เกาะช้างเลี้ยวซ้าย...นั่งเรือมาด พายเรือคายัค ที่พักหลักร้อยติดทะเล Journey's End

เราเคยไปเที่ยวเกาะช้างมาครั้งหนึ่ง (ฝั่งขวา) รู้สึกว่ายังไม่จบ ยังไม่โดนใจ 

เลยบอกกับตัวเองว่า "ต้องกลับมาแก้มือใหม่ เราเชื่อว่าเกาะช้างจะทำให้เราประทับใจได้มากกว่านี้" (เขียนไว้ในกระทู้เก่า) เกือบ 3 ปี เรากลับมาอีกครั้ง ตั้งใจมาหามุมสงบ พักผ่อนเงียบๆ ในราคาประหยัด จุดหมายปลายทางจึงเป็น "เกาะช้างฝั่งซ้าย" 

กิจกรรมในทริปนี้ >>> นั่งเรือมาด, พายเรือคายัค, เดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน กิจกรรมไม่เยอะมากเน้นมาพักผ่อน
ระยะเวลา >>> 2 วัน 1 คิน (ไม่รวมวันเดินทาง)
งบประมาณ >>> 2,200 ต่อคน จากผู้ร่วมเดินทาง 2 คน

* รีวิวนี้เจ้าของรีวิวเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด 
** เดินทางเข้าไปในพื้นที่เมื่อวันที่ 17-18 มีนาคม 2561 (เดินทางคืนวันที่ 16 มีนาคม 2561) 
*** รูปภาพในกระทู้นี้ถ่ายโดย iPhone SE และ Sony a6000 ใช้ Application ในการแต่งรูปค่ะ
 

การเดินทาง

เราเดินทางโดยรถทัวร์ เพราะชอบเดินทางตอนกลางคืน ที่หาข้อมูลไว้มีของ บขส. และเชิดชัยทัวร์ กระทู้นี้คือกระทู้รีวิวเนาะ ดังนั้นเราจะเขียนด้วยมุมมองและประสบการณ์ส่วนตัวของเรานะคะ ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมยินดีรับฟังและกรุณาใช้วิจารณญาณในการเลือกใช้บริการ

บขส. 
เราเลือกใช้บริการขาไป อ่านจากรีวิวส่วนใหญ่แนะนำ บขส. ค่ะ อยากใช้บริการทั้งไปและกลับแต่เที่ยวรถน้อย เวลาก็พิลึก ขากลับถ้าดูจากในเว็บมีให้เลือก 2 รอบ ซึ่งถ้าเป็นรอบ 23.30 น. เรากลัวกลับมาทำงานไม่ทันและไม่อยากรอรถนานเพราะมีแพลนออกจากเกาะบ่ายสามโมงครึ่ง ทำให้ขากลับเราเลือกกลับโดย เชิดชัยทัวร์

รอบรถจาก กรุงเทพฯ (หมอชิต) - บขส. ตราด เราเลือกรอบ 22.00 น. ถึง บขส. ตราด ประมาณตีสามจ้าาาา 

รอบรถจาก บสข. ตราด - กรุงเทพฯ (หมอชิต)

ข้อดี 
เบาะนั่งสบาย มีน้ำดื่ม ขนม ผ้าเย็น ผ้าห่มในถุงพลาสติก แอร์เย็น ไม่จอดเยอะ ถึงเร็ว จองล่วงหน้าในเว็บไซต์ได้ >>> https://ticket.transport.co.th/
ข้อเสีย 
มีรอบรถน้อยและเวลาไม่ค่อยดี (สำหรับเรา) มีรถไปสนามบินสุวรรณภูมิด้วย

เชิดชัยทัวร์
เราขึ้นที่เอกมัย รอบทัวร์จากเอกมัยไปตราดมีตั้งแต่ 05.00 น. - 23.30 น.  รถออกทุกชั่วโมง เนื่องจากรถของเชิดชัยทัวร์จองล่วงหน้าไม่ได้รอบขากลับเราจึงยอมจ่ายแพงขึ้นเพราะกลัวไม่ได้กลับในเวลาที่เรากำหนด จริงๆ แล้วถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลไปซื้อเองราคาถูกกว่า เราให้คนขายตั๋วเรือตรงร้านขายของชำจองให้ในราคา 330 บาท ราคานี้คือค่ารถสองแถวจากท่าเรือไป บขส. ตราดและค่ารถทัวร์กลับ กทม. (เอกมัย) ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรอบรถทัวร์ก็สามารถเปลี่ยนได้แต่ต้องแจ้งล่วงหน้า แพงกว่าไปซื้อเองไม่เกิน 60 บาท

รอบรถจาก กทม. (เอกมัย) - บขส. ตราด
05.30, 06.00, 07.00, 08.30, 09.30, 10.30, 11.30, 12.30, 13.30, 14.30, 15.30, 17.30, 19.30, 20.30, 22.00 และ 23.30
รอบรถจาก บขส. ตราด - กทม. (เอกมัย) เรากลับรอบ18.00 น.ถึงเอกมัย 00.15 น.
07.00, 08.00, 09.00, 10.00, 11.00, 12.00, 13.00, 14.00, 16.00, 18.00, 19.30, 21.30, 23.00 และ 23.00

ข้อดี
มีรอบรถเยอะ มีผ้าห่มแต่ไม่มีถุงพลาสติกห่อมา มีน้ำดื่ม
ข้อเสีย
เบาะแคบนั่งเมื่อยมาก เพราะว่าเราตัวใหญ่และขายาว ห้องน้ำมีกลิ่น จอดรับผู้โดยสารระหว่างทางบ่อย จองล่วงหน้าไม่ได้ ข้อมูลในเว็บไซต์น้อยซึ่งเราพยายามหาแล้ว
 

เชิดชัยทัวร์มีรถไปหมอชิตด้วย และเบอร์ติดต่อจุดจอดรับผู้โดยสารตามจุดต่างๆ

จากบขส. ตราด ไปท่าเรือเซ็นเตอร์พอยต์
ลงจากรถทัวร์ตอนตีสามกว่าๆ นั่งเล่นสักพักมีคุณลุงสองแถวเดินมาถามว่าจะไปไหน เราบอกว่าจะไปเกาะช้างสอบถามราคารถไปท่าเรืออยู่ที่คนละ 80 บาท ช่วงเช้ามืดค่ารถแพงกว่าระหว่างวัน ตรงนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรแต่ถ้าราคาแพงกว่านี้อย่าไป ถ้าจำไม่ผิดเป็นสองแถวสีน้ำเงิน ส่วนใครจะไปท่าเรือเกาะช้างเฟอร์รี่หรืออีกชื่อเฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติคุณลุงบอกว่าต้องเป็นรถสองแถวสีขาว รถวิ่งช่วงสายๆ 

รถสองแถวพาเราไปส่งจุดขายตั๋วเรือที่เป็นเหมือนร้านขายของชำยังไม่ใช่ท่าเรือนะ ตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆ เพราะครั้งที่แล้วซื้อตั๋วที่ท่าเรือ พอดูราคาแล้วมันเป็นราคานี้ก็ซื้อจากที่นี่เลย ตั๋วเรือไปกลับ 150 บาท และให้เขาจองรถทัวร์ขากลับให้ด้วยอย่างที่บอกไว้ข้างต้น ใกล้ 06.00 น. มีรถสองแถวไปส่งที่ท่าเรืออีกครั้งไม่เสียเงินเพิ่มนะคะ เรากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเติมพลังรอเวลาขึ้นเรือแต่ถูกแอบมองแรงด้วย!   

 

ตอนกลับมาจากเกาะช้างอาตั๋วรถสองแถวที่ได้มาพร้อมกับการจองรถทัวร์ขากลับยืนให้สองแถวที่จอดอยู่หน้าท่าเรือได้เลย หน้าตาตั๋วประมาณนี้

 

รอบเรือจากท่าเรือเซ็นเตอร์พอยต์ - เกาะช้าง ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
06.00, 07.00, 08.00, 09.00, 10.00, 11.00, 12.00, 13.00, 14.00, 15.00, 16.00, 17.00, 18.00 และ 19.30
รอบเรือจากเกาะช้าง - ท่าเรือเซ็นเตอร์พอยต์
06.00, 07.30, 08.30, 09.30, 10.30, 11.30, 12.30, 13.30, 14.30, 15.30, 16.30, 17.30, 18.30 และ 19.30
บางที...คนเยอะก็ออกก่อน เราเจอมากับตัวแบบคาตา ตามแพลนเราต้องการกลับรอบ 15.30 น. เพื่อจะไปให้ทันรถทัวร์รอบ 18.00 น. แต่เรือออก 15.20 น. และรอบต่อไปเรือก็ออกก่อน 16.30 น. อีก ได้ยินมาว่าวันนั้นคนเยอะ แต่ความแน่นอนมันอยู่ที่ไหน?!

 

จากเรือเฟอร์รี่สู่กอนโดล่าแห่งเกาะช้าง

ลงจากสองแถวต้องนั่งรถของท่าเรือไปขึ้นเรืออีกหนึ่งต่อ รับส่งฟรีค่ะ ความพิเศษของการขึ้นเรือรอบแรกคือ เราจะได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นขณะอยู่บนเรือ
อ่อ...ข้อแตกต่างระหว่างเรือจากเซ็นเตอร์พอยต์ใช้เวลา 45 นาที ส่วนเรือจากอ่าวธรรมชาติใช้เวลา 20 นาที วันนี้เราไม่รีบและเราต้องเช่ามอเตอร์ไซค์จึงเดินทางด้วยเรือจากท่าเรือเซ็นเตอร์พอยต์

 

การเดินทางบนเกาะ
เราเช่ามอเตอร์ไซค์ค่ะเพราะอยากไปหลายที่ ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์อยู่ตรงท่าเรือ ค่าเช่าวันละ 250 บาท มัดคำ 1,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อค ใช้บัตรประชาชนตัวจริง หรือ Passport ส่วนเราคืนเราตอนบ่ายสามโมงของอีกวันทางร้านคิด 400 บาท รถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้เราเลี้ยวไปทางขวาของเกาะเพื่อเติมน้ำมันเป็นปั้มใหญ่ ถ้าเป็นทางฝั่งซ้ายส่วนมากจะขายแบบน้ำมันขวด

อากาศตอนเช้าที่เกาะช้างดีมาก ยิ่งขี่ไปทางฝั่งซ้ายของเกาะรถสวนทางแทบนับคันได้ สองข้างทางเต็มไปด้วยสวน ต้นยาง ต้นมะพร้าวและบ้านคน ต่างจากฝั่งขวาที่ส่วนมากจะเป็นโรงแรมรีสอร์ทและร้านอาหาร ส่วนโรงแรมในฝั่งนี้ก็มีตั้งแต่ Homestay, Guesthouse ไปจนถึงโรงแรมหรู เพียงแต่ไม่หนาตาเท่าฝั่งซ้าย

 

อากาศกำลังดีแบบนี้ได้โอกาสขี่รถสำรวจเส้นทางต่างๆ ทำให้รู้ว่าตรงน้ำตกธารมะยมมีจุดกางเต็นท์ เป็นหน่วยพิทักษ์อุทยานที่ กช.1 (ธารมะยม) มีห้องน้ำและมีเจ้าหน้าที่ดูแล

จากนั้นมุ่งสู้บ้านสลักคอกไปที่ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก จะพาไปนั่งเรือมาดชมป่าชายเลน เรายกให้กิจกรรมนี้เป็นกิกรรมไฮไลท์ของทริปนี้เลย เพราะเราไม่คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้อยู่ที่เกาะช้างด้วย เมื่อถึงทางแยกให้เลี้ยวซ้ายไปทางป้าย "สลักคอก-แจ็กแบ้" และเลี้ยวซ้ายอีกครั้งตรงแยกใกล้วัดวัชคามคชทวีป หรือเปิด Google map ไปทางเดียวกับร้านอาหารสลักคอกซีฟู๊ด ชมรมฯ ถึงก่อนร้านอาหารเล็กน้อยค่ะ

หมู่บ้านสลักคอก 
เป็นหมู้บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่อยู่ฝั่งด้านตะวันออกของเกาะช้าง (ฝั่งซ้าย) ที่ชื่อว่าสลักคอกเพราะด้วยภูมิประเทศเป็นเวิ้งขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายคอกสัตว์ ล้อมด้วยแนวป่าชายเลน บริเวณปากอ่าวมีเกาะสลักและเกาะลิ่ม จึงเรียกว่า "อ่าวสลักคอก" ที่นี่ยังคงวิถีชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านแบบดั้งเดิมเอาไว้

ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก 
ก่อตั้งขึ้นโดยคนในชุมชนเพื่อทำการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและสร้างรายได้เสริม ทำให้คนในชุมชนได้รับประโยชน์จากทรัพยากรที่ตัวเองมี เกิดความหวงแหนและช่วยกันอนุรักษ์ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ดูได้จากตอนนั่งเรือแทบไม่เจอขยะในน้ำเลยเพราะชาวบ้านที่นี่เขามีการรวมตัวกันเก็บขยะตลอด การท่องเที่ยวโดยชุมชนจึงเสมือนเป็นเกราะป้องกันธรรมชาติจากผู้ที่หวังเข้ามาใช้ประโยช์จากทรัพยากรจนส่งผลเสียต่อคนในชุมชน กิจกรรมที่นี่มีพายเรือคายัคสำรวจป่าชายเลนด้วยตนเองไปตามลำคลองที่สองข้างทางเป็นป่าชายเลน ทางชมรมฯ จะแจกแผนที่และอธิบายเส้นทาง ส่วนใครไม่อยากออกกำลังแขนมีบริการเรือมาดพร้อมฝีพายให้นั่งชมธรรมชาติ หรือเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า "กอนโดล่าแห่งเกาะช้าง"

 

เราติดต่อจองเรือมาล่วงหน้า ได้รับคำแนะนำว่าควรมานั่งเรือมาดช่วงเช้า ไม่ก็ช่วงเย็นเพราะแดดจะได้ไม่ร้อนมาก ซึ่งไม่จริงเลยแดดเมืองไทยแปดโมงเช้าก็แผดเผาแล้ว แต่แดดตอนเที่ยงบ่ายถ่ายรูปกลางเเจ้งไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ฝีพายเรือมาดเป็นคนในชุมชนผลัดเปลี่ยนมุนเวียนกันมา โดยจะได้รับเงินปันผลจากการท่องเที่ยวทุกปี ตรงนี้เราชอบมากเพราะคนท้องถิ่นดั้งเดิมควรได้รับผลประโยชน์จากทรัพยาการ มีการเก็บขยะช่วยกันดูแลเงินไม่ได้รั่วไหลไปสู่พวกนายทุนเสียหมด เรายังได้ข้อมูลมาอีกว่า เรือมาดเป็นเรือเก่าของชาวบ้านนำมาดัดแปลงต่อโต๊ะใส่ร่ม ซึ่งตอนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสมายังเกาะช้าง ได้ทรงประทับเรือมาดเป็นพาหนะในการชมความสวยงามของอ่าวสลักคอกด้วย

 

ก่อนไปอ่านเจอข้อมูลหนึ่งว่ามีบริการนั่งเรือมาดชมพระอาทิตย์ตกพร้อมอาหารและไวน์ แต่เราลืมถามข้อมูลตรงนี้มาไม่แน่ใจว่ายังมีอยู่ไหม คุณลุงฝีพายบอกว่าสามารถนำอาหารมาทานได้ แต่ทานเสร็จแล้วต้องเก็บกลับไปด้วย กิจกรรมนี้ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที เรือ 1 ลำนั่งได้ 4 คน ราคาอยู่ที่คนละ 200 บาท ช่วงที่เไปปากอ่าวไม่ค่อยมีคลื่น ช่วงที่เป็นคลองป่าชายเลนคลื่นไม่มีเลยทำให้ไม่เมาเรือ 

เรายังแปลกใจ...นั่งเรือมาดเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจนะ แต่ไม่ค่อยเห็นกิจกรรมนี้ผ่านทางสื่อโซเชียลเท่าไหร่ รีวิวและข้อมูลที่อัพเดทน้อยมาก อยากชวนให้มาเที่ยวที่นี่เยอะๆ รู้สึกดีนะคะที่การท่องเที่ยวของเราสร้างรายได้ให้คนในท้องถิ่น แต่อย่าลืมว่าการท่องเที่ยวของเราจะมีคุณค่ามากๆ ถ้าปฏิบัติตัวให้กลมกลืนกับสถานที่นั้นๆ 
เบอร์โทรศัพท์ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก: 08-7748-9497

 

เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนบ้านนาใน

จุดหมายต่อไปอยู่ที่บ้านสลักเพชร คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนบ้านนาในหรือมีอีกชื่อว่าโครงการฟื้นฟูบูรณะป่าชายเลนบ้านสลักเพชร เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนสะพานไม้สีแดงทอดยาวไปจนจุดที่ปากอ่าวสลักเพชร มีระยะทาง 520 เมตร ทางเข้าอยู่ตรงข้ามวัดสลักเพชร อาจจะดูเปลี่ยวๆ ไปบ้าง ตอนแรกนึกว่าหลงแล้วเพราะป้ายบอกทางมีแค่ช่วงแรกเท่านั้น 

ตรงนี้เป็นจุดเริ่มเดิน ดูร้างและเงียบมาก เรารีบเดินมากห่วงรถมอเตอร์ไซค์ ไม่เสียค่าเข้าค่ะ

เส้นทางเดินเป็นวงกลมสามารถเดินเข้าทางหนึ่งและเดินออกอีกทางได้ 

แต่!!! ของดอกจันไว้กงนี้ 
***ต้องมีเทคนิคในการเดินค่ะ เนื่องจากสะพานทางเดินทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ถ้าเดินไม่ดีสะพานอาจจะหักและทำให้เราได้รับบาดเจ็บได้ วิธีเดินคือเดินตามแนวคาน! มีอยู่ 3 แนวแบ่งกันเดินให้ดี เผื่อเลนสวนกันด้วย***

ตรงนี้สวยสุดในเส้นทางนี้ หากมาช่วงที่พระอาทิตย์กำลังตกดินใบต้นโปรงแดงโปรงขาวจะเป็นสีเขียวอมเหลือ พร้อมฉากหลังที่เป็นทิวเขา
เดินมาสุดทางจะไปชมวิวปากอ่าวเสียหน่อย แต่ไปไม่ได้สะพานชำรุดหนักมาก มันเดินยากนะเราพยายามแล้ว อีกนิดเดียวก็ไปไม่ถึง 

ที่นี่สวยและเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่น่าสนใจ นักท่องเที่ยวมีมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ  ทางเดินบางจุดอันตรายจริงๆ ค่ะ ถ้าเรามาคนเดียวคงไม่กล้าไปเดิน ขนาดคนในพื้นที่เองยังไม่แนะนำเลยแต่เราอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง น่าเสียดายที่ไม่มีการซ่อมแซมและไม่มีถังขยะ

 

Journey's End ที่พักหลักร้อยติดทะเลที่แสนสงบ

Journey 's End เป็นที่พักเล็กๆ เพิ่งเปิดได้ไม่นานยังสร้างไม่เสร็จดีนัก อยู่ในเขคบ้านเจ็กแบ้เกือบสุดทางของฝั่งซ้าย เลยร่มไม้ชายเลรีสอร์ทไปอีกค่ะ ห้องพักมีไม่มากถ้าจำไม่ผิดประมาณ 5  หลังได้ มีทั้งห้องแอร์และห้องพัดลม สามารถกางเต็นท์ได้และมีห้องน้ำสำหรับคนที่มากางเต็นท์ อย่างที่บอกว่าที่นี่เพิ่งเปิดยังรับคนจำนวนมากไม่ได้ มีบริการอาหารเช้า อาหารจานเดียวเมนูง่ายๆ และเบียร์ ทางที่พักอนุญาตให้ทำประกอบอาหารได้ ใครอยากปิ้งย่างเตรียมอุปกรณ์และวัตุดิบมากันเอง ส่วนเครื่องดื่มไม่อนุญาตให้นำจากภายนอกเข้ามานะคะ เจ้าของที่พักเป็นชาวต่างชาติค่ะ แต่คนดูแลเป็นคนไทยเป็นกันเองและคุยสนุก ใครสนใจทริปดำน้ำและตกปลาที่นี่ก็มีบริการค่ะ 

เราจองห้องพัดลมสำหรับ 2 คน มาทาง www.booking.com ในราคา 650 บาท ไม่มีอาหารเช้า ทำใจว่าคืนนี้นอนร้อนแน่ๆ แต่ผิดคาด พัดลมในห้องขนาดรุ่นน้องของพัดลมวัดเลยทีเดียว มีตู้เย็นด้วยนะ ตอนกลางวันร้อนหน่อยเพราะอากาศข้างนอกร้อนมาก ส่วนกลางคืนอากาศเย็นสบายค่ะ มาดูห้องพักกันดีกว่า เราถ่ายมาแต่ห้องที่เราพักนะคะ ห้องอื่นมีแขกค่ะ

เดินออกมาจากห้องพัก 300 เมตร มองเห็นวิวนี้

มาดูบรรยากาศยามเย็นกันบ้าง น้ำทะเลหน้าที่พักลดลงไปเยอะมาก แต่ก็สวยไปอีกแบบ

เสียดายที่ตอนเช้าของอีกวันฝนตก เราเลยไม่ได้เก็บบรรยากาศของที่พักในยามเช้ามาฝาก มีแต่รูปตัวป่วน 3 ตัวนี้ ป่วนและแสบด้วยมานั่งรอเราแบ่งขนม พอเราไม่แบ่งให้เลยเรียกร้องความสนใจด้วยคาบหมวกและวิ่งนี้ซะเลย

นี่ก็อีกตัว น้องต้องสับสนทางพันธุกรรมแน่ๆ แมวจ้า ไม่ใช่ลิงแสม

 

ราคาอาหารที่นี่ก็ไม่ได้แพงมากเกินไป เบียร์เย็นๆ พร้อมแก้วขวดละ 90 บาท ข้าวผัดหมูขนาดกินคนเดียวจุกจานละ 80 บาท อยากกินข้าวเหนียวมะม่วงเลยไปถามคุณป้าที่ดูแลที่พักว่าแถวนี้มีไหม ได้ความว่ามีคนแถวนี้เขาทำขายจะสั่งให้เขามาส่งตอนเช้า ข้าวเหนียวมูนพร้อมมะม่วง 3 ลูก 120 บาท ดูจากปริมาณและราคานี้ถูกกว่ากินในกรุงเทพฯ อีก มื้อเช้าในวันฝนพรำของเราจึงเป็นข้าวเหนียวมะม่วงจ้า

ที่พักที่นี่ไม่ใหญ่ แต่สิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็นมีครบ เมื่อเทียบกับราคาแล้วคุ้มค่า เราประทับใจที่นี่มากค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลด้วย เราไม่ชอบนอนที่พักหรูแต่จะเลือกที่พักที่เป็นตัวเอง เราไม่ต้องการการบริการระดับห้าดาว แต่เราชอบความเป็นกันเองมาพูดคุยเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เราฟังแค่นี้ก็พอใจแล้ว ซึ่งที่นี่มีครบ อย่างที่เราต้องการ

ใครที่ไม่มีรถส่วนตัวมาและขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น อาจจะต้องเสียเงินเหมารถมาส่งแพงหน่อยเนื่องจากที่พักอยู่เกือบท้ายเกาะ ยังไงก็ตามลองปรึกษากับทางที่พักก่อนนะคะ

เบอร์โทรศัพท์: (ภาษาไทย) 0972383779  (English) 0988563050
Facebook: Journey's End

 

ทะเลของคนว่ายน้ำไม่เป็นก็สนุกได้

เช้าวันที่ 2 ฝนตกพรำๆ แบบไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ท้องฟ้าครึ้มการดูพระอาทิตย์ตอนเช้าและขี่รถเล่นจึงต้องพับเก็บไป เปลี่ยนมานั่งดูหมอกฝนคลุมยอดเขาแทน 

อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลา Check out เราจึงเช่าเรือคายัคจากที่พักชั่วโมงละ 100 บาทพร้อมเสื้อชูชีพ ตอนแรกว่าจะพายอยู่แค่หน้าหาด แต่พี่คนที่เตรียมเรือให้แนะนำให้พายไปตรงสะพานทางขวามือที่มองเห็นไกลๆ โน้นนนนนน (สีขาวๆ ตรงขอบน้ำ) โดยให้กำลังใจว่าถ้าพายไปทางสะพานน้ำตื้น แต่ถ้าพายไปทางซ้ายน้ำจะลึก เราก็ไปทางขวาสิและมันก็ตื้นจริงๆ ใกล้สะพานเราเจอคนกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นน้ำความลึกประมาณอกเอง โธ่เอ๋ย! นึกว่าจะลึกกว่านี้ มีเส้นทางพายเรือเข้าไปในป่าชายเลนและพายข้ามเกาะอีกนะ แต่ต้องท่องไว้ว่ามาพักผ่อนไม่ได้มาเหนื่อยเหมือนทริปก่อนหน้านี้แค่หนึ่งชั่วโมงก็เมื่อยแขนแล้วค่ะ ที่ไม่เข้าใจคือเราพายไปตรงสะพานทำไม

ทะเลฝั่งนี้ไม่ค่อยมีคลื่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลักษณะภูมิประเทศหรือว่าเกี่ยวกับช่วงเวลา การพายเรือคายัคจึงเป็นการพายแบบเบาๆ เรื่อยๆ ไม่น่ากลัวสำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างเรา เป็นอีกทางเลือกของคนที่อยู่เฉยไม่ได้

 

อาหารการกิน

ทริปนี้ไม่เน้นกินหรูเพราะเงินไม่ค่อยมีค่ะ ^^ กินร้านอาหารตามสั่งทั่วไป ถามคนในพื้นที่ว่ามีร้านไหรอร่อยบ้าง บางร้านก็ผ่านไปเจอโดยบังเอิญ ราคาอาหารตามสั่งของเกาะช้างฝั่งนี้ไม่แพง มาดูดีกว่าว่าเรากินอะไรไปบ้าง ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะทำรีวิวตรงส่วนนี้เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาทั้งหมด แต่อยากให้เห็นว่าด้วยงบประมาณท่านี้เรากินอยู่กันไง 

ร้านแรกเป็นร้านอาหารตามสั่งใกล้บ้านพัก เป็นร้านพี่ของคนที่ดูแลบ้านพักค่ะ เรากินข้าวมันไก่และข้าวหมูแดงทั้งหมด 3 จานน้ำเปล่า 1 ขวด รวมทั้งหมด 130 บาท

คุณป้าบอกว่าให้เด็กไปซื้อสีผสมอาหารมาผิดสี กลายเป็นข้าวหมูแดง In love

น้ำแข็งไสที่บ้านสลักคอกถ้วยละ 10 บาท

ร้านอาหารตามสั่งตรงข้ามวัดสลักเพชร ขายผลไม้และน้ำปั่นด้วย มาซ้ำ 2 มื้อ อร่อยและถูกแต่ทำช้า ต้มยำหมูถ้วยละ 60 บาท ปลาหมึกผัดพริกแกง 50 บาท ข้าวเปล่าจานละ 10 บาท น้ำดื่มขวดละ 10 บาท และน้ำมะพร้าวปั่นนมสดชอบมากแก้วละ 20 บาทเอง


เกาะช้างฝั่งซ้ายเหมาะกับคนที่ชอบความสงบ ชอบธรรมชาติ เราประทับใจการนั่งเรือมาดที่สุดให้เป็นทีเด็ดของเกาะช้างฝั่งซ้ายเลย
ราคาอาหารก็ไม่แพงในกรณีที่กินร้านตามสั่งทั่วไปไม่จัดหนักนะ ที่พักถูก มีกิจกรรมให้ทำไม่แพ้อีกฝั่ง
ถ้าให้เทียบกันระหว่างเกาะช้างเลี้ยวขวา และเกาะช้างเลี้ยวซ้าย เราชอบเกาะช้างเลี้ยวซ้ายมากกว่า 
...ชอบ จนเข้าขั้นหลงรัก....
สองครั้งแล้วสำหรับเกาะนี้ ยังเที่ยวไม่หมดสักที หวังว่าจะได้มีโอกาสกลับมาอีก 

ค่าใช้จ่ายในทริปนี้ หารเฉลี่ยแล้วตกคนละ 2,233 บาท เกินงบมา 233 บาท คุมงบกันจนลืมว่าไปเที่ยวเกาะ ฮ่าๆ

ใครยังเข้ามาอ่านและอ่านมาถึงตรงนี้ขอขอบคุณมากๆ ค่ะ ถ้ารีวิวนี้เป็นประโยชน์หรือพอจะช่วยในการเดินทางของคุณได้เราจะดีใจมากๆ

ติดตามได้ทางเพจอีกหนึ่งช่องทางค่ะ
https://www.facebook.com/KeepGoingThailand/ แอดมิน แป้งเจอนี่เจอนั่น