ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
| ณ วันฝนพรำกับมุมมองใหม่ ที่แม่ลาน้อย และขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน | อ.แม่ลาน้อย + อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน
    • โพสต์-1
    The Wanderer  •  สิงหาคม 26 , 2559

    : หอมกลิ่นไอดิน ลิ้มรสกาแฟสด เลี้ยวลดเลาะพันโค้ง :

    "หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดีประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง"

     

     

    ด้วยความที่เป็นคนชอบทุ่งนา ทุ่งข้าว สีเขียวผืนกว้างๆ อยู่แล้ว และยิ่งช่วงหลังมานี้กระแสทุ่งนาขั้นบันไดที่ได้เห็นตามหน้ารีวิวเวปไซต์ทั่วไปช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน บวกกับจังหวะได้ไปเดินงานท่องเที่ยวไทยและเผอิญได้เจอกับบูธรีสอร์ทเล็กๆ แต่ดึงดูดด้วยแบคกราวด์แบคดรอพวิวทุ่งนาข้าวเขียวขจี มันจึงทำให้ฉันควักแบงค์สีเทาหนึ่งใบออกไปอย่างไม่รีรอ.

     

    จุดหมายปลายทาง : อ.แม่ลาน้อย + อ.ขุนยวม

    Day 1 (อ.แม่ลาน้อย)
    > โครงการหลวงแม่ลาน้อย 
    > บ้านห้วยห้อม (ชิมกาแฟสดอาราบิก้า+ชมการทอผ้าด้วยขนแกะ)
    > พระธาตุธัมมิกราช
    > ถ้ำแก้วโกมล (ไม่ได้เข้าเพราะปิดช่วงหน้าฝน)

    Day 2 (อ.ขุนยวม)
    > บ้านเมืองปอน หมู่บ้านท่องเที่ยววิถีชุมชนไทยใหญ่
    > น้ำพุร้อนบ้านหนองแห้ง
    > วัดแม่ปาง (อ.แม่ลาน้อย) หรือสามารถไปเที่ยวในวันที่ 1 ได้

    ค่าใช้จ่ายหลักๆ
    > รถทัวร์ - 1,576  บาท (ไป-กลับ) คลาส Super ของสมบัติทัวร์
    > ที่พัก - 900/ห้อง/คืน (รวมอาหารเช้า)
    > อาหารและเครื่องดื่ม - n/a (ขึ้นอยู่กับสไตล์และความสามารถของแต่ละคน)
    > ค่าเหมารถสองแถวชาวบ้านเที่ยว - 1,600/วัน (ในทริปนี้เหมา 2 วัน เนื่องจากมีเวลา 2 วันเต็ม)

    Remark 
    : หากใครชอบวิวทุ่งข้าวรวงสีทอง แนะนำมาช่วงเดือน ต.ค. 
    : ควรระมัดระวังในการเดินทางในหน้าฝนเพราะถนนลื่น
    : การเดินทางในครั้งนี้ เลือกที่จะมาโดยรถทัวร์ และเหมารถสองแถวชาวบ้านเที่ยว เนื่องจากมาหน้าฝน และความไม่ชำนาญทาง ซึ่งอาจจะไม่ปลอดภัยในการขับขี่ด้วยตัวเอง

    ----------------------------------------------------------------------------------------------

     > การเดินทางในครั้งนี้ ใช้บริการรถทัวร์ ของสมบัติทัวร์ เนื่องจากเป็นบริษัทเดียวที่ผ่าน อ.แม่ลาน้อย โดยออกตอนเย็น ถึงแม่ลาน้อยเช้าวันรุ่งขึ้น ตารางเวลาและคลาสรถสามารถเข้าดูได้ที่เวปไซต์ของสมบัติทัวร์ หรือโทรสอบถามได้ที่ call center สมบัติทัวร์

    > แนะนำให้จองและซื้อตั๋วไว้ให้เรียบร้อยก่อนการเดินทางเลย 

    > ที่สถานีสมบัติทัวร์ สามารถเลือกสถานีขึ้นได้ 2 ที่ คือหมอชิต และวิภาวดี ในครั้งนี้ขึ้นที่วิภาวดี โดยเวลารถออกคือ 17:20 น.ค่ะ  

    >ควรมาถึงก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมง โดยภายในจะมีเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์คอยประกาศเลขข้างรถและเวลาที่รถจะออก ต้องคอยฟังให้ดี และจะมีจอตารางเวลาอัพเดทให้ดู รถออกค่อนข้างตรงเวลานะคะ

    > รถจะมี 2 คลาส คือ Super และ Star  ทริปนี้เลือกคลาส Super ค่ะ (ดีกว่า Star) ที่นั่งช่วงขาจะยาว ยืดขาได้สบาย เบาะนวดไฟฟ้า  

    > พอขึ้นรถ พนักงานบริการเค้าจะเดินมาเช็คตั๋วและถามแต่ละคนว่าจะลงตรงไหนค่ะ เราสามารถบอกให้เค้าช่วยบอกเราได้ค่ะ ว่าถึงแม่ลาน้อยแล้วให้บอกด้วย

    > ทั้งขาไปและกลับ บนรถจะมีบริการของว่าง เครื่องดื่ม และพักทานข้าวของจุดพักรถของสมบัติทัวร์เองค่ะ

    > วันเดินทางคืนแรก แวะพักรถและให้ทานข้าวตอน 21.30 น. ส่วนขากลับแวะตอนตี 3 ที่กำแพงเพชรค่ะ อาหารเป็นบุฟเฟต์ มีให้เลือกหลากหลาย เค้าให้เวลาทาน 20 นาทีค่ะ (รวมอยู่ในราคาตั๋วแล้ว)

    > มาถึง อ.แม่ลาน้อยเวลา 06.30 น. จุดที่จอดให้ลงจะอยู่ตรงข้ามกับเซเว่นและเยื้องๆ กับโรงพยาบาลแม่ลาน้อย จะมีศาลาเล็กๆ ข้างทางให้นั่งพัก/รอค่ะ  (จะไม่มีสถานีรถเป็นเรือ่งเป็นราวนะคะ เป็นศาลาริมทางธรรมดาเลย) อย่าหลับเพลินนะคะ เพราะพนักงานจะไม่มีมาตะโกนเรียกนะคะ หรือหากกลัวลืมสามารถบอกให้พนักงานบนรถตอนขึ้นรถให้เค้าเดินมาบอกเราก็ได้ค่ะ ในครั้งนี้ เผอิญคนนั่งที่ข้างๆ เค้าลงที่แม่ลาน้อยพอดี ก็เลยลงตามเค้าค่ะ 

     > ย้ำนะคะ ควรบอกพนักงานบริการบนรถตั้งแต่ตอนขึ้นรถว่าให้เตือนหรือบอกด้วยเมื่อถึงจุดลง เพราะถ้านอนหลับเพลินอาจเลยได้
    > เมื่อมาถึง ก็โทรให้ทางรีสอร์ทออกมารับค่ะ รีสอร์ทอยู่ไม่ไกลจากศาลาพักมากนัก แต่ถ้าเดินก็มีเหงื่อออกจักกะแร้ และหอบได้เหมือนกันค่ะ (แนะนำให้รีสอร์ทมารับจะดีกว่าค่ะ) แต่ถ้าใครอยากเดินชมวิวชิววววววววววววววว และของไม่หนักมาก ก็ตามสะดวกเลยจ้า แต่ตอนที่ไปนี้ฝนตกโปรยปรายตลอดค่ะ เลยขอใช้บริการทางรีสอร์ทค่ะ > ถึงแล้วจ้าาาาาาา ที่พักของเราทริปนี้ "เฮินไตรีสอร์ท" ที่พักหลักรอ้ย แต่วิวหลักล้าน (ตามคอนเซปต์เรา 555) > บรรยากาศห้องพักและภายในรีสอร์ท จะเห็นวิวทุ่งนาได้ทุกหลัง ในภาพนี้ชื่อ "เฮินแสงจันทร์" ค่ะ > มองเข้าไปที่ห้องพัก หลังนี้ที่เราพักค่ะ ชื่อ "เฮินแฝด" เราเลือกพักชั้นบนค่ะ จะได้เห็นวิวมุมสูงและกว้าง > ระเบียงเล็กๆ จากห้อง "เฮินแฝด" พอเหมาะกับโต๊ะนั่งชมวิวสุดลูกหูลูกตา > ทัศนีย์ภาพจากภายในห้อง (เฮินแฝด) เมื่อมองออกไป > ภายในห้องพัก (เฮินแฝด) > ห้องน้ำแบบ open air > นอนหลับสบายยยยยย > ที่พักหลังน้อยๆ แอบหลบซ่อนตัวอยู่ในธรรมชาติและทุ่งนาได้อย่างกลมกลืน > มีชานไว้สำหรับนั่งดื่มด่ำบรรยากาศ และสามารถก่อกองไฟ หรือปิ้งย่างอาหารได้ > ที่เฮินไตรีสอร์ท มีบ้านพักให้เลือกหลากหลายขนาด ซึ่งทุกหลังได้บรรยากาศที่ยากจะบรรยายแบบแตกต่างแต่เหมือนกัน> เจ้าเหมียว ผู้คุ้มครองรีสอร์ท เชื่องมว้าาาาก > เมื่อล้างหน้าล้างตา เก็บของเข้าห้องพักเรียบร้อย (โชคดีที่คืนก่อนหน้าไม่มีลูกค้าเข้าพัก เลยเข้าเช็คอินก่อนได้) ก็ออกมาเที่ยว one day trip เหมารถสองแถวชาวบ้าน ที่จองไว้กับรีสอร์ทแล้ว เป็นการกระจายรายได้ให้ชาวบ้าน > ที่แรกที่เรามากัน คือ "โครงการหลวงแม่ลาน้อย" อ.แม่ลาน้อย > ธรรมชาติหน้าฝน เขียวชะอุ่มไปทุกที่ ควรใช้ความระมัดระวังในการเดิน เพราะถนนและบันไดเต็มไปด้วยตะไคร่และมอส

    > แปลงผักปลอดสารพิษในโครงการ ถ้าในช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวสามารถเด็ดผักได้เองเลย

    > วิวนาขั้นบันไดในมุมสูง > ผลผลิตสดๆ > สถานที่ที่ 2 : บ้านห้วยห้อม อ.แม่ลาน้อย
    ที่นี่เป็นแหล่งที่ปลูกเมล็ดกาแฟพันธ์อะราบิก้าที่ดีที่สุดในประเทศไทยที่สตาร์บัครับซื้อ > เรามาแวะกันที่บ้านโฮมสเตย์แม่มะลิวัลย์ ซึ่งเป็นบ้านต้นแบบโฮมสเตย์ครบวงจร> กาแฟสดอะราบิก้า ที่เลื่องชื่อลือเลื่อง > ภายในบริเวณรอบบ้านโฮมสเตย์แม่มลิวัลย์ จะมีสวนปลูกต้นกาแฟ สามารถเดินชมรอบๆ บ้านได้ > เมล็ดกาแฟคั่ว หอมหวลลลล > บาริสต้าสุดยอดฝีมือชง > ที่นี่มีผลิตภัณฑ์ไว้จำหน่ายด้วยค่ะ หลากหลายขนาด ราคาไม่แพงเลย

    > แม่มะลิวัลย์ สาธิตการทอผ้าขนแกะให้ชมค่ะ ซึ่งที่นี่นอกจากจะกาแฟดังแล้ว ในหมู่บ้านยังมีศูนย์การเรียนรู้เลี้ยงแกะเพื่อนำขนแกะมาแปรรูปทำเป็นผ้าพันคอด้วย

    > แกะกำพร้าที่แม่มะลิวัลย์เลี้ยงไว้ที่บ้าน > ผลิตภัณฑ์ให้เลือกซื้อจากขนแกะ > นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์จากรกแกะไว้ขายด้วย > ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกาแฟ > ในบ้านแม่มะลิวัลย์ยังเลี้ยงหมูไว้ขายและทานเองด้วย > เดินชมสวนภายในบ้านแม่มะลิวัลย์มาเรื่อยๆ ก็มาโผล่ปลายทางที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอภาพนี้ตรงหน้า............... > เดินเล่นสักพัก กลิ่นกับข้าวหอมฉุยก็เรียกให้เรารีบขึ้นเรือน  ที่บ้านโฮมสเตย์แม่มะลิวัลย์นี้มีบริการอาหารให้พวกเราได้ฝากท้องกันด้วย ซึ่งเราก็ไม่พลาดจึงขอฝากท้องมื่อเช้ารวบกลางวันไว้ที่นี่เลย > อาหารธรรมดาบ้านๆ แต่รสชาติขั้นเทพ ซึ่งใช้วัตถุดับจากสวนทั้งหมด มื่อนี้คิดเป็นหัว คนละ 70 บาท > หลังจากท้องอิ่ม และได้นั่งคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับแม่มะลิวัลย์แล้ว ก็ได้เวลาบอกลา เพื่อเดินทางต่อ 

    > บรรยากาศภายในหมู่บ้านห้วยห้อม ในบรรยากาศชุ่มฉ่ำสายฝน ช่างสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก

     

    > สถานที่ที่ 3 : พระธาตุธัมมิกราช

    ระหว่างทางขาลงเขา จากหมู่บ้านห้วยห้อม เราได้แวะที่พระธาตุธัมมิกราช  แต่ตอนนั้น สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง จึงทอดเวลาที่นี่ได้ไม่นานนักก็ต้องรีบกระโดดขึ้นรถเพื่อกลับที่พัก

     

    > ข้างทางระหว่างทาง...เราสามารถเห็นและสัมผัสกับวิถีชาวบ้านได้ตลอดทาง

    > สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด เสพวิวทิวทัศน์ให้เต็มสองตา  | เริ่มต้นการเดินทางวันที่ 2 | (อ.ขุนยวม)

    > เราเช็คเอ้าท์กับที่รีสอร์ทตอนสายๆ เพื่อที่จะไปเที่ยวที่ อ.ขุนยวม โดยโปรแกรมในวันนี้ก็ได้ทางเจ้าของรีสอร์ทช่วยแนะนำและวางโปรแกรมให้ รวมถึงยังช่วยติดต่อรถชาวบ้านให้ (เจ้าของใจดีๆๆน่ารักมากๆๆ ขอบคุณนะค้้าาา)  โดยสามารถฝากกระเป๋าและสัมภาระต่างๆ ไว้ที่รีสอร์ทได้ เนื่องจากรถทัวร์ที่เราจะกลับนั้นรอบ 18.00 น.

    > รถมารับที่รีสอร์ท และเราก็เริ่มเดินทางมาที่ อ.ขุนยวม ที่แรกคือ บ้านเมืองปอน เป็นหมู่บ้านวิถีชุมชนไทยใหญ่ > ที่หมู่บ้านจะมีบางหลังที่ทำโฮมสเตย์ และมีการอนุรักษ์และดำรงวิถีการดำเนินชีวิตแบบชาวไทยไหญ่ > เครื่องมือที่ใช้ในการดำรงชีวิตของชาวไทยใหญ่ > ชาวบ้านตากกระเทียมไว้สำหรับเตรียมไว้เป็นพันธ์ปลูก > เดินต่อมาบ้านอีกหลัง  บ้านหลังนี้มีการทำสานทำหมวกและของใช้ต่างๆ จากไม่ไผ่หลาม > หัตถกรรม> ผลิตภัณฑ์จำหน่าย > อีกหลังหนึ่ง เป็นกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร จำพวก ผลไม้กวนต่างๆ > ที่หมู่บ้านนี้ จะสังเกตุเหตุบ้านแต่ละหลังจะมีเครื่องรางทำจากใบไม้แห้งแขวนไว้ที่ประตูบ้านเกือบทุกหลัง เชื่อว่าเป็นเครื่องรางที่ปกปักคุ้มครองและป้องกันภูติผีปีศาจ > หลังจากนั้นเราก็มาต่อที่สถานที่ที่ 2 คือ น้ำพุร้อนบ้านหนองแห้ง อ.ขุมยวม > มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ ไว้แช่เท้า แช่ไข่ > ที่นี่จะจัดโซนสระแช่น้ำรวม โดยมีวิวธรรมชาติโอบกอดด้วยภูผา หรือจะเลือกห้องแช่แยกส่วนตัวก็ได้เช่นกัน > ห้องแช่น้ำร้อนส่วนตัว > ระหว่างทางขากลับจากขุนยวม เราแวะถ่ายรูปที่แม่ลาหลวงกันค่ะ วิวสุดลูกหูลูกตา สวยงามมากจริงๆ ต้นไม้ นาข้าว หน้าฝน สีเขียวชะอุ่ม ดูแล้วสบายตาจริงๆ > สถานที่ที่ 3 : วัดแม่ปาง (อ.แม่ลาน้อย)
    เป็นทางผ่านตอนขากลับจาก อ.ขุนยวม ก่อนเข้ารีสอร์ท แต่หากใครอยากจะมาตั้งแต่วันแรกก็ได้นะคะ > วัดแม่ปาง
    เมื่อเดินเข้ามาภายในวัด และขึ้นบันไดมา ก็ต้องตกตะลึงอึ้งกับสถาปัตยกรรมที่วิจิตรตระการตาที่อยู่ตรงหน้า ทำเอาสตั้นไปชั่วขณะเลยที่เดียว ......งดงามอย่างลงตัว  ภายในมีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ สามารถเปิดประตูเข้าไปไหว้สักการะได้ค่ะ

    > หลังจากตะลอนเที่ยวมาทั้งวัน ก็กลับมาเตรียมตัวที่รีสอร์ทเพื่อต้องบอกลาธรรมชาติที่สงบกลับสู่เมืองกรุงอันวุ่นวาย
    > เจ้าของรีสอร์ทใจดีขับรถมาส่งที่ท่ารถสมบัติทัวร์ (ไม่ใช่จุดเดิมที่ส่งขามานะคะ) สถานที่จะเป็นตึกแถวร้านค้า พอถึงเวลา (เรากลับรอบ 18.00 น.) (ซึ่งเลทประมาณ 40 นาที) รถบัสก็จะมาจอดค่ะ

    > ขากลับเราสามารถเลือกลงได้ รถจะจอดที่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต กับสถานีสมบัติทัวร์วิภาวดีค่ะ

    | ลองถามใจตัวเอง และออกเดินทางเพื่อหาคำตอบภายในใจ  อยู่ตรงไหนแล้วสบายใจ จงไปอยู่ตรงที่แห่งนั้น | 

     

    • โพสต์-2
    Pink •  สิงหาคม 27 , 2559

    ทะเล

    ทะเล