ถ้าพูดถึงจังหวัดสุดเขตดินแดนตะวันตกทางภาคเหนือของไทย คงจะเป็นที่ใดไปไม่ได้นอกจาก จังหวัดตาก ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าต้นน้ำในบริเวณนี้ ความหลากหลายของภูมิประเทศที่มีเทือกเขาสลับซับซ้อน อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กับประเทศพม่าเพียงแม่น้ำกั้น แถมยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่เรายังไม่เคยได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือน การมุ่งหน้าขึ้นเหนือคราวนี้ เราจึงเลือกปักหมุดปลายทางไว้ที่ “อุทยานแห่งชาติแม่เมย” ในเขตอำเภอท่าสองยาง ซึ่งมีพร้อมไปด้วยการท่องเที่ยวหลากสไตล์ และยังเหมาะเจาะสำหรับช่วงเวลาวันหยุดอันน้อยนิดของเราด้วย

อุทยานแห่งชาติแม่เมย โด่งดังในเรื่องความอลังการและความสวยงามของทะเลหมอก แค่พื้นที่ภายในอุทยานเองก็มีจุดชมทะเลหมอกให้เราได้เลือกชมมากถึง 4 จุดใหญ่ๆ ด้วยกัน และถ้าใครกำลังคิดว่า ทะเลหมอกที่ไหนๆ ก็เหมือนกันหมด อาจจะต้องคิดใหม่แล้วล่ะครับ เพราะเรื่องของความสวยงามนั้นมันต้องมาพร้อมด้วยองค์ประกอบๆ หลายๆ อย่างรวมกัน ซึ่งจุดชมทะเลหมอกหรือม่อนแต่ละแห่งก็มีเอกลักษณ์และความสวยงามไม่ซ้ำกัน จุดแรกที่ห้ามพลาดเลยก็คือ “ม่อนปุยหมอก” ไฮไลท์สำคัญประจำอุทยานฯ ที่ต้องใช้สองเท้าคู่ชีพเดินขึ้นเขาชันเป็นระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร และเตรียมกางเต้นท์ค้างคืนข้างบนอีก 1 คืนเต็มๆ ถึงจะครบสูตร ซึ่งตลอดเส้นทางเดินเราจะได้ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติและได้เห็นพันธุ์ ไม้แปลกตาหลากหลายชนิด เรียกว่าคุ้มค่าทุกกำลังแรงกายจริงๆ และก็ยิ่งคุ้มค่ามากขึ้นไปอีกหลายเท่า กับการได้ชมทั้งวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็น รวมถึงได้ทักทายพระอาทิตย์ขึ้นตอนรุ่งสางก่อนใครไปพร้อมๆ กับการชื่นชมความอลังการของทะเลหมอกที่แน่นขนัดสลับกับแนวเขาที่วางตัวซ้อน กันสุดลูกหูลูกตา แต่ถ้าใครไม่ไหวที่จะออกแรงเดินขึ้นเขา หรือสังขารเริ่มไม่อำนวย ภายในอุทยานแห่งชาติแม่เมยยังมีอีก 3 ม่อนสำหรับการเที่ยวชมแบบสบายๆ แต่ยังได้ใกล้ชิดธรรมชาติเหมือนกัน

ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไปอีก 10 กิโลเมตรเศษๆ จะเป็น “ม่อนกิ่วลม” ม่อนที่ได้ชื่อว่ามีวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ตระการตามากที่สุด ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 940 เมตรทำให้วิวทะเลหมอกในหุบเขาเบื้องล่างดูราวกับเป็นทะเลสีขาวก็ไม่ปาน แถมยอดเขาที่โผล่พ้นปุยหมอกขึ้นมาก็เหมือนกับเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยกลางทะเล แถมด้วยลมเย็นๆ ที่พัดผ่านอยู่เสมอจนเป็นที่มาของชื่อม่อนก็ทำให้เราได้ห่มความหนาวจนสะใจ จึงไม่น่าแปลกใจถ้าใครต่อใครจะประทับใจม่อนกิ่วลมไม่รู้ลืม ทีนี้ขยับเข้ามาใกล้ที่ทำการอุทยานฯ อีกนิดสำหรับคนที่ไม่อยากเดินทางไกล ด้วยระยะทางเพียง 7 กิโลเมตร เราก็จะได้ชมวิวทะเลหมอกพร้อมๆ กันทีเดียวถึง 2 ม่อน ทั้ง “ม่อนพูนสุดา” และ “ม่อนครูบาใส” ซึ่ง ตั้งอยู่ห่างจากกันเพียง 200 เมตร เรียกว่าเดินแค่อึดใจเดียวก็ได้วิวสวยไม่ซ้ำกันแล้ว นอกจากทะเลหมอกสวยๆ ยามเช้าแล้ว ทั้ง 2 ม่อนนี้ยังโดดเด่นด้วยวิวยามเย็นช่วงพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า เพราะทิศที่ตั้งอยู่นั้นเป็นทิศตะวันตกพอดี ถ้าอยากจะได้ภาพพระอาทิตย์ตกสวยๆ รับรองว่า 2 ม่อนนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

และด้วยสภาพภูมิประเทศของจังหวัดตากที่มีแม่น้ำเมยเป็นเหมือนเส้นกั้นเขตแดน ระหว่างประเทศจากทิศเหนือจรดทิศใต้ เลียบไปตามแนวเทือกเขาถนนธงชัยกว่า 50 กิโลเมตร จึงถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเกิดทะเลหมอกสวยๆ ในอุทยานแห่งชาติแม่เมย ทั้งความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าต้นน้ำ รวมถึงสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี ภายในอุทยานแห่งชาติแม่เมยจึงมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายแนวให้เราได้ เลือกกันสนุกตามสไตล์ นอกจากจุดชมทะเลหมอกสุดอลังการแล้ว ยังมีน้ำตกน้อยใหญ่อีกหลายแห่งทั้ง “น้ำตกแม่ระเมิง” “น้ำตกชาวดอย” “น้ำตกผาเทวะ” “น้ำตกแม่สลิดน้อย” แต่ถ้าอยากเที่ยวแบบลุยๆ ผจญภัยหน่อยๆ ก็มี “ถ้ำแม่อุสุ” ที่มีลำน้ำไหลผ่านให้เราได้เดินลุยน้ำเข้าไปชมความงามของถ้ำ หรือจะเลือกเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติพร้อมเจ้าหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยว กับพืชพันธุ์ต่างๆ ในพบเห็นระหว่างทางก็สนุกสนานได้ไม่ต่างกัน

ถ้าใครอยากจะมาเที่ยวให้ทั่วๆ อุทยานแห่งชาติแม่เมย เราแนะนำว่าควรจะหาวันหยุดยาวให้พอมีเวลาอยู่ในอุทยานซัก 2-3 วัน จะได้สัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างเต็มอิ่ม และถ้าใครกำลังกังวลกับเรื่องที่พักระหว่างมาเที่ยวก็หมดห่วงไปได้เลย เพราะทางอุทยานฯ มีบ้านพักไว้ให้บริการ แต่ละหลังก็พักได้ 4-6 คน จัดว่าเป็นบ้านหลังใหญ่อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีพอไม่ให้รู้สึกขัดสน จะขาดก็แต่ปลั๊กไฟภายในบ้านที่เราไม่สามารถชาร์จไฟอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าจำเป็นต้องชาร์จไฟจริงๆ บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ก็มีบริการรับฝากชาร์จไฟในราคาชิ้นละ 10 บาท ส่วนใครที่ไม่ค่อยห่วงสบาย อยากนอนกางเต็นท์อิงแอบธรรมชาติ ภายในอุทยานฯ ก็มีลานกางเต้นท์ให้เลือกมากมาย ทั้งลานกางเต้นท์บนม่อนกิ่วลม ลานกางเต้นท์ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ ซึ่งเราเลือกได้เลยว่าอยากได้บรรยากาศใต้ร่มไม้ครึ้มหรือริมลำธารใสไหลเย็น แถมห้องน้ำห้องท่าก็มีพร้อมเป็นสัดส่วน แยกห้องอาบน้ำชาย-หญิงเรียบร้อย ที่สำคัญจำนวนห้องน้ำก็มีเยอะจนไม่ต้องห่วงว่าจะต้องแย่งกันใช้ในช่วงเทศกาล ท่องเที่ยวเลย สำหรับเรื่องปากท้องที่เราไม่มีทางปล่อยให้อดๆ อยากๆ แน่นอน ถ้าหากไม่คิดจะเตรียมตัวมาแคมปิ้งประกอบอาหารกันเอง ภายในอุทยานฯ ก็มีร้านค้า ร้านอาหารให้เราได้ฝากท้องกันครบทุกมื้อ ส่วนใครชอบหิวตอนดึกๆ อาจจะต้องพกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดตัวไว้หน่อยจะได้หลับสบายหายห่วง

จากที่เคยแต่ขับรถผ่านจังหวัดตากไปมา ก็เพิ่งจะได้ตรงมาเที่ยวจริงๆ จังๆ ก็ครั้งนี้ ซึ่งการเลือกอุทยานแห่งชาติแม่เมยเป็นจุดหมายปลายทางแรกของจังหวัดก็ไม่ได้ ทำให้เราผิดหวังเลย ทั้งความสวยงามของทะเลหมอกสุดอลังการ ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อากาศที่เย็นสดชื่นและการผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ก็เรียกได้ว่าครบเครื่องทุกรสชาติการท่องเที่ยวซะเหลือเกิน จนแอบนึกสงสัยว่า เรามัวแต่ไปหลงอยู่ที่ไหนกันนะ ถึงได้เพิ่งจะมาทำความรู้จักกับสถานที่เที่ยวสวยๆ อย่างอุทยานแห่งชาติแม่เมยเอาป่านนี้

- ภายในบ้านพักของอุทยานแห่งชาติแม่เมย มีการปั่นไฟฟ้าให้ใช้ในช่วงเวลา 18.00-22.30 น. เท่านั้น

- พื้นที่ภายในอุทยานแห่งชาติแม่เมย มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นบางคลื่นและบางจุดเท่านั้น หากจำเป็นหรือฉุกเฉินต้องใช้โทรศัพท์โดยด่วน สามารถขอใช้โทรศัพท์ได้ในที่ทำการอุทยานฯ

- การท่องเที่ยวในบางจุดภายในอุทยานฯ ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่นำทาง ดังนั้นควรติดต่อสอบถาม ณ ที่ทำการอุทยานฯ ก่อน

- การเดินทางท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ต้องอาศัยรถยนต์ส่วนตัว เนื่องจากไม่มีรถรับจ้างคอยให้บริการ