอดเขาพระเจดีย์" สูงจากระดับน้ำทะเล 1,185 เมตร

    ผานารายณ์ : จุดไฮไลท์เขาหลวงสุโขทัย

     

    :::ขั้นตอนการท่องเที่ยวอุทยานฯ :::
           - อุทยานแห่งชาติรามคำแหง รับนักท่องเที่ยวจำนวน 200 คน/วัน
           - นักท่องเที่ยวสามารถจองผ่านช่องแอพพลิเคชัน App QueQ (จองก่อนวันเดินทาง 15 วัน) ก่อนเข้าอุทยานฯ  
           - นักท่องเที่ยว Walk in เริ่มแจกบัตรคิว 05.30 น. รับจำนวน 60 คน/วัน
           - อุทยานเปิดให้ขึ้นเวลา 08.00 น. และไม่อนุญาตให้ขึ้นเขาหลังเวลา 15.30 น. 
           - ค่าบริการเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ คนละ 40 บาท และเด็ก 20 บาท

    ปล. ตามมาตราการป้องกันและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ก่อนเข้าอุทยานฯ  จะมีจุดตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และเจลแอลกอฮอล์

     

    ที่ทำการอุทยานแห่งชาติรามคำแหง (ภาพมุมสูง ณ จุดชมวิว)

     

    ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ณ จุดพักแค้มป์

     

    :::ที่ทำการอุทยานแห่งชาติรามคำแหง:::

     >> ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว : เป็นจุดรายงานตัวสำหรับนักท่องเที่ยว และเป็นจุดบริการต่างๆ จุดบริการเช่าเต็นท์และถุงนอน จุดบริการจ้างลูกหาบ จุดบริการร้านค้าสวัสดิการ จุดบริการห้องน้ำห้องอาบน้ำ จุดบริการที่จอดรถ ฯลฯ
    >> จุดบริการเช่าเต็นท์และเครื่องนอน (เก็บใบเสร็จไว้รับของที่จุดบริการข้างบน)
          - เต็นท์ ขนาด 2 คน ราคา 150 บาท/หลัง/คืน
          - เต็นท์ ขนาด 3 คน ราคา 225 บาท/หลัง/คืน
          - เต็นท์ ขนาด 6 คน ราคา 600 บาท/หลัง/คืน
           - ถุงนอน 30 บาท/คืน
          - แผ่นรองนอน 20 บาท/คืน
          - ผ้าห่ม 20, 30 บาท/คืน
          - ผ้าเสื่อ 20บาท/คืน
    >> ค่าบริการอื่นๆ      
            - ค่ามัดจำขยะ 200 บาท (ลงมาได้คืน)
            - ค่าบริการสถานที่ 30 บาท/คน/คืน  กรณีนำเต็นท์มาเอง

    สอบถามข้อมูลอุทยานฯ
    โทรศัพท์ : 098-8839297 
    เฟซบุ๊ก : www.facebook.com/RamkhamhaengNationalPark/
    ปล. กรุณาศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวให้พร้อม เพราะการที่ไม่ได้หาข้อมูลก่อนเที่ยวทำให้ไม่รู้ว่าที่แค้มป์มีอะไรบ้าง เช่น มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำให้บริการด้วย 555++ ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อาบน้ำใดๆ ไปเลยจร้า เพราะเป็นทริปที่ไม่ได้อ่านข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับที่นี่เลย
     

     

    17 ตุลาคม 2563
    วันแรกของการเดินทาง
    ______________________________________


    >> มาถึงตอนตี 4 จุดแรกคือด่านตรวจเพื่อลงทะเบียน ทางอุทยานฯ จำกัดการขึ้นอยู่ที่ 200 คน ต่อวัน โดยสิทธิ์ในการจองออนไลน์ 140 คน สำหรับใครที่ทำการจองผ่านออนไลน์มาแล้วเมื่อมาถึงสามารถแจ้งชื่อหรือแจ้งกรุ๊ปที่ด่านตรวจก่อนเข้าอุทยานฯ ได้เลย  แต่สำหรับใครที่เดินทางมาหน้างานเลยไม่ได้ผ่านการจองใดๆ มาก่อน สิทธิ์การลงทะเบียนหน้างาน 60 คน โดยเริ่มให้ลงทะเบียนได้ตอนตี 5 ครึ่ง (ส่วนถ้ามีคนเกินยอดที่กำหนดไม่แน่ใจว่าทางอุทยานฯ อนุญาตให้เข้าหรือเปล่านะ)

    ไม่ได้จอง QueQ เลยต้องรอคิวลงทะเบียนตอนตี 5 ครึ่ง

      
    >> จุดศูนย์บริการนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวทุกคนต้องจ่ายค่าเข้าอุทยานและลงทะเบียนก่อนขึ้นพิชิตยอด รวมถึงเป็นสถานที่ที่ให้ทุกคนเปลี่ยนเสื้อและจัดการสัมภาระส่วนตัวกัน และถ้าใครจะใช้บริการจ้างลูกหาบคือต้องจัดเตรียมของให้พร้อมและนำไปยังจุดบริการลูกหาบเพื่อชั่งน้ำหนักสัมภาระ กิโลละ 25 บาท (ลูกหาบมีน้อยอยากใช้สอยต้องรีบ)

     

    >> จุดบริการร้านค้าสวัสดิการ มีบริการน้ำ เครื่องดื่ม ขนม และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ส่วนอาหาร ต้องซื้อคูปองก่อนสั่งข้าว (เป็นข้าวราดแกง) นักท่องเที่ยวสามารถสั่งข้าวห่อเตรียมไว้กินมื้อกลางวันได้เลย ณ จุดบริการนี้

    ถ้ามาเที่ยวช่วงคนเยอะก็จะประมาณนี้ต่อแถวซื้อข้าวเช้า

     

    >> เมื่อทุกอย่างพร้อมออกเดินเท้า ทุกคนจะต้องก้าวเท้าเข้าสู่ประตูผู้พิชิตยอดเขาหลวงสุโขทัย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแรกที่ต้องทำคือการกราบไหว้บูชาศาลพระแม่ย่า และศาลพระ... (จำชื่อไม่ได้) เพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่าเจ้าเขาให้ปกป้องคุ้มครองกันก่อนนะจ๊ะ พวกเราเริ่มออกเดินเท้ากันประมาณ 8.45 น. ระยะทาง 400 เมตรแรก  เป็นทางราบเดินสบายๆ ชิลๆ หลังจากนั้นต้องไปลองเดินกันเองนะ

    ศาลพระแม่ย่า

     

    >>  ระหว่างเดินเท้าบรรยากาศดีไม่ร้อน เพราะเป็นช่วงที่พายุยังเข้าโซนประเทศไทยอยู่ทำให้ฝนตกช่วงเดือนตุลาคม แต่ก็ทำให้เดินสบายไม่ร้อน แต่มีฝนตกระหว่างเดินเท้าอยู่บ้าง ถ้าจะถามถึงเรื่องความโหดอะรึบอกได้คำเดียวว่าที่สุดของแจ้

    ถามว่าเหนื่อยมากไหม >> เราให้ภาพบรรยาย

     

    ​>>  จุดพัก และจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวเขา ที่ทำการอุทยานฯ และทัศนียภาพโดยรอบในแถบบริเวณนั้น

    คนนี้คือ "หัวหน้าหมู่"

     

     

    >>  เดินกันแบบชิลๆ ถ่ายรูปเล่นเพราะกลัวว่าขากลับฝนจะตกอาจไม่มีโอกาสได้เก็บบรรยากาศกัน 
     

    จะมีป้ายบอกจุดพักตลอดเส้นทาง    

     

    >> จากครึ่งทางระหว่างเดินเท้าที่สัมผัสถึงความรู้สึกของขานั้น ทำให้รู้เลยว่าเขาลูกนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เป็นการเดินพิชิตเขาเพียงแค่ลูกเดียวจากระดับความสูง 200 เมตร ขึ้นสู่ความสูง 1,200 เมตร ถ้าถามว่าเป็นเช่นไร ตอบเลยว่าสงสารขาตัวเองมาก ที่คิดว่าไม่โหดมันคือแค่ความคิด แต่ความเป็นจริงนั้น...

    ทางชันสุดท้ายก่อนถึงจุดพักแค้มป์

     

    เจ้าถิ่น >> นางน่าจะท้องอยู่

     

     

    >> ถึงที่พักประมาณบ่ายโมงกว่า เดี๋ยวฝนตก ฝนปรอย หมอกลงหนัก  เป็นแบบนี้ตลอดทั้งวันถึงมืด อากาศก็เลยเย็นๆ ก็พักขา พักเข่า รอดูสถานการณ์กันต่อไป ขึ้นมาถึงเร็วก็จะมีเวลาได้พักนานหน่อยก่อนไปเดินเที่ยวเล่นรอบเขา

    จุดชมวิว ณ จุดพักแค้มป์

     

    เธอเหนื่อยอยู่ละ เราดูออก

     

    ข้าวกลางวันกับความรู้สึกผิดหวังเมื่อเปิดมาไม่เจอไข่ต้ม (ไหนบอกว่ามี) 

     

    >>  ระหว่างนั้น ก็นอนจ๊ะ นอนรอฟ้ากันไปว่าฟ้าเปิดรึไม่ โดยที่ก็ไม่รู้... ว่าเมื่อไรจะฟ้าเปิด จะได้ออกไปพิชิตกันรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่แล้ว 4 โมงกว่าๆ บรรยากาศเริ่มดีขึ้นรอไม่ได้แล้วจร้าา ต้องรีบออกไปเดินเล่นพิชิตยอด 4 กุมารกันต่อเลย รวมระยะทางก็น่าจะประมาณ 2 กม. ได้

    >>  แต่ละยอด แต่ละยอดนั้นระยะทางก็ไม่ไกล ไม่โหด ไม่ห่างกันมากนัก เราก็เลือกที่จะไป "ผาชมปรง" กับ "เขาพระแม่ย่า" (จุดชมพระอาทิตย์ตก) แต่สิ่งที่เราพบ เราพบกับสายฝนที่ตกปรอยๆ และตกหนักตลอดทาง พบกับพายุหมอกที่ลงมาจัดหนักปิดบังทัศนียภาพไปหมดทุกจุดชมวิว แถมมาพร้อมกับลมที่พัดแรงแสนแรง มาครบองค์ประชุม

     

    >> มุ่งหน้าสู่จุดชมวิว "ผาชมปรง" เดินไปชมวิวแบบไม่มีความคาดหวังใดๆ

    "พายุหมอก" ที่มาพร้อมกับสายลมที่พัดแรงๆ ถ้ามีพลังคงเสกให้เจอแต่ "ทะเลหมอก"

     

    >> มุ่งหน้าไปต่อสู่จุดชมวิว "เจดีย์" และ "ภูกา" ก็ได้อีกบรรยากาศหนึ่งอารมณ์เหมือนเดินเล่นอยู่ในความฝัน

     

    >> เมื่อมองไม่เห็นอะไรนอกจากหมอก และก็หมอกๆๆๆๆ ก็มุ่งหน้าไปต่อสู่จุดชมวิวสุดท้ายของวัน "เขาพระแม่ย่า" จุดชมพระอาทิตย์ตก แต่ไม่ได้มีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านั้น ทนเฝ้ารอทั้งที่รู้คำตอบ ถามว่าจะมาซ้ำอีกไมบอกเลยว่าไม่  

     

    >> เราก็ยังอุตส่าห์นั่งเฝ้ารอว่าจะได้เห็นพระอาทิตย์ตก เผื่อ............. แต่ทนรอไม่ไหวเพราะความหิว เลยขอปิดทริปของวันนั้นด้วยอาหารมื้อเย็นที่โคตรจะฟินกับปิ้งย่าง #ที่ราบไม่เคยไปกินชอบแต่ที่สูงๆ

     
    • โพสต์-2
    Namee •  พฤศจิกายน 07 , 2563

    เขาหลวง สุขโข หรือ เศร้าโข

    18 ตุลาคม 2563
    วันที่ทะเลหมอกไม่มีอยู่จริงๆ
    ______________________________________

     

    >> เป็นค่ำคืนที่ฝนตกลมแรงมาจนถึงเช้ามืด ตามฤกษ์คือพระอาทิตย์จะขึ้นตอน 6.15 น. แต่ดูแล้วรีบไปก็เท่านั้นหมอกเพียบ พวกเราออกเดินเท้าตอน 6 โมง เพื่อขึ้นไป ผานารายณ์ (จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น) ระยะทางประมาณ 600 เมตร วิวจากผานารายน์สามารถมองเห็นตัวเมืองสุโขทัยและเขื่อนได้ แต่สิ่งที่พบเมื่อขึ้นไปถึง คือ ผู้คนที่มากมายอยู่ทามกลางหมอกที่หนาจัด และไม่มีวี่แววที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น และตัวเมืองสุโขทัยเลย

     

    >> เฝ้ารอไปถึง 7 โมงกว่า ทะเลหมอกไม่ต้องไปคาดหวัง พระอาทิตย์ขึ้นคือปล่อยผ่าน ขอแค่ให้หมอกที่บังทัศนียภาพวิวนั้นหายไป แต่ฟ้าก็ยังพอเห็นใจนะให้หมอกไปๆ มาๆ 

    มุมมหาชน มุมที่ทุกคนต้องมีภาพถ่ายคู่กับเขาบนยอดผา

     

     

    >> รอคิวขึ้นไปถ่ายภาพที่จุดไฮไลท์ ปาไป 8 โมงกว่า จนชาวบ้านเขาทยอยกลับกันเกือบหมดละ แล้วฝนนั้นก็ชั่งเป็นใจดันปรอยลงมาอี๊กกกก ชีวิตหนอต้องรีบถ่ายรีบลงไปกินข้าวเก็บสัมภาระ เพื่อลงเขาก่อน 9 โมง ระหว่างรอก็มีโอกาสได้ถ่ายรูปเล่นเก็บบรรยากาศรอบๆ กันไป

     

    >> ถึงคิวปั๊บรีบถ่ายแบบรัวๆ เพราะฝนเริ่มปรอยๆ และพวกเราก็ดันเป็น 3 คนสุดท้ายของกลุ่มที่เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการที่ต้องรีบลงไปกินข้าว เก็บสัมภาระส่วนตัวทุกสิ่งอย่างก่อนลงเขา เริ่มออกเดินเท้าตอน 08.40 น. ขาลงจะใช้งานเข่าเยอะหน่อย และด้วยที่ฝนตกทั้งคืนเส้นทางก็จะเละเป็นพิเศษ แต่ขาลงจะเร็วกว่าขาขึ้นเขา ใช้เวลาในการเดินลงเขาไม่ถึง 2 ชั่วโมง (ความเร็วขึ้นอยู่กับกำลังขาของแต่ละคน)

     

    >> ปิดจ๊อปก่อนลงเขาด้วยซาลาเปา กาแฟร้อน  และข้าวต้มเบาๆ กับบรรยากาศเย็นๆ ทามกลางฝนตกปรอยๆ ก่อนที่จะต้องเตรียมขาเตรียมใจในการเดิน

    >> พวกเราออกจากอุทยานฯ ประมาณบ่ายโมง ไปแวะกินร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยบ้านนา (ร้านอาหารสะอาด อร่อย มีของฝากด้วยโดยเฉพาะถั่วทอดอร่อยมาก (ชอบส่วนตัว)) ก่อนเดินทางไปเที่ยววัดศรีชุมเป็นที่แรก และอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนากันจร้าาาา

     

    ขอปิดทริปด้วยการพาเที่ยวชม
    วัดศรีชุม และอุทยานประวัตศาสตร์สุโขทัย

    ___________________________________________

     

    :::สิ่งอำนวยความสะดวก ณ จุดพักแค้มป์:::
    -  จุดศูนย์บริการนักท่องเที่ยวนำใบเสร็จเพื่อแจ้งรับอุปกรณ์เครื่องนอน (ที่ทำการเช่าไว้ที่ทำการอุทยานฯ ด้านล่าง)
    -  จุดร้านค้าสวัสดิการ  มีบริการขนม น้ำอัดลม (กระป่องละ 35 บาท) อาหารแห้งสำเร็จรูป และข้าวไข่เจียวจาน ละ 60 บาท
    -  จุดบริการน้ำเปล่า (สำหรับกินและทำอาหาร) 
    -  จุดบริการห้องอาบน้ำ และห้องน้ำ (เตรียมอุปกรณ์อาบน้ำไปได้สำหรับคนรักสะอาด)


    :::สิ่งที่ต้องเตรียมในการเดิน:::
    - กระเป๋าเป้, ของใช้ส่วนตัว, เสื้อผ้ากันหนาว, เสื้อกันฝน, รองเท้าผ้าใบ
    - หมวก, ปลอกแขน  
    - ถุงนอน, ไฟฉาย
    - ไม้เท้าเดินป่า (ถ้ามี) 
    - ขนมที่ให้พลังงานสูง
    - ยาประจำตัว, โลชั่นกันยุง
    - ทิชชูแห้ง, ทิชชูเปียก


    :::ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง:::
    >> เที่ยวแบบจอยทริปราคา 2,700 บาท (ค่าใช้จ่ายนี้รวม)
    - ค่ารถตู้ ค่าเชื้อเพลิง ค่าเข้าอุทยาน ค่าลูกหาบส่วนกลาง ค่าเต็นท์ พัก 3 คน 
    - ค่าอาหาร 5 มื้อ ค่าน้ำดื่ม อาหารว่าง
    - ค่าประกันอุบัติเหตุ

     

    By : Namee Be Bear

    #เที่ยวให้มีความสุขและสนุกกับสิ่งที่ทำ #เมื่อไรที่เริ่มออกเดินเมื่อนั้นเราก็จะเริ่มเหนื่อย!

    ขออภัยหากมีข้อมูลส่วนใดผิดพลาดไป
    Fanpage : www.facebook.com/KanXengStudio