ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    Tenshi •  มีนาคม 30 , 2559

    ตะรุเตา

                   จริงๆแล้วทริปนี้ตั้งใจไปดำน้ำที่หลีเป๊ะ และกะจะไปพักที่เกาะอาดัง เนื่องด้วยทุนน้อยไม่สามารถไปพักที่หลีเป๊ะได้ และช่วงที่ไปเป็นช่วงไฮสุดๆ เหลือแต่ที่พักแพงๆ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้สักอย่างเพราะจองตั๋วเครื่องบินแล้ว ยังเจอแจ๊คพอต มีเสด็จที่เกาะอาดัง บ้านพักเต็มทุกหลัง ขนาดพ่อเพื่อนเคยอยู่กรมป่าไม้ก็ไม่สามารถหาได้ สุดท้ายเลยเบนเข็มจากหลีเป๊ะไปตะรุเตาแทน เรื่องดำน้ำยกยอด ไปทำอย่างอื่นแทน 

                     ไปถึงบ้านเพื่อนที่สตูล ค้างที่บ้านเพื่อน 1 คืน กินอาหารทะเลแบบจัดเต็ม ยำไข่แมงดา พล่ากั้ง หมึกย่าง กุ้งย่าง มื้อนั้นไม่มีข้าวเลย มีแต่กับกินมื่้อเดียวเบื่อทะเลไปหลายวันเลย สายๆพวกเราออกจากบ้านไปยังปากบาราเพื่อนั่งเรือไปยังเกาะตะรุเตา ไปถึงที่นั่นประมาณ 11 โมง ตามเวลาเรือนัดเป๊ะ นั่งรอ นอนรอ ไม่ใช่แค่เรา ต่างชาติอีกหลายชีวิตก็รอด้วยความหงุดหงิด บ่ายโมงกว่าเรือถึงได้เทียบฝั่งและพาพวกเราไปยังเกาะตะรุเตา เทียบกับหลีเป๊ะแล้วตะรุเตานี่แทบจะไปมีคนไปเลย น้อยมากๆ แต่ก็ชอบนะ 

    อันนี้ที่เทียบเรือสปีดโบ๊ทที่จะไปตะรุเตา

    อันนี้ที่เทียบเรือไปหลีเป๊ะ แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด....แต่ไม่เป็นไรไปเกาะไปทะเลเหมือนกัน(เหรอ)

    พวกเราจองบ้านพักเอาไว้เป็นบ้านหันหน้าออกหาด บ้านแฝดสีชมพูน่ารักเชียว เป็นบ้านพักอุทยาน นอนได้สี่ห้าคนล่ะ แต่ไปกันแค่สองคน
                    เพราะเรือมาถึงช้า กว่าจะทำโน่นนี่เสร็จก็ไม่สามารถจะไปไหนได้แล้ว ก็เลยเลือกจะลงไปเล่นน้ำทะเลกัน พระอาทิตย์ตกด้านหลังเขา พอสี่ห้าโมงเย็นแดดก็ไม่มีแล้ว สวรรค์จริงๆ หาดทรายละเอียด คลื่นไม่แรง เล่นน้ำทะเลได้สบายๆ

              มันเงียบมาก มองไปรอบๆ เห็นต่างชาติกางเต้นนอนอยู่หลังเดียว
              เป็นวันที่เล่นน้ำทะเลได้สนุกสุดๆ ไม่ต้องกลัวดำ เล่นกันสองคนกับเพื่อนนั่นแหละทั้งหาดมีอยู่แค่สองคน..หาดนี้เป็นของเราจริงๆ พอฟ้ามืดก็กลับมาที่พัก เพราะว่ายน้ำอยู่นานตอนนี้เลยเริ่มเมื่อยไปทั้งตัว มื้อค่ำเป็นกุ้งคั่วเกลือที่แม่ทำให้คนละกล่อง งานนี้ไม่มีข้าว ของหวานเป็นแตงโมที่แบกมา 1 ลูกกับแอปเปิ้ลที่แม่เพื่อนให้แบกมาด้วย อาบน้ำเสร็จนอนแผ่หรากันบนเตียง ปิดไฟกันตั้งแต่สี่ทุ่ม เงียบสงบมากๆ เลยหลับปุ๋ยด้วยความเพลีย 
             ตื่นมาเล็งพระอาทิตย์ขึ้นกันแต่เช้าตรู่ อากาศเย็น ต้องใส่เสื้อแขนยาว ทั่วทั้งหาดก็ยังมีเรากับเพื่อนแค่สองคน  นั่งดูกุ้งหอยปูปลากันไปเรื่อยเปื่อย จนพระอาทิตย์ขึ้นสูง ก็เลยเดินไปที่สำนักงานเพื่อนเช่าจักรยาน ปั่นไปเที่ยวที่อื่น ลุยกันล่ะทีนี้.

    .................แต่............ เอาจริงๆ ที่เดียวก็ไม่รอดแล้ว 55555 .............
    ทางขึ้นเขา ปั่นกันจนปวดขา งานนี้เดินเร็วกว่า แต่อย่างว่ามันไกลเกินกว่าจะเดิน จริงๆแล้วมีรถอุทยานพาไปนะ เสียตังค์ค่ารถคนละไม่กี่บาท แต่...ซ่า..อยากปั่นจักรยาน สุดท้ายก็กลับมาที่พัก จอดจักรยานไว้หน้าบ้านพัก ตอนนี้รถก็ไม่มีแล้วไม่รู้จะทำไร เลยไปเดินเล่นแถวๆสำนักงาน

    มองเรือขนของตาละห้อย..เลยเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่ามีที่ดำนำ้อะไรที่ไหนไหม ได้ข้อมูลว่าต้องเหมาลำไป ถ้าไปหลายๆคนแชร์กันได้ แต่วันนี้ยังไม่มีใครมาลงชื่อเอาไว้เลย สรุปว่าต้องจ่ายคนละพันกว่า ไม่เอาล่ะไม่มีตังค์ เจ้าหน้าที่เลยบอกว่าไปเที่ยวถ้ำจระเข้มั้ย ค่าเช่าลำละ 500 บาทเอง มองหน้าเพื่อนด้วยความดีใจ อย่างน้อยก็ไม่ต้องนั่งแกร่วอยู่ตรงหาด พอดีมีฝรั่งสองคนสนใจด้วย งานนี้เลยหารกันสี่คน เหมาเรือไปเที่ยวถ้ำจระเข้กัน ตอนล่องเรือไปตามแม่น้ำ(กร่อย) มีต้นไม้เยอะแยะไปหมด สวยและอากาศดีมากๆ นั่งกันเพลินเลย  ถึงแล้วปากถ้ำจระเข้ เป็นถ้ำที่น้ำท่วมถึง ถ้านำ้ขึ้นก็มีสิทธิ์ขึ้นถึงเพดานเหมือนกัน เค้าเลยถามว่าเข้ามั้ย ตอนนี้น้ำมันยังไม่ถึงหรอก มาถึงขนาดนี้ไม่เข้าก็ไม่ได้แล้ว ด้านในต้องนั่งแพเข้าไป มืดมาก ไม่เหมาะสำหรับคนกลัวความมืดเลย ไม่มีไฟ มีแต่แสงจากไฟฉายที่ได้รับมาจากเจ้าหน้าที่คนละอัน ข้างในสวยมากๆล่ะ เพื่อนก็ชอบเราก็ชอบ เลยสำรวจอยู่เกือบสองชั่วโมง...เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้มานี่เสียดายมาก เก็บภาพด้วยตา เพราะไม่สามารถทำไรได้ เพราะกล้องที่เอามาด้วย แบตหมดแล้วเค้าปิดไฟตั้งแต่สี่ทุ่ม..
           กลับมาที่พักลงไปเล่นน้ำทะเลต่ออีก หนุกหนานกันอยู่สองคนเหมือนเดิม...กลับมาอาบน้ำโซ้ยมาม่าแล้วนอนด้วยความเพลีย วันนึงๆหมดไปเร็วมาก...งานนี้มาตะรุเตาแบบไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า เลยแทบไม่ได้ทำอะไรเลย 
           รุ่งเช้าเช็คเอ๊าเสร็จก็ไปนั่งรอเรือที่ท่า ตอนไปถึงฝรั่งฮือฮากัน เพราะกับเพื่อนเข้าไปดูเห็นชาวบ้านกำลังช่วยกันยกเครื่องปั่นขึ้นจากเรือ  ภูมิปัญญาไทยที่เห็นแล้วแอบปลื้มกับท่าทางตื่นเต้นของพวกต่างชาติ โบกมือบ๊ายบ่ายตะรุเตา เที่ยงนี้เราจะไปลังกาวีกันต่อ 
    • โพสต์-2
    Tenshi •  มีนาคม 30 , 2559

    ลังกาวี

    หลังจากเอาสัมภารกบางส่วนไปเก็บไว้ที่บ้านเพื่อน คุณป้าแสนใจดีก็ขับรถไปส่งที่ท่าเรือเฟอร์ร๊่ 

    ท่าเรือตำมะลังมีเรือ 3 เที่ยว 9.30/13.30/16.00 ค่าเรือคนละสามร้อยกว่าบาท

     

    ตั๋วซื้อที่ท่าเรือ เงินแลกที่ท่าเรือ เพราะงานนี้วางแผนล่วงหน้าไม่กี่วัน อย่างที่บอกว่าตั้งใจจะไปสถิตอยู่ที่เกาะอาดัง

    ผ่านตมเสร็จก็มารอขึ้นเรือ

    เรือเรามาแล้ว...พวกเราจองที่พักเอาไว้ที่เดบารอน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ(ถ้าเดินตัดเข้ามาทางสวนสาธารณะ แล้วเดินเลียบหาดมาเรื่อยๆ) เพราะมาเที่ยวบ่าย มาถึงก็เย็นแล้ว เลยหาอะไรหม่ำแถวๆที่พัก และเตรียมหาเช่ามอไซด์เพื่อจะไปลุยกันพรุ่งนี้ พอดูที่ๆต้องไปแล้ว มองนั่งคำนวณเวลา ส่วนใหญ่เป็นที่เที่ยวแบบที่มาทีไรก็ไปทุกที งานนี้เลยอยากเปลี่ยนแผนนิดหน่อย ไม่ได้ดำน้ำที่ไทย มาดำนำ้ที่มาเลน่าจะดีกว่า พอคุยกับร้านเช่ามอไซด์ ก็ได้คำแนะนำว่า ถ้าจะดำน้ำต้องเป็นกลุ่ม ซึ่งปกติต้อง 10 คนขึ้นไป แต่จะลงซื่อไว้ก็ได้ เดี๋ยวทางร้านจะโทรไปบอกที่โรงแรม ก็เลยยืนคุยกันว่าจะเอางัยดี หนุ่มฮิปในร้านเลยแนะนำว่า อยากลองเที่ยวอะไรแบบบ้านๆไหม ไปเที่ยวกับคนลังกาวีเลย เป็นแบบจอยทัวร์ กี่คนก็ได้ ปลอดภัย พวกเราหูผึ่งทันที รีบถามรายละเอียด หนุ่มฮิปเลยสาทยายไปฟังตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ งานนี้ได้เล่นน้ำ ได้ดำน้ำ ไปเที่ยวภูเขา และทะเล เลยตกลงซื้อ One Day Trip ราคา 45 ริงกิต/คน หนุ่มฮิปยิ้มแป้นจัดการออกใบเสร็จให้ทันที 35 ริงกิต/คน เฮ้ย คิดผิดป่าวเนี่ย รีบย้อนถาม เพราะ 35 มันเขียนไว้ว่าเด็ก หนุ่มบอกไม่ผิดหรอกราคานั้นแหละ แล้วก็หัวเราะ เลยประหยัดไปอีกคนละ 10 ริงกิต หม่ำมื้อเช้าที่โรงแรม นั่งรอให้รถมารับไปส่งที่ท่าเรือ การผจญภัยเล็กๆกับคนมาเลเลยเริ่มขึ้น นั่งสปีดโบีทออกทะเลตรงไปที่เที่ยวที่แรก  เกาะ Pulau Payar Marine Park  มาดูลิงบนเกาะ  เป็นเกาะที่เงียบสงบ มีร้านขายของเล็กๆอยู่แค่สองร้าน รอบๆเป็นชายหาดสั้นๆ เป็นทะเลตื้น มีปลาการ์ตูนแยะมาก เป็นแหล่งดำน้ำตื้น แค่ลงไปในน้ำปลาก็ว่ายเข้ามาหาแล้ว เพลิดเพลินอยู่กับปลาพักใหญ่ ก่อนจะลงเรือไปต่อ  เค้าพามาดูนกอินทรีย์ เป็นอินทรีย์แดง ที่เห็นล็กๆตรงขวามือนั่นแหละ งานนี้ไม่มีกล้องใหญ่ถ่าย ความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยก็คือมาถึงที่นี่ลืมเอาอะแดปเตอร์ชาร์ตกล้องมาก มันเลยกลายเป็นเศษขยะหนักๆอยู่ที่ห้อง จากนี้ไปอาศัยแค่มือถือกับเพาเวอร์แบ็งค์เท่านั่น(โดดเตะตัวเองร้อยรอบ) ตื่นตาสุดๆ เป่านกหวีดโยนอาหาร นกก็มาบินวนเวียนๆ โฉบเร็วมากแป๊บเดียวหมดเกลี้ยง คนเรือให้อาหารอยู่สามสี่รอบก็พาพวกเราไปต่อ หรือขนนักท่องเที่ยวไปดำน้ำตอนที่เราแล่นเรือผ่านไปยังจุดหมายอีกที่ ตอนนแล่นเรือผ่านภูเขาลูกนี้ นักท่องเที่ยวชาวมาเลหันมาบอกเราว่าตรงนี้เหมือนพระนางรำอนอยู่ ชี้ๆว่าตรงนี้หัวหน้าอกและท้อง ตอนแรกมองไม่ออก พอเค้าบอกอึ่มเหมือนจริงๆด้วย ที่นี่มีทะเลสาปน้ำจืดที่ใหญ่มาก ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนหรอก เดินตามคนมาเลไปเรื่อยๆ สนุกไปอีกแบบ จะเล่นน้ำก็ได้ หรือจะเช่าเรือไปถีบเล่นก็ได้ เค้าให้เวลาเข้าอยู่ที่นี่สองชั่วโมง เลยตกลงกับเพื่อนว่าจะเช่าเรือออกไปถีบเล่นกัน ตกคนละ 18 ริงกิต 1 ชม จริงๆแล้วคุยอังกฤษกับคนมาเลนี่เหนื่อยมากเลยนะ กว่าจะรู้เรื่อง เล่นเอาเหงื่อตก ทั้งความเร็วในการพูดและการรัวลิ้น(คำทีไม่ต้องกระดกลิ้น) จ่ายตังค์เสร็จออกไปถีบเรือเล่นทันที             น้ำมันเขียวจริงๆ บ่งบอกถึงความลึกได้เป็นอย่างดี แถมยังเงียบสงบอีกด้วย งานนี้ได้ชื่นชมธรรมชาติเต็มๆ ขนาดวันที่ไปเป็นวันหยุด แต่ไม่มีนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวต่างชาติเลย หรืออาจจะมีแต่เราไม่รู้ เพราะที่เห็นก็เหมือนคนมาเลหรือคนไทยซะเกือบหมด 
                สองชั่วโมงเต็มอิ่ม นั่งเรือกลับมาต่อรถกลับมายังที่พัก พวกเราขอลงกันกลางทาง ขอไปเก็บภาพลังกาวีก่อนที่จะกลับและต้องไปคอนเฟิร์มตั๋วเรือเที่ยวกลับด้วย  ทริปนี้แลกตังค์ไปสามพันกว่าบาท ปรากฏว่าใช้ไม่หมด ซื้อของฝากกลับมา เหลือแลกเป็นเงินไทยอีกพันกว่าบาท โชคดีที่วันไปกับวันกลับแลกเรทเดียวกัน ทริปนี้เป็นทริปแบบรีบๆ แต่ก็สนุกดี ถ้าหากได้วางแผนล่วงหน้าคงจะสนุกกว่านี้ 

    สำหรับแพ็คเกตเที่ยว มีให้เลือกเยอะแยะเลยค่ะ ที่ร้านเช่ามอไซด์หรือร้านนำเที่ยว มีอยู่รอบๆโรงแรมเลย แล้วแต่จะเลือกค่ะ ถ้าเที่ยวกับคนท้องถิ่น มีที่เที่ยวน่าสนใจแยะและไม่ต้องรอ 

    ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ