1 day trip ที่เกาะห้อง
ครั้งนี้เป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวชิวๆ แบบ 1 day trip ของคนที่มีเวลาเที่ยวอย่างจำกัด แต่ขอสร้างความสุขอย่างไม่มีขีดจำกัดที่เกาะห้อง จ.กระบี่ค่ะ
สาเหตุที่เลือกเกาะห้อง จ.กระบี่ ก็เพราะว่า เรามีเพื่อนสนิทอยู่ที่นั้น และก็หลงรักทะเลกระบี่มากๆ ซึ่งตัวเราเองเคยไปเกาะห้องมาครั้งนึงแล้ว แต่รู้สึกว่าอยากไปอีกจึงชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเพื่อนแต่ละคนก็ยังไม่เคยมาที่เกาะห้อง ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ไปเที่ยวด้วยกัน สำหรับพวกเราการเดินทางและที่พักค่อนข้างสะดวกสบายเป็นพิเศษ เนื่องจากมีเพื่อนอยู่ที่กระบี่กินนอนอยู่กับเพื่อนได้ไม่มีปัญหา
****แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีที่พัก หรือมองหาที่พักดีๆ ในกระบี่ เรามีโรงแรมแนะนำค่ะ คือ
โรงแรมริเวอร์ไซด์ ตั้งอยู่ในตัวเมืองจ.กระบี่ อยู่ใกล้กับลานปูดำ
เบอร์ติดต่อ 0-7561-2129-8
ราคาไม่เเพ้ค่ะ คืนละ 950 บาท มีอยู่ 2 ตึก คือ ตึกเก่าและตึกใหม่
มีบริการให้เช่ามอเตอร์ไซต์ และบริการเรียกรถแท็กซี่
เข้าสู่เรื่องการเดินทางไปเกาะห้องกันค่ะ
เราเดินทางไปขึ้นเรือที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราตอน 09.00 น. เช่าเรือหัวโทงที่นั้น เรือที่เราเช่าเป็นเรือที่เข้าร่วมกับอุทยานฯ ค่ะ
เจ้าของเรือชื่อพี่หญิง ราคาเช่าเรือ 3,500 บาทต่อวัน (ไม่มีอาหารบริการ)
พาเที่ยวเกาะห้อง ลากูน เกาะลาดิง และ เกาะผักเบี้ย
สนใจติดต่อได้ที่เบอร์ 095 0391765
หรือสอบถามข้อมูลต่างๆ ได้ที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา เบอร์ 0 7563 7200, 0 7566 1145
เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงเกาะห้องแล้วค่ะ ก่อนเดินเข้าไปเล่นน้ำเราจะต้องจ่ายค่าเข้าอุทยานฯก่อน คนละ 60 บาท ที่นี่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเป็นชาวต่างชาติ ได้แก่ จีน และฝรั่ง ซึ่งอากาศค่อนข้างร้อน
สาวๆ คนไหนที่ผิวไวต่อแดดควรติดSunbox และ Aloe Vera สูตรเย็นไปด้วยค่ะ เพราะจะช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนจากการโดนแดดเผาได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวเราเองก็ประสบมากับตัว คือ ไม่สนใจว่าตัวจะดำ เพราะคิดว่าคงไม่เป็นไร แต่พอโดนแดดเข้าจริงๆ ปวดแสบปวดร้อนมากๆ แดดเผาถึงขั้นผิวพองไปทั่วหลัง อันตรายมากๆ ค่ะ อย่าไว้วางใจแดดประเทศไทยเด็ดขาด
เกาะห้องนักท้่องเที่ยวจะนิยมมาเล่นน้ำ อาบแดด และดำน้ำตื้นดูปลากันค่ะ
เราใช้เวลาอยู่ที่เกาะห้องประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นเวลาประมาณ 11 โมงเช้า ก็นั่งเรือไปที่lagoonต่อ
Lagoon คือ ทะเลในที่อยู่ติดกับเกาะห้อง ต้องนั่งเรือ หรือพายเรือคายัคเข้าไป เมื่อไปถึงเราจะเห็นหนองน้ำตื้นขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า บริเวณรอบๆ รายล้อมไปด้วยภูเขาและผนังหินผา บริเวณนี้แหละค่ะคือ ที่มาของคำว่าห้อง
ที่Lagoon นักท่องเที่ยวไม่นิยมเล่นน้ำกัน แต่นิยมมาเดินชมวิวสัมผัสสายน้ำมรกต และถ่ายรูปกันค่ะ
สัมผัสความงดงามของlagoonเสร็จ คนขับเรือก็พาเราไปที่เกาะลาดิงต่อ ซึ่งเกาะนี้เราและเพื่อนๆ ไม่ได้ลงจากเรือกันค่ะ เพราะว่าไม่ต้องการเล่นน้ำและมีเวลาค่อนข้างจำกัด จึงเดินทางไปยังเกาะผักเบี้ยเลย
สถานที่สุดท้ายที่เราจะไปคือ เกาะผักเบี้ย ต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 20 นาที ค่ะ เกาะผักเบี้ยมีลักษณะคล้ายๆ ทะเลแหวก เพราะ 2 ฟากข้างจะเป็นน้ำทะเล และตรงกลางจะมีเนินหาดทรายให้นักท่องเที่ยวเดินเล่น และอาบแดดค่ะ สำหรับพวกเราเวลาหมดไปกับการถ่ายรูป ลั่นชัตเตอร์รั่วๆ ชนิดที่ว่าการ์ดความจำเต็มแล้วเต็มอีก บ้าคลั่งกับการถ่ายรูปกันสุดๆ แต่ถึงจะเซลฟี่กันขนาดไหนพวกเราก็ไม่ลืมที่จะมีความสุขไปกับการดื่มด่ำความงดงามของท้องทะเลสีน้ำเขียวราวกับมรกต นั่งคุย หยอกล้อ พูดมากกันตามภาษาเพื่อนที่นานๆ จะได้เจอกันสักที ทำให้ทริปนี้ของพวกเราเต็มไปด้วยความสุขค่ะ
พวกเราอยู่ที่เกาะผักเบี้ยจนถึง 13.00 น. จากนั้นก็เดินทางกลับขึ้นฝั่งกันค่ะ
สำหรับใครที่อยากใช้เวลาสนุกไปกับการดื่มด่ำน้ำทะเลมรกตต่อก็สามารถทำได้ค่ะ เพราะเรือของพี่หญิง ไม่จำกัดเวลในการเที่ยว นักท่องเที่ยวสามารถอยู่เล่นน้ำได้จนกว่าจะเบื่อเลยค่ะ