ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    JumPoon •  พฤษภาคม 07 , 2560

    วัดยานนาวา

    บางรัก เยิฟ เยิฟ

              เสาร์อาทิตย์นี้กะว่าจะนอนผึ่งพุงอยู่ในห้องดูทีวี แต่สัญญาณเคเบิลทีวีที่คอนโดมีปัญหา ประกอบกับมีพี่ที่ทำงานเข้ากรุงตอนเช้าวันเสาร์ เลยคิดว่าไม่อยู่แล้วศรีราชา เข้ากรุงเดินเที่ยวดีกว่า จุดเริ่มต้นเมืองกรุงของเราตามที่พี่เขาสะดวกมาส่งอยู่ที่ BTS จตุจักร เรานั่ง BTS ไปที่สถานีสะพานตากสิน ถึงตอน 9.00 น. เดินมาตรงทางออกที่ 4 จากสถานีเห็นหลังคาวัดสวยๆ อยู่ใกล้ๆ สถานี ที่แรกของเราวันนี้ 

    วัดยานนาวา

            วัดยานนาวา เป็นวัดโบราณมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แถวถนนเจริญกรุง เดิมชื่อ วัดคอกควาย ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรีได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง มีชื่อใหม่ว่า วัดคอกกระบือ ในสมัยรัชกาลที่ 3  โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัด และสร้างสำเภาพระเจดีย์แทนพระสถูปเจดีย์ทั่วไป และเรียกชื่อใหม่ว่า วัดยานนาวา

            เราเข้าไปครั้งแรกนึกว่าอยู่เมืองจีน คนจีนเต็มวัด มีรถบัสหลายคันจอดอยู่ภายในวัด เราเดินขึ้นด้านบนของอาคารแรกทางด้านขวามือ อาคารมหาเจษฏาบดินทร์ ด้านบนมีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร บนอาคารนี้เงียบสงบดี มีคนมานั่งสมาธิหน้าพระพุทธรูปด้วย เราเดินกราบแบบเบาๆ แล้วก็ลงจากอาคาร มาอาคารด้านล่างอีกหลัง มีพระธาตุ มีพระพุทธรูป ให้กราบไหว้บูชา ภายในอาคารหลังนี้มีวัตถุมงคลให้เช่า คนจีนก็เช่า บางคนเช่าแล้วให้พระสงฆ์สวดมนต์ให้ แล้วก็สวมใส่เลยทันทีก็มี

            ออกจากอาคารนี้ก็ไปขึ้นเรือสำเภาเจดีย์ แล้วก็เข้าไปในพระอุโบสถที่อยู่ด้านหลังสำเภาเจดีย์ ออกมากราบพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับยืนหน้าพระสำเภาพระเจดีย์ ตรงกันข้ามกับสำเภาเจดีย์มีพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกขาว เราใช้เวลาอยู่ในวัดยานนาวา 1 ชั่วโมง เราหิวข้าวมาก ตั้งแต่เช้ามีแค่อเมริกาโน่แก้วเดียวลงท้อง เราเลยรีบเดินออกไปหาของกิน แว่วมาว่าของกินละแวกนั้นขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยเป็นอย่างมาก เรางี้รีบเดินไวไวเลย

     

    • โพสต์-2
    JumPoon •  พฤษภาคม 07 , 2560

    ของกิน ถิ่นบางรัก

    โหมงหวอ น้ำขมในตำนาน ไหนไหนก็มาแล้ว ต้องลอง เราเลยบอกทางร้านว่าเอามาลองแก้วหนึง เจ้าของร้านเห็นเรามุ่งมั่นขนาดนั้นเลยบอกว่า มันขมจริงๆ นะครับ เอาแบบผสมกับน้ำเก๊กฮวยจะดื่มง่ายกว่า แต่ถ้ากินได้เพียวๆ เลยก็ดี เพราะน้ำขมช่วยในเรื่องแก้ร้อนใน ปกติเราเป็นคนกินง่าย น้ำใบบัวบก น้ำใบย่านาง แบบไม่ใส่น้ำตาลก็เคยกินมาแล้ว แค่นี้คงไม่เท่าไหร่ เราเลยบอกว่า เอามาชิมนิดเดียวก่อน จิบเข้าไป 1 อึก เท่านั้นแหล่ะ ขมจริงๆ ขมยันลำไส้ใหญ่ เราเลยบอกให้เขาผสมกินจะดีกว่า ขนาดผสมแล้วยังขม เราเลยกลั้นใจกระดกกินทีเดียว เพื่อสุขภาพ จัดไป 8 บาท และเพื่อดับความขมที่ยังอวลอยู่ในปาก เราเลยซื้อน้ำสมุนไปมาดื่มอีก 1 ขวด ราคา 20 บาท

    ประจักษ์เป็ดย่าง ถัดจากร้านน้ำขมมาไม่เท่าไหร่ เจอร้านเป็ดย่างที่เคยอ่านรีวิวผ่านๆ ตามาว่ามีมานานมาก แล้วก็อร่อยมาก ไปถึงเราสั่งบะหมี่เป็ดพิเศษ 70 บาท ต้องพิเศษ เพราะ 10 โมงกว่าแล้ว มีแต่กาแฟกับน้ำขมที่อยู่ในท้อง เรานั่งรออยู่พักหนึง นั่งมองดูคนในร้านทำงานเพลินๆ ก็ได้บะหมี่เป็ดมาเชยชม กินคู่กับน้ำสมุนไพรโหมงหวอ เข้ากันพอดีเลย  

    • โพสต์-3
    JumPoon •  พฤษภาคม 07 , 2560

    อาสนวิหารอัสสัมชัญ หรือโบสถ์อัสสัมชัญ

          กินอิ่มแล้ว เราเดินเข้าซอยเจริญกรุง 40 เพื่อไปอสานวิหารอัสสัมชัญ เราขอเรียกสั้นๆ ว่าโบสถ์แล้วกันนะคะ ไปถึงเราแหงนคอดู เป็นโบสถ์ที่สูงใหญ่มาก อ่านดูตามป้าย โบสถ์มีความสูง 32 เมตร โบสถ์อัสสัมชัญสร้างขึ้นครั้งแรกในราวปี พ.ศ. 2352 โดยบาทหลวงปาสกัลซึ่งเป็นชาวไทย-โปรตุเกส และถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2452 โดยมีสถาปนิกชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง วัสดุที่ใช้มีทั้งหินอ่อนและกระจกสี ที่สั่งมาจากประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี เมื่อเข้าไปด้านในจะเห็นว่าตรงผนังและเพดานก็งดงามด้วยจิตรกรรมแบบเฟรสโกและประติมากรรมปูนปั้น โบสถ์นี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่การที่พระแม่มารีย์ถูกรับขึ้นสวรรค์

          ก่อนเข้ามีป้ายของหลวงพ่อให้อ่านในเรื่องมารยาทการเข้าไป เราใส่กางเกงขาสั้นมา ก่อนเข้าไปในโบสถ์ เราเลยเอาผ้าคลุมไหล่มาพันรอบเอวเป็นกระโปรงยาวเลยเข่า แล้วเดินเข้าไปแบบเบาๆ เจียมเนื้อเจียมตัว แม้ตัวจะใหญ่ แต่เราก็พยายามทำตัวเล็กที่สุด และถ่ายรูปด้วยความระมัดระวัง

    • โพสต์-4
    JumPoon •  พฤษภาคม 07 , 2560

    ตึกเก่า The East Asiatic Company (Thailand Limited) ย่านบางรัก

              ตึกนี้อยู่ใกล้ๆ กับอาสนวิหารอัสสัมชัญ เราไม่รู้ประวัติความเป็นมา แต่เห็นว่าเป็นตึกเก่าที่สวยดี เลยเดินมาถ่ายรูป ที่ตึกมีติดป้ายห้ามถ่าย เราเลยถ่ายตรงถนนสาธารณะข้างตึก เพียงแต่หันหน้ากล้องไปที่ตึกเท่านั้นเอง แฮ่ แฮ่

    • โพสต์-5
    JumPoon •  พฤษภาคม 07 , 2560

    มัสยิดฮารูณ

             เราตั้งใจเดินไปที่ศุลกสถาน หรือที่เราเรียกกันติดปากตึกเก่าแถวนั้นว่าดับเพลิงบางรัก แต่ก่อนถึง เราเห็นซอยน้อยๆ หน้าปากซอยเขียนว่ามัสยิดฮารูณ แวะก่อนสิคะ รออะไร ทุกที่ที่เราได้เคยไปในชุมชนชาวมุสลิม ไม่ว่าที่ไหน เราจะสัมผัสได้ถึงความสะอาด ที่นี่ก็เช่นกัน เราไปถึงหน้ามัสยิด ซึ่งเงียบมาก ยืนถ่ายรูปเก้ๆ กังๆ อยู่ เห็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีเดินออกมาจากมัสยิด เราเลยถามว่า เราเข้าไปชมได้ไหม เราต้องขออนุญาตใครก่อนไหม หนุ่มน้อยบอกว่าต้องขออนุญาตครับ เราเลยทำตาซื่อๆ หนุ่มน้อยมองซ้ายมองขวา แล้วบอกเราว่า ถอดรองเท้าแล้วเข้าไปได้ครับ เหมือนเดิม เราทำตัวเงียบๆ เดินเบาๆ ขึ้นไปถ่ายรูปด้านบน แล้วเดินเบาๆ กลับลงมา

          มัสยิดแห่งนี้เป็นมัสยิดหลังเล็กๆ อ่านประวัติจากหน้าเว๊บของสำนักงานเขตบางรักบอกว่า มัสยิดฮารูณสร้างขึ้นโดย โต๊ะฮารูณ บาฟาเดน ชาวเมืองปนเจอะนะ ประเทศอินโดนีเซีย ที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทย เดิมทีมัสยิดฮารูณเป็นเรือนไม้สักยกพื้นชั้นเดียว เมื่อเรือนหลังเก่าทรุดโทรมลงจึงได้รื้อมัสยิดหลังเดิมออก และก่อสร้างใหม่เป็นแบบก่ออิฐถือปูนดังที่เห็นในปัจจุบัน ส่วนที่เป็นไม้ของเดิมก็นำมาประกอบ

          บริเวณชั้น 2 ที่เราขึ้นไป ตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ดูสวยงาม ด้านบนรอบโถงมีลายอักษรอาหรับ ข้อมูลจากสำนักงานเขตบางรักบอกว่า ตรงส่วนนี้ ประกอบด้วยมิมบัร (ที่สำหรับแสดงธรรม) และเมียะห์รอบ (ที่สำหรับอิหม่ามนำละหมาด) ส่วนด้านบนรอบโถงมีลายอักษรอาหรับ เป็นบทแรกในพระคัมร์อัลกุรอาน เหนือมิมบัรประดับด้วยโคมไฟที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

    • โพสต์-6
    JumPoon •  พฤษภาคม 07 , 2560

    ศุลกสถาน

              เดินออกมาจากมัสยิดฮารูณผ่านสถานทูตฝรั่งเศสเดินขึ้นไปทางแม่น้ำ เพื่อไปชม “ศุลกสถาน” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ดับเพลิงบางรัก ที่นี่เป็นตึกเก่าที่สวยงาม แต่ก็ทรุดโทรมมากเช่นกัน เราเดินถ่ายรูปอยู่คนเดียว โดยมีพี่ๆ ที่เขาอยู่แถวนั้น มองเราไปมาแบบงงๆ ว่าจะถ่ายรูปอะไรหนักหนา แหม! ก็มันดูสวยลึกลับแบบโทรมๆ ที่นี่เคยเป็นที่ทำการศุลกากร หรือ "โรงภาษี" สร้างในปี พ.ศ.2431 โดยชาวอิตาเลียน โจฮาคิม กราสลี สำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพ เราว่าที่นี่เป็นอีกสถานที่ที่ถ่ายรูปได้สนุกและมีความสุขมากจริงๆ

    • โพสต์-7
    JumPoon •  พฤษภาคม 07 , 2560

    BANGKOK FASHION OUTLET

              ก่อนถึงจุดหมายปลายทางข้างหน้าที่วัดพระศรีมหาอุมาเทวี เราผ่านสถานที่แห่งนี้ ที่ลือลั่นไปถึงเพื่อนที่ทำงานเราว่ามีของดีราคาถูก แต่ตกรุ่น มาขายลดราคาเยอะมาก เราเลยขอแวะเข้าไปชมหน่อย เราเดินดูของแบบเย็นๆ ไปเกือบ 1 ชั่วโมง ได้หมวกสานมา 1 ใบ เสื้อผ้ารองเท้าราคาลดจริงจังค่ะ แต่เราขี้เกียจหิ้ว เดือนนี้รูดบัตรไปเยอะแล้ว พอก่อน แต่ถ้าใครอยากใช้เงินแนะนำที่นี่เลย ถูกจริงๆ

    • โพสต์-8
    JumPoon •  พฤษภาคม 07 , 2560

    วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก) Maha Uma Devi Temple

             วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ วัดแขกสีลม เป็นเทวสถานฮินดู สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ถวายการบูชาพระศรีมหาอุมาเทวีซึ่งเป็นพระชายาของพระศิวะ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยคณะผู้ศรัทธาชาวอินเดียใต้ เผ่าภารตะฑราวิฑนาดู (ทมิฬ) ที่นี่เป็นเทวสถานในลัทธิศักติ คือนับถือเทพสตรี อย่างเจ้าแม่อุมาซึ่งเป็นพระชายาของพระศิวะ เมื่อยามที่พระองค์เสวยร่างเป็นเจ้าแม่อุมา จะเป็นเจ้าแห่งความเมตตากรุณา และงามสง่า ดังนั้นผู้มีจิตศรัทธาจึงนิยมไปกราบไหว้บูชา และขอพร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความรัก และ เรื่องการขอบุตร ส่วนเราก็ไปเคารพ บริจาคบำรุงเทวสถานตามปกติ แต่ไม่ได้ถวายของที่เขาจัดไว้ให้ เราแค่ยกมือไหว้ขอพรให้เดินทางไปไหนมาไหนปลอดภัยพบเจอแต่คนดีดี เท่านั้นพอ ด้านในเทวสถานห้ามถ่ายรูป แต่เราทำหน้ามึนๆ แอบถ่ายรอบนอกไปบ้างค่ะ ก่อนถ่ายก็ยกมือไหว้ขอก่อน นักบวชก็คอยดุอยู่เรื่อย เราก็เลยเดินเข้าไปไหว้ให้เจิมหน้าผากสักหน่อย ด้านในก็มีนักบวชสองสามคนดูแลอยู่ค่ะ มีเจิมหน้าผากแบบเป็นผงสีเทา กับผงสีแดง เราก็บริจาคยกมือไหว้ให้นักบวชเจิมเราไปค่ะ

              ออกมาจากวัดแขก เจอร้าน ดี เค เบอเกอรี่ ดูจากความเก่า และคนซื้อแล้ว เราว่าน่าจะอร่อย เราเลยขอซื้อขนมปังสังขยามากิน 1 ชิ้น ราคา 10 บาท กินแล้ว อร่อยมากจริงๆ เนื้อสังขยาเนียนมาก อีกทั้งไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป หวานกำลังพอดีเลย เนื้อขนมปังก็นุ่ม แต่เราไม่ได้ซื้อกลับเพราะต้องเดินเยอะและนั่งรถต่ออีก #เสียดาย

          เราเดินไปขึ้น BTS ช่องนนทรี ไปสถานีเอกมัย เพื่อนั่งรถกลับศรีราชา มาถึงที่เอกมัยฝนตกหนักเลย หิวด้วย เลยแวะหาอะไรกินรองท้องที่ GATE WAY รอฝนหยุดตกด้วย กว่าฝนจะหยุด ก็เกือบสี่โมงเย็น ได้นั่งรถกลับตอนสี่โมงครึ่ง ใช้เวลา 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงศรีราชา ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน ว่างๆ ก็เดินเที่ยวเล่นกันค่ะ ได้ออกกำลังกายทางอ้อม เห็นสิ่งสวยๆ งามๆ ในบ้านเมืองเรา แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้าค่ะ