เมื่อฤดูฝนมาเยือน...ตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงปลายกันยายนของทุกปี บรรยากาศอันชุ่มฉ่ำเขียวขจีของ เขาช่องลม หรือ น้ำตกช่องลม ก็จะถูกปลุกให้กลับมาเป็นกระแสในโลกโซเชียลอีกครั้ง ภาพทิวทัศน์โขดหินลำธารท่ามกลางหุบเขา และทุ่งหญ้าที่เขียวขจี เป็นภาพที่ใครหลายคนเห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า "ที่แห่งนี้อยู่ในเมืองไทยจริง ๆ หรือ?" และนั่นจึงทำให้เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวต่างมุ่งหน้าไปยัง เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก กันอย่างไม่ขาดสายไม่ว่าจะเป็นวันหยุดหรือวันธรรมดา เพื่อจะได้ไปเห็น และสัมผัสความสวยงามของแลนด์มาร์คของฤดูฝนแห่งนี้ด้วยตัวเอง
เดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยังเขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ในช่วงพีคของฤดูกาลท่องเที่ยวโดยเฉพาะวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดยาว ปริมาณรถจะหนาแน่นมาก แนะนำให้เผื่อเวลาสำหรับการเดินทาง การหาที่จอดรถ และการต่อคิวสำหรับซื้อตั๋วเรือด้วย โดยจุดจำหน่ายตั๋วสำหรับนั่งเรือนำเที่ยว จะอยู่ใกล้ ๆ กับลานจอดรถ มีค่าบริการนำเที่ยวคนละ 200 บาท โดยจะมี 2 จุดไฮไลต์ คือ “จุดต้นน้ำ" และ “เขาช่องลม” ใช้เวลานั่งเรือเข้าไปยังจุดท่องเที่ยวประมาณ 20 นาที แต่ละจุดจะมีเวลาให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นถ่ายรูปกันตามอัถยาศัย ราว 40 นาที โดยรวมแล้วตลอดโปรแกรมจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
สำหรับจุดแรกที่เป็นจุดต้นน้ำ นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับวิวโค้งน้ำรูปตัว S ท่ามกลางวิวเขาอันอุดมสมบูรณ์ ทุ่งหญ้าที่กำลังเขียวขจีอยู่ทั่วบริเวณ ไฮไลต์ของจุดนี้ดูเหมือนจะเป็นหินก้อนเล็กก้อนน้อยที่โผล่อยู่ตามลำธาร ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมกันลงไปยืนโพสต์ท่าทางต่าง ๆ นานาไว้เป็นที่ระลึก จุดนี้แม้ว่าระดับน้ำจะสูงเพียงช่วงขาแต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังกันด้วยนะครับ
จุดต่อไปคือจุดที่เรียกว่า "เขาช่องลม" หรือ "น้ำตกช่องลม" ที่นี่จะมีทิวทัศน์ที่ต่างจากจุดแรกพอสมควร ระยะความกว้างของธารน้ำจะแคบลง สามารถเดินข้ามได้โดยง่ายเพียง 3-4 ก้าวเท่านั้น หลายจุดด้วยกันมีลักษณะเป็นแก่งหินน้ำตกขนาดเล็กสามารถลงไปนั่งแช่ขาพักผ่อนหย่อนใจกันได้แบบเพลินๆ
การเดินทางมาท่องเที่ยวยังเขาช่องลม แนะนำให้เดินทางมาถึงตั้งแต่เช้า เพราะนอกจากอากาศ และแดดจะไม่ร้อนจนเกินไปแล้ว แสงช่วงเช้ายังถ่ายรูปออกมาสวยมาก ๆ อีกด้วย การเตรียมตัวก่อนลงเรือแนะนำให้เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย เพราะตามจุดท่องเที่ยวระหว่างทางจะไม่มีห้องน้ำบริการ เตรียมน้ำดื่ม และสัมภาระที่ติดตัวไปเท่าที่จำเป็นเท่านั้นเพื่อสะดวกต่อการเดิน และการปีนป่ายในบางจุด รองเท้าแนะนำเป็นคู่ที่พร้อมเลอะพร้อมลุย ชุดที่สวมใส่ควรเป็นชุดที่ระบายอากาศได้ดี และอย่าลืมใส่หมวก หรือพกร่มเล็ก ๆ ไปด้วยนะครับ