ตามมาจะพาไปเที่ยว เ ก า ะ แ ส ม ส า ร

ถ้าจะให้ค้นหานิยามของคำว่า ท ะ เ ล แน่นอนว่าเพื่อนๆหลายคนรวมถึงตัวเราเองก็คงต้องหลับตาจิตนาการภาพของท้องฟ้าโปร่งใสมีควันเมฆลอยฟุ้งประปรายคู่กับน้ำทะเลสีเขียวมรกตแถมมีแบลคกราวเป็นภูเขาน้อยๆที่มีต้นมะพร้าว2-3ต้นเรียงกันเป็นแนว  แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องหลับตาจินตนาการเมื่อนึกถึงทะเลก็คือ ค ว า ม สุ ข.. ความสุขที่ได้มาจากการแบกเป้ไปผจนภัยในที่ต่างๆ และทริปนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทริปที่เรามีความสุขและอยากจะแบ่งปั่นความสุขให้ไปถึงเพื่อนๆทุกคนผ่านตัวอักษรผ่านรูปภาพที่เรากำลังรีวิวอยู่ อยากรู้มั้ยว่าสนุกแค่ไหนนงั้นตามมาเรา จะพาไปเที่ยว เ ก า ะ แ ส ม ส า ร

ทริปนี้เป็นทริปแรกของฤดูร้อน เรา2คนเลยเลือกที่จะไปทะเลต้อนรับอากาศร้อนๆสักหน่อย555555 และเหตุผลที่เลิอกไปเกาะแสมสารเพราะเราอยากพาแฟนไปดำน้ำดูปลานีโม่สักหน่อย(ง่อววววโรแมนติกมั้ยล่ะ) อีกอย่างก็เพราะเราทั้ง2คนลางานกันไว้แค่3วันเลยไม่อยากจะไปไหนไกลๆแถมดูตามรีวิวต่างๆก็มีแต่คนบอกว่าแสมสารนี่แหละมัลดิฟเมืองไทยดีๆนี่เอง เราจัดการเตรียมข้อมูลสำหรับทริปนี้ทั้งร้านอาหารและสถานที่พักผ่อนรวมถึงการเดินทาง การเดินทางของเราในทริปนี้เราใช้วิธีนั่งรถตู้จากหมอชิตสาย กรุงเทพ-สัตหีบ ค่ารถราคา150บาท/คน อันนี้แนะนำเพื่อนๆที่ไม่เคยไปนิดนึงนะคะอ่านดีๆตรงนี้มาสาระมาก55555 หากเพื่อนๆท่านไหนที่จองที่พักไว้แถวช่องแสมสารหรือเลยจาก กม.1ไป ห้ามเพื่อนๆขึ้นรถตู้สาย กรุงเทพ-สัตหีบเด็จขาด!!!!! เพราะรถตู้สายสัตหีบจะสิ้นสุดแค่กม.1 ถ้าเพื่อนๆลงตรงกม.1 เพื่อนๆก็ต้องลำบากหารถไปที่พักอยู่ดี ให้เพื่อนนั่งรถตู้สายกรุงเทพ-ระยอง แล้วไปลงตามกม.ต่างๆเพราะจากกม.1ไปยังช่องแสมสารถือว่าไกลพอตัวเลยนะคะ รอบนี้เราได้ที่พักที่ประทับใจรีสอร์ท อยู่ตรงกม.2ซึ่งเราต้องนั่งพี่วินจากกม.1ไปยังกม.2นั่นแหละค่ะ แค้นใจมาก55555

ทริปนี้เราใช้เวลาการเดินทางจากกรุงเทพมาถึงสัตหีบราวๆ3ชม.นิดๆซึ่งกว่าจะมาถึงตอนนี้ก็ปาไปเกือบจะ4โมงเย็นอยู่แล้ว -_- จากที่เราแพลนกันไว้ว่ามาถึงปุ๊บจะไปเกาะแสมสารปั๊บแต่มันไม่ได้แบบนั้น..จะทำไงได้นอกจากนอนพักผ่อนแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยตื่นมาลุยต่อ zZZ  

...................................................................................................................................................

07:00 น. ของวันที่2 หลังจากเมื่อคืนที่เรานอนตกลงกันว่าจะต้องตื่นก่อน8โมงเพื่อมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมของพร้อมไปดำน้ำที่เกาะแสมสารสอบถามข้อมูลจากคุณป้าแม่บ้านเขาแนะนำให้เราเช่ารถจากที่พักไปค่าบริการ300พร้อมน้ำมันเต็มถัง เราก็เลยตกลงเช่ารถมอไซด์กับทางที่พักไปเพราะคิดว่ามันสะดวกและเร็วกว่าที่เราจะไปนั่งรอรถสองแถว แต่สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ไม่ได้เช่ารถมอไซด์ก็หาข้อมูลการเดินทางกันนิดนึงนะคะเพราะเกาะแสมสารหนทางค่อนข้างไปยากเลยค่ะให้เพื่อนๆสังเกตุรถสองแถวสีฟ้าต้องสีฟ้าเท่านั้นนะคะเพื่อความแน่ใจโบกแล้วสอบถามพี่คนขับก่อนเลยค่ะว่าไปช่องแสมสารหรือท่าเรือเขาหมาจอหรือป่าวถ้าเขาบอกว่าไปก็กระโดดขึ้นรถไปเลยค่ะ55555

ส่วนเพื่อนๆคนไหนที่เช่ารถแบบเราหรือนำรถยนต์ส่วนตัวไปเองให้เพื่อนๆตามพี่จี(GPS)ไปเลยค่ะพี่จีสามารถพาเราไปถึงที่หมายปลายทางได้หรืออีกหนึ่งวิธีง่ายๆก็คือตามรีวิวนี้มาเลยค่ะ5555

 เริ่มออกเดินทางกันจากหน้าที่พักของเราประทับใจรีสอร์ทให้เพื่อนๆจำและสังเกตุไว้ว่าเราจะต้องผ่านสี่แยกไฟแดงไปอีก4ที่ พอนับได้แล้วเจอแยกไฟแดงที่4ให้เพื่อนๆขับเลยมาประมาณ500ม.สังเกตุด้านขวามือจะเจอกับองค์จำลองของรัชกาลที่6ให้เพื่อนๆยูเทิร์นรถกลับมาแล้วจะเจอซอยเล็กๆด้านซ้ายมือจากนั้นขับเข้าไปตามทางเรื่อยๆจนสุดทางจะเจอสามแยกให้เพื่อนๆเลี้ยวขวาแล้วตรงมา สังเกตุป้ายด้านซ้ายมือไว้นะคะถ้าเจอป้ายหรือซอยที่เขียนว่าท่าเรือเขาหมาจอให้เพื่อนๆเลี้ยวเข้าไปตรงนั้นเลยค่ะจากนั้นให้ถามชาวบ้านแถวนั้นว่าท่าเรือเขาหมาจอไปทางไหนอย่าไปเองเด็จขาดเพราะทางที่จะเข้าไปซับซ้อนมากแถมเป็นแหล่งชุมชนทางที่ดีเราแนะนำให้ถามคนพื้นที่แถวนั้นเอาดีกว่าค่ะแต่บางทีคนแถวนั้นก็อาจจะไม่ใช่คนพื้นที่ก็เป็นได้เพราะเพื่อนบ้านเราเยอะมากเลยค่ะ555

เมื่อมาถึงท่าเรือเขาหมาจอสิ่งแรกที่เราควรทำคือรีบไปจับจองพื้นที่หน้าสำนักงานที่เขาจำหน่ายตั๋วข้ามไปเกาะแสมสารหรือเพื่อนๆคนไหนอยากไปเกาะขามก็สามารถซื้อตั๋วจากตรงนี้ได้เลยเช่นกันค่ะ ที่นี่เขาจะเปิดให้นักท่องเที่ยวซื้อตั๋วกันตอน8โมงเช้าของทุกวันค่ะ ราคาตั๋วที่เราได้มาก็300บาท/คน  ไป2คนก็หมด600นั่นแหละค่ะ55555

พอได้ตั๋วมาก็จะมีพี่จนท.บอกทางให้เรานำรถไปจอดไว้ตรงท่าเรือที่เราจะข้ามไปตรงท่าเรือจะมีจุดบริการนักท่องเที่ยวอยู่มีทั้งร้านกาแฟร้านขายของที่ระลึกรวมไปถึงขนมนมเนย ขอเตือนไว้เลยนะคะว่าหลุดจากตรงนี้ไปแล้วจะไม่มีร้านค้าบริการอีกเลย…  รอบเรือที่เราได้มาก็จะเป็นรอบเช้าสุดคือ9โมงเช้า (เพื่อนๆควรเช็คตารางเวลารอบเรือ ไป-กลับ ก่อนไปทุกครั้งนะคะ)

เรือที่จะพาเราข้ามไปยังเกาะแสมสารวันนี้ก็จะมีลักษณะแบบเรือทั่วๆไปขึ้นมาแล้วก็อย่าลืมใส่เสื้อชูชีพป้องกันเอาไว้นะคะ

แนะนำเวลาลงเรือขอความร่วมมือเพื่อนๆนักท่องเที่ยวทุกคนสวมเสื้อชูชีพไว้ด้วยนะคะเพื่อความปลอดภัย

ส่วนเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วงเลยค่ะที่นี่มีพี่ๆทหารดูแลเราเป็นอย่างดีไม่บกพร่องเลยเขาบอกว่ามากับพี่ทหารไม่ต้องกลัวถือซะว่ามาบ้านตัวเองแล้วกัน5555

จากท่าเรือเขาหมาจอมายังท่าเรือเกาะแสมสารใช้เวลาแค่10นาทีแค่นั้นเองค่ะ10นาทีจริงๆคือแบบเร็วมากกกกกกกกกเร็วจนตกใจ5555 มาถึงกันอย่าง งงๆแล้วก็ลงเรืออย่าง งงๆเช่นกัน เราแอบเก็บภาพบรรยากาศรอบๆเกาะมาฝากเพื่อนๆด้วยนะคะ

ตรงนี้ถ่ายจากบนเรือตอนเรือกำลังจอดเทียบท่าตรงท่าเรือเกาะแสมสารค่ะ

มีสปี๊ดโบ๊ทจอดอยู่ด้วยยยยยย

ชิงช้าตัวนี้ถือว่าเป็นมุมถ่ายรูปหรือมุมมหาชนเลยก็ว่าได้ค่ะ นักท่องเที่ยวส่วนมากเมื่อมาถึงเกาะแสมสารก็จะพากันแวะมาถ่ายรูปกับเจ้าชิงช้าตัวนี้เยอะขนาดที่ว่าต้องต่อคิวกันเลยล่ะค่ะ555555

พอมาถึงฝั่งเกาะแสมสารก็จะมีพี่ๆทหารคอยต้อนรับเราและเรียกเราให้ไปรับฟังความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะนี้เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกๆคนมาถึงตรงนี้เพื่อนๆนักท่องเที่ยวต้องตั้งใจฟังและให้ความร่วมมือกับพี่ทหารด้วยนะคะเพราะเขตนี้เป็นเขตอนุรักษณ์ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไปที่ใครจะทำอะไรตามใจก็ได้ เมื่อฟังบรรยายเสร็จก็จะมีรถมารับเราไปส่งยังหาดลูกลมซึ่งเป็นจุดที่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำและทำกิจกรรมได้ ใช้เวลาการเดินทางจากท่าเรือเกาะแสมสารมาหาดลูกลมก็แค่5-10นาทีเช่นกันค่ะ^^

มาถึงก็จะเจอกับบรรยากาศแบบนี้ตอนแรกที่เห็นแอบนึกว่าตัวเองอยู่มัลดิฟซะอีก555หาดทรายขาวๆน้ำใสๆมีอยู่ในประเทศไทยของเราไม่ต้องเสียตังค์เสียเวลาไปไกลถึงมัลดิฟกันแล้วค่ะ^^ 

บนหาดลูกลมมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงที่เดียวคือร้านค้า  ร้านค้าค้าที่มีเพียงน้ำมะพร้าวกับขนมเด็กน้อยขาย5555ถ้าของกินจำพวกข้าวก็จะมีขายเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์เท่านั้นค่ะ

 ส่วนเรื่องฝากของที่นี่ก็มีบริการตู้ล็อคเกอร์เอาไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะฝากของไว้อันนี้เราจำไม่ได้ว่าราคาเท่าไหร่5555ก็จะมีประมาณ20-30ตู้ได้ค่ะ^^

มาเที่ยวทะเลครั้งนี้อย่างที่เราบอกไว้ว่าเราตั้งใจจะลองเล่นกิจกรรมดำน้ำดูเพราะอยากเห็นปลานีโม่ตัวเป็นๆดูบ้างว่ามันจะเหมือนในการ์ตูนหรือป่าว กิจกรรมบนหาดก็จะมีดำน้ำดูปะการัง พายเรือคายัก นั่งเรืองท้องกระจก หรือเล่นวอลเล่บนชายหาดก็ได้ด้วยนะคะ กิจกรรมดำน้ำก็จะมีค่าใช้จ่ายที่50บาท/คนอันนี้รวมค่าอุปกรณ์การดำน้ำแล้วนะคะ นอกนั้นก็จะมีค่านั่งเรือท้องกระจกค่าใช้จ่าย20บาท/คนเช่นกันค่ะ ส่วนกิจกรรมภายเรือคายักเพื่อนๆต้องไปติดต่อที่ร้านค้าสวัสดิการเอาเองนะคะเขาจะคิดเป็นชั่วโมงจะอยู่ที่ชั่วโมงล่ะ100บาท อยากเล่นอันไหนก็ลงชื่อไว้ถึงเวลาพี่ๆทหารจะประกาศเรียกชื่อให้เรามารวมตัวกันเองค่ะส่วนเราก็พากันไปลงชื่อตรงจุดกิจกรรมดำน้ำพร้อมรับอุปกรณ์มาเลย เรา2คนเลยถือโอกาศระหว่างรอเขาเรียกเดินถ่ายรูปเล่นเก็บภาพบรรยากาศบริเวณริมชายหาดเอาไว้

น้ำมะพร้าวกินที่ไหนก็ไม่ชื่นใจเท่าที่ทะเลลลลลลลลลลลลลลลลลล

น้ำใสมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ก.ไก่ล้านตัวเลยค่ะแต่เราถ่ายได้แปบเดียวก็มีพี่ทหารประกาศเรียกชื่อให้ไปรวมกันที่ตรงจุดบริการเมื่อมากันครบก็จะต้องฟังพี่ๆทหารเขาบรรยายเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ดำน้ำซึ่งเราเองว่ายน้ำไม่เป็นตอนแรกก็จะถอดใจเพราะลองดำดูแล้วมันลำบากหายใจยากเพราะดำน้ำครั้งนี้เป็นการดำน้ำแบบสน็อกเกอร์คือการหายใจทางปากเท่านั้น แต่ในเมื่อมาแล้วจะถอดใจง่ายๆได้ยังไงแถมแฟนเราก็ยังจับมือเราตลอด(หรอออ)เราก็เลยสูดลมหายใจเต็มปอดแล้วพยักหน้าไปให้กับพี่ทหารเป็นสัญญาณบอกว่าเราพร้อมแล้ว!! พี่ทหารก็ให้กำลังใจสุดฤทธิ์แล้วก็พาพวกเราไปตรงจุดดำน้ำ

จุดดำน้ำจากรูปนี้เพื่อนๆเห็นเกาะข้างหลังเราตรงนั้นมั้ยคะนั่นแหละค่ะตรงจุดที่เราต้องนั่งสปี๊ดโบ๊ทไปดำดูเจ้านีโม่น้อยกันตรงนั้นความลึกประมาณ2เมตรได้ ส่วนเรื่องกล้องหากเพื่อนๆท่านใดนำกล้องใต้น้ำมาก็นำติดตัวไปได้เลยนะคะแต่ถ้าไม่ใช่กล้องสำหรับถ่ายไต้น้ำเราแนะนำว่าไม่ต้องพกไปจะดีกว่าค่ะ

เมื่อมาถึงสถานที่ ที่เราจะต้องลงไปดำน้ำใจเรานี่ตุ๊บตั๊บๆๆๆอยู่ข้างในเลยค่ะอยากร้องไห้ก็อยากร้องอยากดำน้ำก็อยากดำรอบที่เราไปเป็นรอบแรกอีกเช่นเคยแถมมีเด็กน้อยไปด้วยอีกต่างหากขนาดเด็กยังดำได้เลยทำไมเราจะดำบ้างไม่ได้  ผ่านอะไรมาก็เยอะทั้งเดินป่าปีนเขากับอีแค่ดำน้ำมันจะไปยากอะไร!!เราตัดสินใจโดนลงน้ำแล้วดำลงไปลืมตามองข้างล่างภาพแรกที่เราเห็นคือ.. กล้อง!! นั่นมันกล้องเรานี่นา กล้องหลุดมือเราตอนเราโดดลงไป5555แต่โชคดีที่มีพี่ทหารที่ตามหลังเรามาเก็บไว้ให้555 จัดการระเบียบกล้องตัวเองเสร็จก็ดำลงไปต่อช่วงแรกๆอาจจะยังไม่ชินแต่ดำลงไปซักพักก็จะปรับตัวได้เองค่ะ

โลกใต้น้ำก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ไม่มีอะไรมีความสุขได้เท่านี้อีกแล้ว นึกย้อนไปตอนดูทีวีเราเห็นแต่มีพวกนักประดาน้ำมาดำน้ำรายล้อมไปด้วยฝูงปลาแต่มาวันนี้เรากลับได้เป็นแบบนักประดาน้ำพวกนั้นที่มีพวกฝูงปลามาว่ายอยู่ใกล้ตัวเรา เราใต่เชือกตามพี่ทหารไป  พี่ทหารก็แนะนำกึ่งลากเราไปบอกว่าจะพาเราไปดูปลานีโม่เราก็ตาเบิกกว้างเลยค่ะทีนี้พยักหน้าตามเขาไปอย่างเดียวมาถึงจุดพี่ทหารก็ชี้ๆให้ดูปรากฏว่าข้างล่างเป็นปลานีโม่จริงๆ ว่ายอยู่ข้างล่างตัวเราแปลกไปกว่านั้นคือปลานีโม่ที่เราเห็นไม่เหมือนในการ์ตูนแต่มันกลับตัวใหญ่มากกกกแถมมีสีส้มสลับกับสีดำอีกต่างหากสอบถามพี่ทหารได้ความว่าอันนี้คือปลานีโม่อีกชนิดหนึ่งซึ่งตัวจะใหญ่กว่าปลานีโม่ในทีวีหรือที่เขาเรียกกันว่าปลาการ์ตูน เราเลยอดใจไม่ได้เลยหยิบกล้องกะว่าจะถ่ายรูปเจ้านีโม่มาอวดเพื่อนๆแต่กล้องเจ้ากรรมดันมาแบตหมดเอาตอนนี้ซะได้ …….ล่วงไม่พอยังจะมาแบตหมดอีก เห้อออออออ แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยเราก็ได้มาเห็นกับตาของเราแล้ว  เราดำน้ำได้พักนึงพี่ๆทหารก็ตะโกนถามว่ามีใครอยากกลับเข้าฝั่งแล้วมั้ยถ้ามีให้โดดขึ้นเรือมาเลย เราก็เลยโดดขึ้นเรือไปกับพี่ทหารนั่นเลยค่ะเพราะไหนๆก็มาแล้วจะเล่นแค่ดำน้ำไงได้ล่ะเนอะ55555  แต่ที่แน่ๆตอนนี้คือยิ่งตอนสายๆนักท่องเที่ยวที่มาใหม่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ

กิจกรรมต่อไปที่เรา2คนเลือกที่จะเล่นบนหาดลูกลมก็คงหนีไม่พ้นพายเรือคายักนี่แหละค่ะค่าบริการชั่วโมงล่ะ100บาท แต่เราขอเขาแค่ครึ่งชั่วโมงก็จ่ายไปแค่50บาทเท่านั้นเองค่ะก่อนพายก็ต้องไม่ลืมใส่เสื้อชูชีพกันไว้นะคะอย่างที่เราบอกไปว่าที่นี่ค่อนข้างเคร่งเรื่องเสื้อชูชีพเพราะฉะนั้นขอความร่วมมือจากเพื่อนๆที่กำลังจะมาเที่ยวด้วยน๊า

พายเรือคายักเป็นกิจกรรมเดียวที่เราจะไม่เล่นอีก555555พายเรือคายักค่อนข้างยากเลยทีเดียวค่ะพี่ทหารแอบกระซิบมาว่าถ้าเราพายซ้ายมันจะไปขวาถ้าเราไปขวาเรือก็จะหันไปทางซ้าย ส่วนเราตอนนี้อยู่กลางทะเลได้เกือบจะ20นาทีแล้วยังเข้าฝั่งไม่ได้เลยค่ะ555555ขอร้องไห้ดังๆให้กับความอยากเล่นของเราในครั้งนี้ด้วย -_-  คำเตือน ถ้าหากพายไม่เป็นอย่าเล่นมันเด็จขาด555555555555 แฟนเราเห็นท่าไม่ดีเลยโดดลงน้ำแล้วลากเรือที่มีเรานั่งอยู่ข้างบนเข้าฝั่งแทนไม่พงไม่พายมันแล้วไปเล่นน้ำกันดีกว่า ยะฮู้ววววววว

ที่นี่เป็นทะเลที่แรกที่เราลงเล่นน้ำได้อย่างสบายใจและไม่กลัวเพราะปกติเราเป็นพวกจิตตกเกี่ยวกับการเอาเท้าแตะพื้นทรายใต้น้ำแต่ที่นี่น้ำทะเลใสจนมองเห็นทรายสีขาวมันเลยทำให้ดูไม่น่ากลัว เราก็เลยเล่นซะฉ่ำปอดกันไปข้างเลยค่ะ55555 เราใช้เวลาอยู่บนหาดลูกลมประมาณ2-3ชม.คิดว่าจะพากันนั่งเรืองกลับรอบบ่ายโมงแต่ที่ไหนด้ายยยยเรือรอบบ่ายโมงออกไปแล้ว เราเลยได้ไปรอบบ่ายสองซึ่งต้องรออีกประมาณ40นาทีเรือถึงจะมา………….หลับรอได้เลยค่ะแบบนี้555555  เรานั่งเรือข้ามฝั่งกลับมาที่ท่าเรือเขาหมาจอหรือที่เราขึ้นในตอนเช้าตอนประมาณเกือบจะบ่ายสามโมงแล้วอีกอย่างรู้สึกว่าตัวเองหิวโหยมากกกแถมเพลียแดดเพลียลมอีกก็เลยแพลนกันใหม่ว่าจะกลับไปหาของทะเลสดๆกลับไปนั่งชิลล์ที่ห้องพักกันดีกว่า มาพูดถึงเรื่องของกินแถวนี้กันบ้างดีกว่าเนอะ เอาจริงๆของกินที่นี่ส่วนมากก็เป็นของทะเลทั้งนั้นแหละค่ะ กุ้งเอย ปลาหมึกเอย หอยเอย โอ้ยยยยเยอะแยะไปหมดหาซื้อได้ตามช่องแสมสารหรือหาได้ตามตลาดหรือริมหาดได้สบายเลยค่ะ รอบนี้เราเลิอกซื้อร้านตรงริมหาดซึ่งจะมีอยู่ร้านนึงที่ขายทั้งวันทั้งคืนเลย เราก็จัดการสั่งให้เขาเผา ลวก นึ่ง ให้ทั้งกุ้งหอยปูปลาเลยค่ะ555555

และด้วยความที่เราทั้ง2คนโหยจากการไปดำน้ำมาสภาพของกินก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ…..ก็พ่อกับแม่เราบอกไว้ว่าเป็นผู้หญิงต้องกินเยอะๆจะได้โตไวๆ555555555  กินอิ่มพร้อมตีพุงนอนเรา2คนก็หันหน้าจับเข่าคุยกันเรื่องแพลนพรุ่งนี้เพราะไหนๆเราก็ check out ตั้งตอนเที่ยงก็แสดงว่าตอนเช้าเราก็ยังพอมีเวลาตั้งหลายชั่วโมงเพราะฉะนั้นเวลาที่เหลือเราก็สามารถไปเที่ยวต่อได้ เราเลยตกลงกันว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะไปดูเรือหลวงจักรีนฤเบศรกันนนนนนนน งั้นรีบนอนเก็บแรงไว้รบต่อพรุ่งนี้ดีกว่าzZZ

.........................................................................................................................................................

07:30 น. ของเช้าวันที่3วันสุดท้ายของทริป

วันนี้เป็นอีกวันที่เรา2คนตื่นเช้ามากๆ(ตอนทำงานไม่เห็นรีบตื่นแบบนี้เลย5555555)เราอาบน้ำแต่งตัวพร้อมกับเก็บข้าวของใส่เป้ใบโตของเราทั้ง2ไว้เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาทีหลัง แล้วรีบแว๊นรถไปยังจุดหมายแรกของเราในเช้าวันนี้  เรือหลวงจักรีนฤเบศรใช้เส้นทางเดียวกันกับทางไปท่าเรือเขาหมาจอแต่เราจะไม่เลี้ยวเข้าไปทางที่เราไปมาเมื่อวานแต่วันนี้เราจะตรงไปอย่างเดียวย้ำว่าตรงอย่างเดียวนะคะขับมาให้ถึงสุดทางก็จะเจอกับเรือหลวงจักรีตั้งตระหง่านอยู่ริมฝั่งทะเลสัตหีบค่ะ

เรือหลวงจักรีนฤเบศรเปิดให้ทั้งนักท่องเที่ยวและนักศึกษาเข้าชมบนเรือได้ตั้งแต่ 09:00 น.เป็นต้นไปแต่ก่อนที่จะเข้าไปชมด้านในเรือได้จะต้องทำการแสดงบัตรประจำตัวกับพี่ทหารหรือจนท.ทุกครั้งและหากนักเรียนหรือนักศึกษาที่มาเป็นกรุ๊ปก็ต้องทำการติดต่อกับทางจนท.ก่อนเช่นกันนะคะ  ส่วนค่าบริการ การเข้าชมเรือหลวงจักรีนฤเบศรขอบอกว่าเข้าฟรีทุกเพศทุกวัยเลยค่าาาาา

ด้วยเพราะสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญและเป็นสถานที่ข้าราชการนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาชมเรือก็ควรแต่งกายให้เรียบร้อยด้วยนะคะ^^เอาหล่ะพร้อมจะเข้าไปชมความแข็งแกร่งของเรือหลวงจักรีกันแล้วใช่มั้ยยยงั้นตามเรา2คนมาเลยยยยยยย

เราใช้เวลาศึกษาโครงสร้างและการทำงานของพี่ๆทหารบนเรือได้สักใหญ่เริ่มรู้สึกว่าคนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆเราเลยเลือกที่จะลงมาดีกว่าเพราะมีอีกหนึ่งสถานที่ๆเราจะไปที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นั่นก็คือออออออศูนย์อนุรักษย์พันธุ์เต่าทะเลลลลล  ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง10นาทีเรา2คนก็พากันมาถึงแล้ววววศูนย์อนุรักษย์พันธุ์เต่าทะเลจะตั้งอยู่ในเขตของทหารหากเพื่อนๆที่นำรถจักรยานยนต์มาก็ควรจะสวมใส่หมวกกันน็อคด้วยนะคะ

เมื่อมาถึงปากทางเข้าศูนย์อนุรักษย์พันธุ์เต่าทะเลก็จะต้องมาทำเรื่องแลกบัตรกับพี่ทหารกันก่อนแล้วเราก็จะได้เป็นใบแบบนี้มาแทนนะคะ

ศูนย์อนุรักษย์พันธุ์เต่าทะเลเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีตั้งแต่ 09:00 น.เป็นต้นไปด้านในก็จะมีน้องเต่าเต็มไปหมดเลยก็จะมีแบ่งโซนไปตามโซนต่างๆแบบนี้ค่ะ

 

ส่วนตรงนี้ก็จะเป็นโรงพยาบาลรวมไปถึงสถานที่พักฟื้นของน้องเต่าที่ป่วยและรอการรักษาอยู่อย่างเช่นน้องเต่าตัวนี้ค่ะ

น้องชื่อออมสินน้องรอเข้ารับการผ่าตัดอยู่ค่ะเพราะจากที่อ่านประวัติน้องมาน้องกินเหรียญเข้าไปในท้องเยอะมากๆทีมแพทย์จึงแยกน้องออกมาเพื่อรอเข้ารับการรักษาเร่งด่วนค่ะ เราก็ภาวนาให้น้องเต่าออมสินหายไวๆจะได้แข็งแรงเหมือนเดิมด้วยเนอะ^^ 

ระหว่างทางขากลับจากศูนย์อนุรักษย์พันธุ์เต่าเราก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อของฝากไปฝากเพื่อนๆตาดำๆของเรา5555

แล้วก็ได้เจ้าเต่าตัวนี้ติดสอยห้อยท้ายกลับบ้านมาด้วยยยยยยย

เพื่อนๆไม่ต้องกลัวนะคะว่าจะหาร้านขายของฝากไม่เจอเพราะที่นี่ร้านขายของฝากเยอะไม่แพ้ร้านอาหารเลยล่ะค่ะมีสินค้าหลากหลายให้เพื่อนๆได้แคะกระเป๋าสตังค์ออกมาซื้อกันเยอะแยะเลยทั้งพวงกุญแจเอย ปลาทูเอย ปลาหมึกแห้งเอยโอ้ยเยอะแยะเลยค่ะ

ทริปนี้เราก็โดนไปหลายสตังค์เหมือนกันค่ะ(ปาดเหงื่อ)55555555555

เอาล่ะวันนี้ได้เที่ยวจนฉ่ำใจกันแล้วได้เวลาแบกข้าวของกลับไปทำงานเหมือนเดิมแล้ว5555 วันหยุด3วันมันชั่งผ่านไปเร็วเหลือเกินยังไม่ยากกลับเลยอยากอยู่ต่ออีกสัก2-3วันแต่มันก็ทำไม่ได้ในเมื่อเที่ยวได้ก็ต้องห้ามงอแงงานสิ เวลา3วันมันไม่พอจริงๆสำหรับทริปนี้หากเพื่อนๆท่านไหนได้อ่านรีวิวของเรามาจนถึงตรงนี้ ก็อย่าลืมเขียนใบลางานเผื่อไว้สัก2-3วันนะคะ55555 อย่ามัวแต่พากันโหมงานหนักจนลืมหาเวลาพักผ่อนอย่ามัวแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมลองหาเวลาว่างยื่นใบลางานแล้วเก็บเสื้อผ้าใส่เป้คู่ใจออกมาเจอโลกอีกใบที่เพื่อนๆบางคนอาจไม่เคยเจอมาก่อน  ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าสำหรับทริปนี้ขอให้เพื่อนๆมีความสุขกับการอ่านรีวิวนี้นะค่ะ  บ้ายบายค่าาาา^^