เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกเขาชะเมา ถือเป็นอีกหนึ่งทางเดินชมธรรมชาติใกล้กรุงเทพฯ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ร่มรื่นตลอดทั้งปี ซึ่งตลอดระยะทาง 2 กิโลเมตร จะมีน้ำตกที่เป็นไฮไลต์อยู่ทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน ซึ่งแต่ละชั้นก็มีเอกลักษณ์ และความสวยงามแตกต่างกันออกไป
ในเขตพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง เป็นผืนป่าที่ครอบคลุมอำเภอเขาชะเมา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง รวมถึงอำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี ทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำประแส และเป็นแหล่งรวมพันธุ์ไม้ต่างๆ มากมาย เช่น ไม้ชิงชัน, ประดู่, มะค่าโมง และไม้ตะเคียนยาง เป็นต้น
ทันทีที่ผ่านด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานฯ เข้ามาแล้ว (ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท, รถยนต์ 4 ล้อ 30 บาท, กางเต็นท์หลังละ 30 บาท) ก็จะพบกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว, ลานจอดรถขนาดใหญ่, ร้านค้า, ร้านอาหาร และห้องน้ำ ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าค่อนข้างครบ และสะดวกเลยทีเดียว
จุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติน้ำตกเขาชะเมาจะอยู่ไม่ไกลจากลานจอดรถ โดยระยะทางเดินทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 2 กิโลเมตร (ไป-กลับ 4 กิโลเมตร) ใช้เวลาเดินเท้าไป-กลับ รวมพักผ่อนท่องเที่ยวก็ราวๆ 2 ชั่วโมง
โดยจุดแรกที่ของเส้นทางศึกษาธรรมชาติฯ คือ ศาลเจ้าพ่อทอง จากนั้นถัดไปอีก 100 เมตร ก็จะถึงด่านกักอาหาร หลังจากจุดนี้ทางอุทยานฯ จะไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าไปด้านแล้ว ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวว่าควรปฏิบัติตามกฏระเบียบของทางอุทยานอย่างเคร่งครัดกันด้วยนะครับ
รูปแบบเส้นทางจะเป็นลักษณะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาถึงน้ำตกชั้นแรก “วังหนึ่ง” ซึ่งแปลว่าเราได้เดินมาไกลประมาณ 740 เมตรแล้ว และต่อเนื่องกันที่ 940 เมตร กับน้ำตกชั้นที่สอง “วังมัจฉา” ซึ่งในชั้นนี้จะมีพระเอกคือฝูงปลาพลวง ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นจะมาคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นมิตร
ในชั้นที่สาม “วังมรกต” (1,260 เมตร) ถือเป็นอีกหนึ่งชั้นที่มีความโดดเด่น และสวยงามมาก สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่จะมีป้ายเตือนที่ระบุไว้ชัดว่าระดับน้ำบริเวณนี้มีความลึกถึง 6 เมตร นักท่องเที่ยวควรใช้ความระมัดระวังในการลงเล่นน้ำ โดยจุดนี้จะมีมีเสื้อชูชีพให้บริการ
ในชั้นที่สี่ “วังไทรงาม” (1,360 เมตร) ในชั้นนี้จะได้พบกับต้นไทรขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ริมน้ำตกโดดเด่นด้วยรากไทรที่แปลกตา เดินต่อมาถึงระยะ 1,400 เมตร ก็จะเป็นชั้นที่ห้า “น้ำตกผากล้วยไม้” ซึ่งมีลักษณะเป็นลานกว้าง มีชั้นน้ำตกลดหลั่นไล่ระดับ 3 ชั้น และมีกล้วยไม้ขึ้นแซมอยู่ทั่วบริเวณ ต่อกันอีกอึดใจเดียวก่อนจะถึงเส้นชัยกับชั้นที่หก “ช่องแคบ” (1,600 เมตร) น้ำตกขนาดเล็กแต่ฟอร์มสวย ซึ่งในชั้นนี้อาจไม่เหมาะกับการลงเล่นน้ำสักเท่าไหร่ เนื่องจากทางเดินไปถึงตัวน้ำตกเต็มไปด้วยโขดหินลื่นซึ่งอาจเกิดอันตรายได้
ปิดท้ายกันด้วยชั้นที่เจ็ด ซึ่งเว้นระยะห่างจากชั้นที่แล้วมาไกลพอสมควร (2,000 เมตร) ในชั้นนี้จะมีชื่อว่า “หกสาย” ซึ่งความงดงามของชั้นนี้เมื่อได้มาเห็นก็ถือว่าคุ้มค่าเหนื่อย น้ำตกขนาดกลางที่ไหลรินจากโตรกผาเดียวกันแต่แตกแขนงออกเป็นสายน้ำ 6 สาย ทางเดินเข้าไปยังตัวน้ำตกจะค่อนข้างลื่นจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
ตลอดเส้นทางเดินระยะทาง 2 กิโลเมตร รูปแบบเส้นทางมีทั้งเนินชัน, โขดหิน, ปีนป่าย, ดึงเชือก หากไม่รีบร้อนจนเกินไปก็ถือว่าเป็นเส้นทางเดินที่สุกสนาน ท้าทาย และให้ความรู้สึกผจญภัยเป็นอย่างดี ประกอบกับความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ความร่มรื่น และเงียบสงบ ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายแนะนำสำหรับใครกำลังมองหากิจกรรมทำในช่วงสุดสัปดาห์