| ถ้าพูดถึงจังหวัดระยอง เราคงได้แต่นึกถึง ทะเล เสม็ด ทะเล เสม็ด วนเวียนอยู่เท่านี้ แต่ใครจะรู้ว่านอกจากเที่ยวทะเลเสม็ดแล้วนั้น ยังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าสนใจ และสวยงามไม่แพ้กัน แถมวิวและบรรยากาศนั้นฟินสุดๆ และฉันกำลังพูดถึง "อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า" จ.ระยอง นั่นเอง |

| โดยในช่วงวันที่เราเดินทางนั้นจัดว่าอยู่ในช่วงหน้าฝนพอดี ซึ่งปกติแล้วทางอุทยานฯ เค้าจะมีเต้นท์ให้เช่า และกางไว้บริการให้ แต่ถ้านักท่องเที่ยวมาหน้าฝนก็จะไม่มีบริการนี้ นักท่องเที่ยวต้องนำเต้นท์มาเอง หรือนอกจากนี้ ยังมีบ้านพักให้บริการด้วย หากใครไม่สะดวกที่จะกางเต้นท์ก็เลือกใช้บริการบ้านพักของอุทยานได้ |

การเดินทาง

Day 1
1st Stop : ซื้ออาหารทะเลไปกินที่อุทยานฯ ที่ตลาดสดบ้านเพ
2nd Stop : เข้าอุทยานแห่งชาติเข้าแหลมหญ้า จ.ระยอง

Day 2
1st Stop : พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ วัดบ้านดอน (ปิด)
2nd Stop : ตลาดน้ำเกาะกลอย
3rd Stop : พระเจดีย์กลางน้ำ + ศูนย์เรียนรู้ป่าชายเลน

(สามารถปรับไปทุ่งโปรงทองแทนได้ แต่บรรยากาศที่ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลน พระเจดีย์กลางน้ำ ก็สวยไม่แพ้กันเลย)

ค่าใช้จ่ายหลักๆ
> ค่าการเดินทาง - n/a (ขึ้นอยู่กับขับรถไปเอง หรือ ไปรถสาธารณะ)
> ค่าอาหารและเครื่องดื่ม - n/a (ขึ้นอยู่กับสไตล์และความถนัดของแต่ละท่าน)
> ค่าเข้าอุทยาน 40/คน 
> ค่าเข้าอุทยาน รถ 30/คัน
> ค่ากางเต้นท์ 30/คน/คืน

--------------------------------------------------------

| เตรียมพร้อม สำหรับก่อนออกเดินทาง

มาถึงบ้านเพบ่ายนิดๆ แวะซื้ออาหารทะเลปรุงสุก สำหรับมื้อเย็นในอุทยาน  จริงๆ แล้วในอุทยานอนุญาติให้ปิ้งย่าง หรือปรุงอาหารในลานกางเต้นท์ได้ แต่ด้วยเราอยากเอาเวลาตรงนั้น ไปดื่มด่ำบรรยากาศเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติแทนในครั้งนี้  เราจึงเลือกการซื้ออาหารสำเร็จไปแทน

ขับรถต่อมาจากตลาดสดบ้านเพอีกไม่ไกล ประมาณ 15 นาที (ขับตามกูเกิ้ล) ก็มาถึงอุทยานฯ

รายละเอียดค่าธรรมเนียม

เสียค่าเข้า 40/คน
เสียค่ารถ 30/คัน
ค่ากางเต้นท์ 30/คน/คืน

ขับตรงไปตามทางในอุทยานฯ.....

ขับเข้ามาตามทาง เจอเจ้าถิ่นนั่งขวางหาเรื่องซะงั้น ต้องค่อยๆ ขับอย่างระมัดระวัง เพราะเจอได้ตามทางเรื่อยๆ

เมื่อขับลงทางมาเรื่อยๆ จะเจอลานกางเต้นท์ให้เลือก 2 ฝั่ง 
ฝั่งขวา จะอยู่ใกล้กับสะพานกลางน้ำ ประภาคาร  ทางเดินสำรวจธรรมชาติ ร้านค้า และที่่ทำการอุทยานฯ (สะดวกต่อการไปขอชาร์ตไฟ) 

ฝั่งซ้าย จะเงียบสงบกว่า

**ห้องน้ำมีทั้ง 2 ฝั่ง**

--- บางที ชีวิตก็ต้องเลือก ----

ร้านค้าและสถานที่ทำการอุทยานฯ เล็กๆ (ฝั่งขวา)

ลานกางเต้นท์ ฝั่งขวา  เจ้าถิ่นออกเดินสำรวจ พยายามเก็บอาหารให้มิดชิด มิเช่นนั้น อาจโดนแย่งจากมือก็เป็นด้าาาาย

บริเวณลานกางเต้นท์ (ฝั่งขวา)

บริเวณลานกางเต้นท์ (ฝั่งขวา)

จุดเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ เส้นทางจะเป็นวงกลม  สามารถเริ่มเดินได้ทั้ง 2 ด้าน

> ด้านชายฝั่ง จะอยู่ตรงฝั่งลานกางเต้นท์ (ฝั่งขวา) เส้นทางจะเป็นสะพานไม้ สลับกับโขดหินเลาะตามชายหาดไปเรื่อยๆ จนขึ้นภูเขา แล้วไปออกอีกทางด้านภูเขา

> ด้านภูเขา จะอยู่ตรงทางโค้งถนน ก่อนลงลานกางเต้นท์  เส้นทางจะปกคลุมไปด้วยอุโมงค์ต้นไม้ จนไปโผล่ออกวิวภูเขา และลงสู่ชายหาดลัดเลาะไปสุดหาดออกทางลานกางเต้นท์ (ฝั่งขวา)

สามารถเลือกเดินด้านไหนก่อนก็ได้

เจ้าถิ่นรอเก็บค่าผ่านทาง

ทางเดินฝั่งชายหาด จะเป็นสะพานไม้ สลับกับโขดหินไปตามโค้งภูเขา

ดื่มด่ำได้ทั้งบรรยากาศทะเล.....

มุ่งสู่หนทางข้างหน้า....

เสียงคลื่นกระทบฝั่ง ละอองน้ำทะเลกระเซ็นสาดกระทบผิว.....

ข้างทาง....ระหว่างทาง ควรใช้ความระมัดระวังในการเดินบนโขดหิน และควรใส่รองเท้าผ้าใบนะจ้ะ

ปลายทางโค้งชายหาด เป็นการเดินทางที่เริ่มเข้าสู่โหมดภูเขา...

ลู่ลม...

เมื่อเดินขึ้นมาบนภูเขาแหลมหญ้าก็จะเริ่มเข้าสู่ part การเดินป่า

Top View of  "เขาแหลมหญ้า" 

ชะอุ่ม ชุ่มชื้น...

แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

เปลี่ยนโหมดจากน้ำทะเลกระเซ็นหน้า มาเจอกิ่งไม้ใบหญ้ายิ้มหัวเราะและทักทาย

ออกจากป่า ก็จะมาโผล่ตรงเนินโค้งถนนที่จะลงไปลานกางเต้นท์  เดินวนรอบนึง จบเส้นทาง ใช้เวลาประมาณ 45 - 1 ชม. เท่านั้น (ขึ้นอยู่กับการทอดเวลาในการดื่มด่ำบรรยากาศ และถ่ายรูป)

พบเจอเจ้าถิ่นได้ตลอดทาง

จุดเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ (ด้านป่า)  จุดนี้จะอยู่ตรงโค้งถนนทางลงก่อนถึงลานกางเต้นท์  หากมาถึงอุทยานฯ บ่ายๆ แนะนำให้เริ่มด้านป่าก่อน จะได้ไม่ร้อนแดด แต่วันที่ไปนี้เป็นช่วงฝนพรำ ฉันเลยเลือกเดินฝั่งด้านชาดหาดก่อน เพราะอยู่ด้านเดียวกับที่กางเต้นท์ของเราพอดี และแดดก็ไม่ร้อนด้วย 

สะพานที่ทอดยาว ลงสู่ทะเลที่เคว้งคว้าง

ที่พัก Sea View กับราคาหลักสิบ แต่วิวและบรรยากาศหลักล้าน

พักสายตาเถอะนะคนดี...หลับลงตรงนี้

จะออกไปแตะขอบฟ้าาาาาาาาาาาา

จุด landmark มุมมหาชน

วันที่ 2 - ฉันลังเลตัดสินใจอยู่นานเมื่อคืนว่าเช้าวันกลับจะไปที่ไหนดีระหว่าง ทุ่งโปรงทอง กับ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่, ตลาดน้ำเกาะกลอย, เจดีย์กลางน้ำ  และหลังจากศึกษาดูเส้นทางการวิ่งรถในอากู๋แล้วนั้น ประกอบกับชั่งเหตุผลต่างๆนาๆ ฉันจึงตัดสินใจเลือกไปอย่างหลังคือ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่, ตลาดน้ำเกาะกลอย, เจดีย์กลางน้ำ เนื่องจากอยู่ใกล้ๆ กัน และใช้เวลาไปจากอุทยานฯ ไม่นานนัก  ซึ่งทุ่่งโปรงทองส่วนใหญ่เท่าที่เห็นก็จะเป็นแค่สถานที่ไปถ่ายรูปกันเท่านั้น 

จึงไม่รีรอ ที่จะตื่นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ และหวังจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่ปรากฏว่าฟ้าปิดพระอาทิตย์ได้ทำหน้าที่ไปนานแล้ว  ฉันจึงเริ่มเก็บเต้นท์อาบน้ำ และเดินเก็บภาพแห่งความทรงจำและจึงออกเดินทางจากอุทยานฯ แวะทานข้าวเช้า เริ่มต้นพิกัดแรกกันที่พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่   แต่พอมาถึง ปรากฏว่าปิด โรงละครจะเปิดให้ดูเฉพาะทัวร์ หรือมีการติดต่อเป็นหมู่คณะเข้ามา และในส่วนจัดแสดงตัวหนังใหญ่ก็ปิดล็อก เข้าดูไม่ได้ 

 แต่ในการผิดหวัง เราก็ได้พบกับสิ่งอื่น คือภายในวัดจะมีนวดแผนไทย ซึ่งมีรถจอดเยอะมาก คนมานวดกันเยอะมาก แสดงว่าน่าจะเป็นที่เลื่องลือ (แต่ฉันไม่ได้ลอง เพราะว่ามีแผนต้องไปที่อื่นต่อ)

หลังจากผิดหวังกับพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดบ้านดอน  สถานที่ต่อไปหากจากวัดบ้านดอน (พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่) ไม่นาน ประมาณ 10 นาที ก็จะเจอตลาดน้ำเกาะกลอย ทางเข้าจะเป็นทางเดียวกับเข้าปั้มน้ำมัน (จำไม่ได้ว่าปั้มอะไร)

มีร้านเปิดขายของอยู่ไม่กี่โซน และด้วยยังเช้าอยู่ คนจึงไม่ค่อยมากนัก 

ถัดมาจากตลาดน้ำเกาะกลอยประมาณ 25 นาที ก็มาถึงพระเจดีย์กลางน้ำ ซึ่งภายในจะมีศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลนให้เดินศึกษากันด้วย

อุดมสมบูรณ์... หลง........รักเมืองไทย ธรรมชาติสรรค์สร้าง พึ่งพากันและกัน ร่มรื่นพานพบ เพื่อ ผูกพัน เรียนรู้และปรับตัว

| การเดินทางหน้าฝน ไม่ได้แย่อย่างที่คิด อย่ามัวแต่กลัว แค่ลองก้าวเดิน...แล้วจะพบกับมุมมองใหม่ๆ |