ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ลุยป่าฝ่าฝนเที่ยวชากังราวยาวถึงแม่สอด อำเภอแม่สอด จ.ตาก
    • โพสต์-1
    Paipasu •  สิงหาคม 15 , 2558

    สวัสดีครับ ปีนี้ฝนช่างตกน้อยจริงๆนะครับ แต่ก็มีตกหนักมาให้สะใจกันเล่นๆอยู่บ้างนิดหน่อย ทริปนี้ตอนแรกผมกะจะไปเที่ยวภูทับทับเบิก-เขาค้อ อยากไปซดทะเลหมอก แต่เห็นคนไปกันเยอะเลยเปลี่ยนดีกว่า อยากไปที่ๆคนไปกันน้อยๆ ที่ๆคนไม่ค่อยฮิตไปกัน กำแพงเพชรกับแม่สอดผมไม่ค่อยเห็นคนรีวิว เลยอยากลองไปดูว่ามีอะไรบ้าง (หรือมีคนรีวิวแต่ผมไม่เห็นเองละมั้งเนี่ย) ประกอบกับคราวนี้มีงบนิดหน่อยเลยอยากหาที่เที่ยวใกล้ๆบ้าน บ้านผมอยู่สุโขทัยครับ ผมเลยลองหาที่เที่ยวหน้าฝนดูว่าใกล้ๆบ้านมีที่ไหนบ้าง ก็เจอช่องเย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์, อุทยานแห่งชาติคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร แล้วช่วงที่ผมไปก็มีตลาดนัดย้อนยุคนครชุมพอดี สรุปไปกำแพงก็แล้วกัน  คืนนั้นผมก็เก็บของเลย พอตื่นมาก็โทรไปบอกแม่ว่าจะไปกำแพงสัก 2-3 วันนะ ไอ้ที่เห็น 6 วันนั่นคือเจิ่นเที่ยวเลยเถิดไปแม่สอดครับ เพื่อนผมมันทำงานอยู่แม่สอด ผมบอกมันไปหลายครั้งแล้วว่าจะไปแต่ยังไม่ได้ไปสักที เลยเที่ยวไหลไปเรื่อยเปื่อย 555+ พอผมโทรบอกแม่เสร็จก็หยิบกระเป๋า คว้ามอไซค์ไปทันที ทริปนี้ขับมอเตอร์ไซค์ลุยฝนครับผมมมมม...

    ทริปนี้ผมกะให้เป็นทริปชิลๆ (ไปๆมาๆชักไม่ค่อยจะชิลเท่าไร) ผมใช้เวลา 6 วัน 1800 บาท 16 สถานที่ท่องเที่ยว นี่คือสถานที่ที่ผมไปมาทั้งหมดครับช่องเย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์, น้ำตกคลองลาน อุทยานแห่งชาติคลองลาน, วัดพระบรมธาตุเจดียาราม, อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร, ตลาดย้อนยุคนครชุม, ตลาดริมเมย, สะพานมิตรภาพไทย-พม่า, อ่างเก็บน้ำหัวฝาย, พระธาตุหินกิ่ว ดอยดินจี่, น้ำตกพาเจริญ อุทยานแห่งชาติพาเจริญ, สำนักสงฆ์ภูผาธรรม, น้ำตกแม่กาษา, น้ำพุร้อนแม่กาษา, น้ำแร่ โป่งคำราม, ต้นตะบากยักษ์ อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช, อุทยานแห่งชาติลานสาง

     

     วันที่ 1 วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2558 ผมขับมอไซค์ไปเรื่อยๆ ใช้ความเร็ว 60-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไม่รีบครับ จะได้ไม่อันตรายกับได้ดูบรรยากาศระหว่างเดินทางด้วย ขับๆจอดๆ แวะโน้นแวะนี่ไปเรื่อย

     

    ผมมาถึงอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ประมาณบ่ายสอง จ่ายค่าเข้าอุทยาน 40 บาท ใกล้ๆด่านเก็บค่าเข้าจะมีร้านข้าวร้านขายของชำครับ แวะกินข้าวซื้อของก่อนขึ้นไปช่องเย็นได้ อ่อ ก่อนถึงด่านมีปั๊มด้วยครับ ไปเติมซะก่อน หมดกลางเขาเดี๋ยวงานจะงอกเอา

     

    จากด่านเก็บค่าธรรมเนียมเข้าไปอีก 9 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานเราต้องไปลงทะเบียนก่อนครับ

     

    ที่ทำการอุทยานครับ ถ้านำเต็นท์มาเองเสียค่ากางเต็นท์ 30 บาท/คน/คืน  

     

    เสร็จแล้วก็เดินทางต่อครับผม ประมาณเกือบๆ 30 กิโลเมตรจะถึงช่องเย็น

     

    วิวระหว่างทางครับ เย็นสบาย หมอกนี่ระทางเลย ถนนก็มีเรียบบ้างขรุขระบ้างสลับกันไป ทางก็ขึ้นเขาลงเขา มีโค้งให้ตื่นเต้นนิดหน่อย พอหอมปากหอมคอ ตอนผมไปฟ้าอึมครึมตลอดทาง พอใกล้ถึงช่องเย็นฝนก็ตกทันที ไม่กลัวอยู่แล้ววววว

     

    เย็นเลยครับ หมอกตลอดทางเชียว มองทางแทบไม่เห็น นี่ผมต้องขับรถด้วยกระแสจิตหรอเนี่ย เอ้า!!! ค่อยๆไป เดี๋ยวก็ถึง

     

    ผู้ร่วมเดินทางครับ ไม่รู้มาจากไหน งงเลย

     

    และแล้วผมก็มาถึงช่องเย็น เย็นจริงๆ ที่ทำการบอกว่าอากาศที่นี่ 17 องศา ที่นี่มีศาลาด้วยครับ ผมกะกางเต็นท์ในนั้นเผื่อฝนตกหนัก แต่วันนั้นมีกลุ่มนักดูนกมาก่อน ผมเลยต้องหาที่เหมาะๆใหม่

     

    ได้แล้วครับ โล่งๆเลย กะเอาบรรยากาศ เต็นท์ผมมีฟลายชีท คิดว่าน่าจะเอาอยู่ กลัวไรละวัยรุ่นนนนน ก็กางเลยซี้!!! และแล้วฝนก็ตกลงมาปรอยๆ เริ่มหนาวละครับ ผมนอนอยู่ในเต็นท์เขียนบันทึกการเดินทางกับสรุปค่าใช่จ่าย อ่อ บนนี้ไม่มีร้านอาหารนะครับ ต้องกินมาก่อนหรือเอามาทำเอง บนนี้มีเจ้าหน้าที่อยู่แต่ไม่กี่คนครับ อาจจะให้เจ้าหน้าที่ทำให้ก็ได้นะครับ เหมือนเค้าจะขายอยู่ ชื่อพี่อนันต์ 

     

    เกือบเย็นๆ ผมนอนเล่นอยู่ในเต็นท์ พี่ๆนักดูนกตะโกนเรียกผม “น้อง!!! ไอ้น้องเต็นท์เขียวอะ มากินข้าวด้วยกัน” โอ้ววววว นี่ผมกะมาลดน้ำหนัก ไม่กินข้าวแล้วนะเนี่ย 555+

     

    นี่คือน้ำพริกพี่อนันต์ เจ้าหน้าที่ที่อยู่บนนี้ครับ พี่เค้าบอกว่าถ้ามาช่องเย็นต้องกินน้ำพริกฝีมือพี่อนันต์ อร่อยสุดๆ แต่ค่อนค้างเผ็ด ดีที่ผมชอบกินเผ็ด แสบตั้งแต่ปากไปยันกระเพาะ ระหว่างกินพี่ๆเค้าก็ชงของแก้หนาวมาให้ เข้มซะไม่มี พี่เค้าบอก “กินในป่าก็ต้องอย่างนี้แหละน้อง”

    พี่เค้าให้ผมมากางบนศาลาด้วยกัน บอกว่า “กินกับพวกพี่แล้วยาวน้อง” กลางคืนที่นี่หนาวมากๆครับ ผมว่าพอๆกับตอนไปดอยเลย นั่งกินกันไปสักพักเข้าสูตรเรื่องเล่ายามค่ำคืน มันจะมีอะได้รนอกจาก...เรื่องผีละครับ  มีพี่คนหนึ่งแกบอกเคยเจอ นอนแทบไม่ได้ มาเขย่าเต็นท์ทั้งคืน มีการมาเขย่าเต็นท์ผมบอก “เต็นท์พี่ขนาดพอๆกับเต็นท์น้องเลย” แล้วก็ทำท่าเขย่า แหมมมมมมม่... คืนนั้นนอนแทบไม่หลับเลยซิครับ ทั้งกลัวผีทั้งหนาว ปกติผมไม่เคยกลัวเลยนะเนี่ย ไปเที่ยวกางเต็นท์นอนคนเดียวตลอด แต่ก็หลับไปจนได้ 

     

    ค่าใช้จ่ายวันแรก
       ค่าน้ำมัน (เติมที่บ้าน)   50 บาท
       ค่าน้ำมัน (กำแพงฯ)     70 บาท
       ค่าน้ำ                        15 บาท
       ค่าน้ำมัน (อช.แม่วงก์)   60 บาท 
       ค่าข้าว                       30 บาท
       ค่าน้ำ                        15 บาท
       ค่าเข้าอุทยาน             40 บาท
       ค่ากางเต็นท์               30 บาท
       รวม                         310 บาท 
       รวมทั้งหมด              310 บาท

    • โพสต์-2
    Paipasu •  สิงหาคม 15 , 2558

    วันที่สอง วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2558 ผมตื่นหกโมงเช้านึกว่าจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น  เปล่าหรอกครับ ออกมาเจอหมอกเต็มไปหมด มันก็สวยไปอีกแบบนะครับ หมอกนี่รอบตัวเลย เดินฝ่าหมอกเล่นซะหน่อย

     

    ผมออกไปเดินเก็บภาพบรรยากาศหมอกยามเช้า ณ ช่องเย็น  เย็นสมชื่อจริงๆ เย็นจนหนาว หนาวจนนอนไม่หลับ 

     

    เมื่อวานตอนเย็นๆ มีคนมากางเต็นท์นอนอีกสองคนครับ กลางสนามเลย โหดสุดๆ เมื่อคืนพี่เค้าบอกให้ผมอย่าพึ่งรีบกลับ กินข้าวต้มกันก่อน เค้าบอก “ถ้าไม่อ้วนไม่ต้องกลับ” แหม่ แค่นี้เสื้อก็คับละครับพี่น้องงงงง

     

    หลังศาลาจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร แต่ผมไม่ได้ไปครับ กลัวทาก ไม่ได้เอาอุปกรณ์ป้องกันมาด้วย ที่นี่มีสิ่งขึ้นชื่ออยู่นะครับคือตัวคุ่น กัดแล้วจะเป็นตุ่มแดงๆขึ้นมา แต่ผมไม่โดนนะทั้งคุ่นทั้งทากเลย แต่พี่ๆเค้าโดนกัน พี่เค้าบอกว่าถ้าโดนกัดให้เอาเบตาดีนทา มันจะหายไว ส่วนทากนี่ก็ใช้ซอฟเฟลหรือแป้งเย็นก็ได้ ฉมังนักแล

     

    กินข้าวต้นเสร็จแล้วผมก็ไปภูสวรรค์ต่อ ทางขึ้นอยู่หลังบ้ายพักเจ้าหน้าที่แหละครับ

     

    ระยะทางเขียนไว้ว่า 300 เมตร แต่ผมว่ามันโคตรไกลเลยนะ 30 นาที กว่าจะถึง นี่เป็นภาพบรรยากาศระหว่างทางที่ขึ้นไปครับ มีหมอกตลอดทาง เรียกว่ามุดหมอกขึ้นไปเลยก็ว่าได้

     

    แล้วผมก็มาถึงภูสวรรค์ เหนื่อยแทบตาย ข้าวต้มแทบพุ่ง แต่ถือว่าคุ้มนะครับ บนนี้เห็นวิว 360 องศาเลย ถ้าหน้าหนาวน่าจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ตอนนี้หน้าฝนก็ต้องเห็นหมอกรายล้อมตัวแบบนี้แหละครับ ผมนั่งพักสูดหมอกเข้าปอด ดื่มด่ำกับธรรมชาติข้างสักพักใหญ่ๆ รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วต้องลงไป เพราะผมต้องไปงานตลาดย้อนยุคนครชุมในเมือง แต่ก็อยากไปเที่ยวน้ำตกคลองลานด้วย เลยต้องรีบ เดี๋ยวไม่ทันเพลา

     

    ผมกลับไปเก็บเต็นท์แล้วก็ไปลากับขอบคุณพวกพี่ๆ ขอบคุสำหรับมิตรภาพที่ให้กับผม สนุกสนานกันตลอดคืนเลยครับ ^^

     

    ขากลับผมแวะแถวขุนน้ำเย็น เป็นจุดชมวิวละกางเต็นท์อีกจุดครับ

     

    ขากลับตอนผมกำลังขับรถชมวิวไปเรื่อยๆ ระหว่างทางมีสัตว์ป่าวิ่งผ่านหน้าเยอะมากครับ ผีเสื้อ แมลงฯเต็มไปหมด เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มากจริงๆ 

     

    ตามทางขึ้นไปช่องเย็นจะมีจุดชมวิวจุดท่องเที่ยวหลายที่ครับ อันนี้เป็นแก่งผาคอยนาง

     

    จุดกางเต็นท์ริมธารครับผม

    • โพสต์-3
    Paipasu •  สิงหาคม 15 , 2558

    เป้าหมายต่อไปของผมคือ น้ำตกคลองลาน อุทยานแห่งชาติคลองลาน ห่างจากอุทยานแห่งชาติแม่วงศ์นิดเดียว ทางที่เลี้ยวเข้าไปกำลังก่อสร้างเลยครับ ฝุ่นนี่ตลบเลย

     

    แล้วผมก็มาถึง น้ำตกคลองลาน อุทยานแห่งชาติคลองลาน (เค้าห้ามนำอาหารเข้าไปบริเวณน้ำตกนะครับ) น้ำตกใหญ่มาก เจ้าหน้าที่บอกปีนี้น้ำน้อย แต่ผมว่าก็ยังสวยนะ มีคนมาเล่นน้ำเยอะด้วย ผมถ่ายรูปไปได้สักพักฝนก็ตก ต้องไปนั่งหลบใต้ต้นไม้พักใหญ่ๆ พอฝนเริ่มหยุดผมก็รีบไปเลยครับ ต้องไปหาที่พักแถวนครชุมอีก ผมอยากไปเที่ยวตลาดย้อนยุคนครชุม

     

    ระหว่างทางฝนตกครับ หนักด้วย เปียกโชกเลยทีเดียว เสื้อกันฝนผมนี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยยยยย ช่วยให้น้ำขังในตัวอีกต่างหาก พกมาทำไมเนี่ยยยย

    • โพสต์-4
    Paipasu •  สิงหาคม 15 , 2558

    พอมาถึงแถวนครชุมผมแวะที่วัดพระบรมธาตุเจดียารามก่อนเลยครับ เป็นวัดที่สวยมากๆ แต่เสียอย่างเดียวตอนนั้นแดดเปรี้ยงกำลังร้อนสุดๆ

     

    เสร็จแล้วก็ออกจากวัดตรงไปทางขวาเรื่อยๆ จะไปหาที่พักเพื่อจะไปเที่ยวตลาดย้อนยุคเย็นนี้ ผมวนหาที่พักนานมากจนหิวเลยแวะกินข้าวก่อน ตอนผมกินป้าเจ้าของร้านก็มาถามว่าผมมาจากไหน ผมบอกว่าผมคนสุโขทัยมาจากสวรรคโลก ป้าแกก็ตกใจบอก “ป้าก็คนโขทัยเหมือนกัน ป้าอยู่แถวบ้านสวน กำลังหาที่นอนใช่ไหม นอนบ้านป้าไหมละ” น้ามตาจาหลายยยยยยยย... 

     

    ป้าหาที่นอนหมอนมุ้ง หาพัดลม มาให้ผม บ้านที่ผมนอนเป็นบ้านสองชั้นใต้ถุนโล่งหลังเล็กๆใกล้ๆบ้านป้าแหละครับ อากาศกำลังเย็นสบายเลยวันนี้ เพราะฝนพึ่งตกไป

     

    เก็บของเสร็จผมก็ไปเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ที่แรกอยู่แถวๆศาลหลักเมืองครับ เสียค่าเข้า 20 บาท

     

    แล้วผมก็ไปอีกที่หนึ่ง ผมอยากไปเห็นวัดช้างรอบของกำแพงเพชรครับ ชื่อคล้ายกับวัดช้างล้อมที่สุโขทัยบ้านผมเลย

     

    เส้นทางในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรครับ ร่มรื่นดีจริงๆ ขับรถเล่นกินลมสบายยยยย

     

    ถึงแล้วครับ วัดช้างรอบ

     

    ผมหลงอยู่ในอุทยานพักใหญ่ ขับวนไปวนมา มาโผล่ที่วัดช้างรอบอยู่นั่นแหละ จริงๆอุทยานประวัติศาสตร์ที่สุโขทัยผมยังหลงเลย แล้วมากำแพงทำไมจะไม่ลง แต่ก็ดีนะครับผมได้ไปเที่ยวซะรอบอุทยานเลย ตอนแรกกะมาแค่วัดช้างรอบเฉยๆ เกือบชั่วโมง กว่าผมจะหาทางออกได้ ฟ้าครึ้มมาอีกแล้ว รีบกลับที่พักดีกว่า

     

    ตอนเย็นๆ ที่อุทยานจะมีคนมาวิ่งออกกำลังกายกันเยอะเลยครับ ผมขับรถกลับที่พักผ่านหนึ่งในแลนด์มาร์คหอนาฬิกาด้วยครับ

    • โพสต์-5
    Paipasu •  สิงหาคม 15 , 2558

    สักหกโมงเย็นผมก็ไปเดินตลาดย้อนยุนครชุมครับ โชคดีจริงๆวันนี้ฟ้าสวยเชียว ตลาดย้อนยุนครชุมจะมีเฉพาะวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์แรกของเดือน  ผมกะมาที่นี่แหละ

     

    มีการแสดงๆของน้องนักเรียนด้วยครับ

     

    น้องคนนี้เข้ามาขอถ่ายรูปกับผม บอกผมหน้าตาเหมือนเค้า เราเป็นแฝดที่พลัดพรากจากกันมานาน T^T

     

    ในตลาดแม่ค้าพ่อค้าจะแต่งตัวย้อนยุคออกมาขายของกัน ส่วนใหญ่จะเป็นอาหาร ขนม น้ำ น่ากินไปหมดเลยครับผม มีโต๊ะให้นั่งกินด้วย เจ้าหน้าที่เค้าจัดไว้ระหว่างสองฝั่งถนน  กินไปดื่มด่ำบรรยากาศไป ฟินครับผม

     

    บรรยากาศโดยรวมครับ เดินเล่นชิลๆไปเรื่อยๆกับบรรยากาศย้อนยุค อากาศก็เย็นสบาย

     

    ผมมาหยุดอยู่ตรงนี้พักหนึ่งครับ เป็นการเล่นดนตรีไทยสดประกอบการรำประกอบเพลง ผมเรียนดนตรีไทยมาสิบกว่าปีตั้งแต่ ป.3 ถึงผมจะไม่ได้เรียนต่อสายดนตรีแต่ก็ยังฝึกซ้อมหาเพลงมาฟังอยู่บ่อยๆ ผมชอบการแสดงเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยของเราเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยหยุดดูนานหน่อย รู้สึกดีใจนะครับ ที่ยังมีคนรุ่นใหม่ยังให้ความสนใจกับวัฒนธรรมเก่าแก่ของเรา สืบทอดให้คงอยู่คู่คนไทยไปอีก

     

    อาหารที่นี่น่ากินทุกอย่างเลยครับ ภาพขวาบนเป็นร้านผัดไทย อร่อยมาก เพื่อนผมเป็นคนกำแพงเคยพามากินทีหนึ่ง อร่อยสุดๆ อยากกินอีก แต่คนเยอะเกินนนนน ผมเลยได้แต่เดินกลืนน้ำลายผ่านไปเฉยๆ T T 

     

    เดินเล่นสักพักหาของกินกลับไปกินนิดหน่อยก็กลับแล้วครับ รีบนอนพรุ่งนี้ผมจะไปแม่สอด ไปหาเพื่อนครับผม

    ก่อนจะนอน ผมเอาเสื้อผ้า เต็นท์ ถุงนอนออกมาตากก่อน มันชื้นๆ พระเจ้า!!! ผมเหลือบไปเห็นเสาบ้าน ตรงมุมมืด เสาตกน้ำมัน มีแป้งทา ทองคำเปลวแปะ ธูปเทียนพวกมาลัยพร้อม ขนลุกเลยครับ ตอนนี้ที่กำลังพิมพ์ยังลุกลเลย T^T เอาไงดีวะเนี่ย ไม่เคยเจอระยะประชิดขนาดนี้ เอาวะ นอนก็นอน เราไม่ได้ไปลบหลู่อะไร ก่อนนอนก็ขออนุญาตนอนแล้วกสวดมนต์ แต่เอาจริงๆก็นอนไม่หลับหลอกครับ เปิดไปทิ้งไว้ทั้งคืน ตานี่ค้างเชียว วูบหลับไปสองครั้ง แต่สะดุ้งตื่นเองตลอด กลัวโดนอำ ผมว่าผมอำตัวเองมากกว่า ทั้งคืนนอนไม่ค่อยจะหลับเลย วูบไปสองสามครั้งครั้งละครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง พอตีห้าครึ่งผมรีบเก็บข้าวของล้างหน้าแปลงฟันให้เรียบร้อย หกโมงออกเดินทางเลย ไปลาป้าแจ๋วก่อน ป้าแกถาม “เมื่อคืนหลับไหม ทำไมรีบไปละ” ผมบอก “สบายครับ ผมจะไปตาก รีบไปจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะครับ” คุยกับป้าแล้วขอบคุณป้าแล้วผมก็ขับรถไปหาปั๊มเลยครับเติมน้ำมัน จะไปแม่สอด เห็นบอกว่าทางน่ากลัวอยู่ ใครผ่านไปแถวนั้นช่วยอุดหนุนแกได้นะครับ อร่อยครับ อาหารตามสั่ง จานละ 30 บาท

     

    ค่าใช้จ่ายวันที่สอง
       ค่าน้ำมัน (แม่วงก์)                    60 บาท
       ค่าเข้า อช.คลองลาน                60 บาท
       ค่าข้าว                                  30 บาท
       ค่าเข้าอุทยานประวัติศาสตร์(2ที่) 40 บาท
       โค้ก                                     20 บาท
       ขนมครก                               10 บาท
       ทิป (คณะดนตรีนางรำ)             20 บาท
       ไส้กรอก                                20 บาท
       น้ำ                                       15 บาท
       รวม                                      275 บาท
       รวมทั้งหมด                           585 บาท

    • โพสต์-6
    Paipasu •  สิงหาคม 15 , 2558

    วันที่สาม วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2558 ผมหาปั๊มนานมาก เช้าเกินปั้มในเมืองยังไม่เปิด เลยขับรถเล่นไปก่อน แล้วก็ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่แม่น้ำปิงพอดี หมอกนี่เต็มไปหมดเลยครับ

     

    วันนี้ฟ้าเปิดมาก แทบไม่มีเมฆเลย ใสสุดๆ ผมค่อยขับไป 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ดูวิวข้างทางไปเรื่อยๆ แดดเช้าๆเลียทุ่งนาข้างทางสวยจริงๆครับ แต่ผมไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ ลืมขอรับ ขับเพลินไปหน่อย

     

    “ยินดีต้อนรับสู่ประตูเอเชียใต้” ฟ้าใสมากๆ ผมแวะเติมน้ำมันก่อนขึ้นเขา พร้อมกับเติมน้ำมันสำรองเผื่อไว้

     

    ทางมันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลยครับ ขับเพลินมาก สนุกมากกว่าน่ากลัวอีก แป๊บเดียวผมก็มาถึงชุดชมวิวแล้วแวะพักรถสักหน่อย

     

    ทางเบรกฉุกเฉินครับ เผื่อไม่ไหวจริงๆ ถ้ามอไซค์ผมว่าระเนระนาดแน่นอน ถ้าไม่ไหวจริงก็ใช้สูตร “หดคองอเข่า” เหลือก็แค่จะหดทันงอทันไหมแหละครับ

     

    ขับเพลินดีครับ อากาศเย็นไปถึงหนาวเลยทีเดียว ตอนมาผมก็กะว่าฝนตกแน่ๆ  เลยเอาเสื้อกันหนาวไว้ในกระเป๋าจะได้เปลี่ยนใส่เสื้อกันฝนได้ทัน ที่ไหนได้ฟ้าเปิดซะ อากาศก็หนาวสุดๆ สั่นเลยทีเดียว เพื่อนมันบอกว่า ให้แวะตลาดมูเซอ ผมดันลืม เห็นแล้วละครับขับผ่านไปแว้บๆ เบรคไม่ทัน ขี้เกียจยูเทิร์นด้วย เดี๋ยวค่อยมาขากลับละกัน

     

    ก่อนถึงแม่สอดจะมีเนินพิศวงให้เล่นครับ เนินที่จอดรถไว้เฉยๆรถจะแล่นขึ้นเนินเอง เดี๋ยวนี้เห็นมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์แล้วด้วย 

     

    ก่อนถึงมันจะมีวงเวียนให้เลี้ยวเข้าแม่สอด ป้ายมันเขียนไว้ให้ตรง แต่จริงๆมันต้องเบ่ไปซ้ายนิดนึง ผมก็ซื่อจัด ก็ไปครั้งแรกนิ ตรงไปเลย ไปสักพัก ไมไม่มีป้ายแม่สอดวะ มีแต่ อ.อุ้มผาง หรือแม่สอดเป็นตำบลวะ ต.แม่สอด อ.อุ้มผาง ไปอีกสักพัก เปิดแม็พดูละครับ เวนนนนน!!! ผมเลยมา 15 กิโลเมตร อีวงเวียนนั้นแน่ๆ

     

    เพื่อนผมทำงานอยู่ที่ศูนย์วิจัยมาลาเรียโซโกล แม่สอด ครับ เราจบคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์เอกจุลชีววิทยาจาก ม.นเรศวรมากัน ผมกับมันนี่เรียกว่ารบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอด 4 ปีเลย ทำแล็บช่วยอาจารย์ตั้งแต่เช้าจนดึกแทบทุกวัน  ปิดเทอมก็ไม่ได้กลับบ้าน ช่วยอาจารย์ช่วยรุ่นพี่ป.โท ทำโปรเจคตัวเองบ้าง มันครับผม 

    • โพสต์-7
    Paipasu •  สิงหาคม 15 , 2558

    สักบ่ายๆ เราก็ไปเดินตลาดนัดแถวๆริมแม่น้ำเมยครับ มันจะมีสองตลาด เป็นตลาดนัดกับตลาดริมเมย นี่เป็นภาพบรรยากาศตลาดนัดครับผม

     

    แล้วก็ไปตลาดริมเมย

     

    พอเดินทั่วตลาดเราก็กลับไปหอก่อน รอเย็นๆจะได้ไปเที่ยวฝั่งเมียนมาร์เพื่อถ่ายรูปแสงเย็นๆ  พอสามโมงครึ่งเราก็ไปทำ border pass สำนักงานจะอยู่แถวปั๊ม ปตท. ทางไปริมเมยแหละครับ

     

    ตั้งแต่ ตม. แล้วก็บนสะพานห้ามถ่ายรูปนะครับ ตอนไปผมไม่รู้เกือบโดนทหารยึดกล้อง เดินมาเป็นสิบๆ น้ำตาจะไหล ต้องขอโทษกันยกใหญ่ 

     

    หลังจากเสียขวัญกันแล้วเราก็ไปไหว้สมเด็จพระนเรศวรฯเรียกขวัญกำลังใจกันหน่อย T^T

     

    แล้วเพื่อผมมันบอกว่าจะพาไปอ่างเก็บน้ำ วิวสวยมาก ก็เลยบอกว่า “ไปดิ กลัวไรวะวัยรุ่น” มันพอผมหลงไปไหนก็ไม่รู้ อยู่แม่สอดมาเป็นปีแล้วแท้ๆ เป็นชั่วโมงกว้าจะถึง แต่ก็สวยจริงอย่างที่มันว่าแหละครับ “อ่างเก็บน้ำหัวฝาย”

     

    นั่งดูพระอาทิตย์ตกกันครับ แต่ไม่เห็นหรอก ฝนมันตกไล่มาละ แล้วก็หิวกันด้วย เลยไปกินหมูกระทะฉลองกันซะหน่อย ไม่เจอกันนาน

     

    ค่าใช้จ่ายวันที่สาม
       ค่าน้ำมัน (กำแพงฯ)     80 บาท
       ค่าน้ำมัน (ตาก)          40 บาท
       ค่าน้ำมัน (สำรอง)       40 บาท
       ค่าข้าวเช้า                 55 บาท
       ค่าหอยทอด               50 บาท 
       ค่าทำ border pass     30 บาท
       ค่าน้ำ                       20 บาท
       ค่าหมูกระทะ            189 บาท
       รวม                       504 บาท
       รวมทั้งหมด          1084 บาท

    • โพสต์-8
    Paipasu •  สิงหาคม 15 , 2558

    วันที่สี่ วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2558 เช้าวันต่อมาผมไปเที่ยววัดไทยวัฒนาราม “อยู่ห่างจากตัวอำเภอแม่สอดประมาณ 3-4 กม.ตามทางไปตลาดริมเมย วัดนี้แต่เดิมเรียกว่า วัดแม่ตาวเงี้ยว หรือวัดไทยใหญ่ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายมหายานของชาวไทยใหญ่ ประเพณีศิลปวัฒนธรรมพิธีกรรมต่างๆ ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศพม่า”
    อ้างอิง : http://place.thai-tour.com/tak/takmaesot/1019

     

    จากนั้นก็ไปพระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่ต่อครับ ทางก็ฝุ่นดี ขโมงเชียว ดันไปขี่ตามรถสิบล้ออีก อย่างกับ sand king  ใช้ sand storm  (ใครเคยเล่น dota น่าจะเข้าใจ อิอิ)

     

    ขับลุยฝุ่นมาเรื่อยๆ สักแป๊บก็ถึงแล้วครับ “พระธาตุหินกิ่ว ดอยดินจี่” 

     

    อ่า... เจอโจทย์เก่าอีกแล้ว บันไดดดดดดดด ตอนขึ้นไปจะมีศาลาอยู่ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นศาลาพักหรือศาลนะครับ แต่ศาลาพักจริงๆจะอยู่ข้างบน

     

    เดินขึ้นไปสัก 200 กว่าเมตร จะมีจุดพักอยู่ครับ ตรงงหน้าถ้ำพระพุทธรูปหลวงครับ มีแทงค์น้ำไว้ให้เติมน้ำด้วย

     

    เดินเลยจุดพักไปจะมีทางแยกครับ ตรงไปเป็นพระธาตุหินกิ่ว ถ้าขึ้นไปจะเป็นพระพุทธบาท

     

    ถึงแล้วครับ “พระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่” คุ้มค่ากับการแบกสังขารขึ้นมาจริงๆ 

     

    เสร็จแล้วผมก็เดินขึ้นไปดูพระพุทธบาทต่อครับ เวลาเดินไปไหนมาไหนผมก็จะคอยระวังแถวทางเดินไปด้วย ระวังจะไปเหยียบสัตว์อื่นๆ มด แมลงฯ เพราะใต้ท้องฟ้าใช่มีแต่คน ^^

     

    ใกล้ถึงละครับ เดินขึ้นมาอีก 200 เมตร

     

    ถึงแล้วครับ วิวดีสุดๆ ขึ้นมาแล้วก็หายเหนื่อยเลย (ตอนผมไปยุงค่อนข้างเยอะนะครับ เอาซอฟเฟลมาด้วยจะดีมากๆ บินวนเป็นแร้งเฝ้าศพเชียว)

     

    ภาพบรรยากาศโดยรวมข้างบนครับ เหนื่อยนิดหน่อยแต่ก็คุ้มค่า

    • โพสต์-9
    Paipasu •  สิงหาคม 15 , 2558

    หลังจากนั้นผมก็ไปหาข้าวกิน มีแต่คนบอกว่าร้านข้าวเม่าข้าวฟ่างเด็ดต้องไปโดนสักครั้ง เด็ดจริงครับ บรรยากาศร่มรื่นมาก เย็นสบาย พนักงานต้อนรับเป็นอย่างดี

    กินเสร็จ เช็คบิล  130 บาท บร๊ะเจ้า!!! ไอ้สองงงงง ชักเดินไม่สะดวกแล้วเนี่ยยยยยย ข้าว 80 บาท น้ำโค้ก 25 บาท น้ำแข็งถังละ 25 บาท น้ำตาจะไหลลลลล T T แต่อาหารรสชาติอร่อยมากครับ ร้านสะอาดสะอ้าน บรรยากาศดี พนักงานยิ้มแย้มบริการดีมากๆ ก็ถือว่ามาละครับงานนี้

     

    เป้าหมายต่อไปผมจะไปเที่ยวน้ำตกพาเจริญห่างจากแม่สอดไป 43 กิโลเมตร เห็นในรีวิวสวยมากๆเลยอยากไปดูให้เห็นกับตา (น้ำตกธารารักษ์ปิดปรับปรุงนะครับ ผมกะแวะซะหน่อย)

     

    สวยตามคำร่ำลือจริงๆ ที่นี่ไม่เสียค่าเข้านะครับ น้ำตกอยู่ใกล้ๆที่ทำการเลย

     

    นี่เป็นทางขึ้นไปชั้นบนของน้ำตกครับ ลื่นดี ผมก็ลื่น  ไหลไปตามทางเลย 555

     

    แล้วฝนก็เทลงมาครับ บรรยากาศร่มรื่นชุ่มชื่นดีจัง

     

    พอฝนหยุดตกผมก็ไปถ่ายรูปน้ำตกต่อครับ ยังไม่สะใจ 

     

    สักสี่โมงเย็นผมก็ขับรถกลับแม่สอด ขากลับผมเห็นตลาดนัดริมทางเลยแวะเดินเล่นครับ ผมถามชาวบ้านว่าที่นี่ชื่อว่าตลาดอะไร เค้าบอกว่า ชื่อตลาด 35 เพราะแถวนี้คือหมู่บ้าน 35 ผมไปได้สมุดบันทึกเล่มละ 10 บาทมาด้วย ดูดีแถมถูก

     

    สิ่งน่ากลัวที่สุดคือสิ่งนี้ครับ  เห็นแล้วหน้าพ่อหน้าแม่ลอยมาเลย จะรอดกลับไปไหมเนี่ย แต่ชาวบ้านเค้ารอด ผมก็ต้องรอด

     

    นาแถวๆม่อนหินเหล็กไฟก่อนไปน้ำตกพาเจริญครับ ไม่ผิดหรอกครับ "ม่อนหินเหล็กไฟ" จริงๆ  แล้วเกี่ยวไรกับพี่โป่งแว้

    เย็นนั้นผมกินข้าวฟรีอีกแล้วครับ พี่รหัสผมนัดเลี้ยง พี่เค้าทำงานอยู่ที่เดียวกับเพื่อนผมพอดี สบายกระเป๋าไปอีกหนึ่งมื้อ

     

    ค่าใช้จ่ายวันที่สี่
       ค่าน้ำมัน                90 บาท
       ค่าข้าวเช้า            130 บาท
       ค่าข้าวกลางวัน        40 บาท
       ค่าสมุด                  10 บาท
       รวม                    270 บาท
       รวมทั้งหมด       1359 บาท

    • โพสต์-10
    Paipasu •  สิงหาคม 15 , 2558

    วันที่ห้า วันอังคารที่ 11 สิงหาคม 2558 เช้ามาเพื่อนมันบอกให้ผมไปสำนักสงฆ์ภูผาธรรม หรือวัดป่าถ้ำภูผาธรรม หรือวัดโรงโม่หินครับ อยู่แถวบ้านวังตะเคียนเกือบถึงริมเมย ทางเดียวกับไปพระธาตุหินกิ่วแหละครับ แต่ถึงก่อน เพื่อนผมมันบอกอยู่หลังโรงโม่หิน ผมก็ขี่ไปเลยทะลุโร่งโม่หินก่อนถึงพระธาตุหินกิ่ว จนไปถึงเขตระเบิดหิน เอาไงดีวะ เมื่อกี๊ถามทางมาก็โคตรงง ท้อแล้วนะเนี่ย เป็นชั่วโมงแล้วยังไม่เจออีก เลยตัดใจกลับ แต่ผมแวะกินข้าวก่อนเลยลองถามแม่ค้าดู เค้าบอกว่าโรงโม่มีสองโรง โรงตรงพระธาตุหินกิ่วเป็นโรงใหม่ วัดโรงโม่หินอยู่แถวโรงโม่เก่า ทางเข้าจะอยู่แถวตลาดนัด มีป้ายบอกทางให้เลี้ยวไปอยู่  เข้าไปลึกพอตัวเหมือนกันครับ แหม่...เพื่อนผมมันก็บอกทางซะคร่าวๆ  เอาจริงๆทางโคตรซับซ้อน

     

    ก่อนเข้าโรงโม่จะมีป้ายบอกให้เลี้ยวขวาครับ ตอนแรกผมตรงไปเลย เพื่อนมันบอกให้ทะลุโรงโม่ไป ไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้ ต้องถามคนงานเอา กลัวจะโดนแจ้งข้อหาบุกรุกสุดๆ

     

    มาถึงอันนี้ครับ เห็นป้ายละ เป็นทางแยกสองทาง ผมเลือกไปขวา ทางโคตรวิบากเลยครับไปเป็นกิโลๆ ผมคิดว่ามันไม่น่าใช่ละ กลับไปเลี้ยวอีกทางดีกว่า

     

    พอมาอีกทาง จะเป็นทางเลียบโรงโม่ไปด้านหลังครับ ผ่านหมู่บ้านผ่านโรงเรียนไปตามป้ายสักพักก็จะเจอวัดแล้วละครับ

     

    เห็นริบๆแว้วววววว “ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล” หาตั้งแต่เก้าโมง ตอนนี้จะเที่ยงละครับ

     

    ขับไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

    ถึงละครับ งามขนาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

     

    บรรยากาศภายในวัดครับ ไม่ค่อยมีคนมา เงียบสงบดี ที่นี่พระจะนั่งวิปัสสนากัน

     

    สิ่งศักดิ์สิทธ์ภายในวัดครับ

     

    ทางขึ้นไปบนเขาที่เห็นตอนมาครับ

     

    คุ้มค่ากับการบุกตะลุยมาจนถึงที่นี่ครับ สวยงามจริงๆ และก็เงียบสงบดี เหมาะกับการมานั่งสมาธิมากๆ

     

    ภาพบรรยากาศโดยรวมครับ

     

    นี่คือที่ๆขึ้นไปมาเมื่อกี๊ครับ

     

    ก่อนผมจะกลับ ผมไปเจอลุงจิตรกรประจำวัดครับ แกพาผมทัวร์อีกรอบแล้วไปแนะนำกับคณะสงฆ์ที่มาวิปัสสนาที่นี่

     

    หลวงพ่อใจดีครับ ผมขออนุญาตถ่ายรูปหลวงพ่อก็อนุญาต พูดคุยเกี่ยวกับวัดอยู่นานพอสมควร หลวงพ่อบอกว่า “โยมเข้าไปในถ้ำมาหรือยัง” ผมบอกว่า “ไปมาแล้วครับ แต่เมื่อกี๊ไม่มีไฟ มืดมาก ผมเลยรีบออกครับ” หลวงพ่อเลยไปเปิดไฟให้ ที่นี่ใช้ไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ครับ

     

    ปากทางเข้าถ้ำครับ ตอนแรกลุงแกพาผมมาแล้ว ต่ผมเข้าไปคนเดียว แกบอกอึดอัดไม่ชอบ ก็จริงนะครับ ทางเข้าค่อนค้างแคบ เตี้ยด้วย ต้องก้มตัวลงไป

     

    ถึงแล้วครับ ภายใจถ้ำจะมีพระนาคปรกอยู่ ผมกราบแล้วขออนุญาตถ่ายรูปเก็บไว้ แต่ตอนถ่ายผมได้ยินเสียงอะไรก๊อกๆแก๊กๆข้างๆไม่รู้ครับ มันมืดมองไม่เห็น ถ่ายได้สักสามรูปก็รีบออกมาเลย กลัววววว...

     

    ทางเข้าถ้ำครับ ถ่ายจากด้านใน

     

    ออกมาผมก็ไปลาหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ให้พรแล้วผมจึงขอตัวกลับครับ

     

    ก่อนกลับผมก็ไปลาลุงก่อน ลุงแกชวนคุยอีกพักหนึ่ง ชวนกินข้าวด้วย 555 แกบอกว่าของที่เห็นน่ะ เค้ากำลังจะเอาไปบริจาคกัน จะไปด้วยกันไหม แต่ไม่ใช่วันนี้นะ แหม่ ติดที่ผมรีบกลับแล้วน่ะซิ ไม่งั้นไปด้วยแล้วครับ เสียดายจริงๆ

    • Paipasu  น่านนนนน!! สงสัยผมจะซวยจัด ที่ผมเจอไม่น่าใช่ ตม. อะครับ น่าจะเป็นทหาร สะพายปืนมากันด้วย มาเป็นสิบ ไม่พูดภาษาอังกฤษด้วย T^T 18 สิงหาคม 2558 19:59:14
    • Armmy  นี่ไง (เอามาโชว์) ^_^ ถ่ายตรงกลางสะพานเรย ได้ป้ายสะพานมิตรภาพมาด้วย แต่ ตม.พม่า โหดมาก ไม่ยอมพูดภาษาปะกิดอีกตะหาก http://www.thetrippacker.com/th/review/อำเภอแม่สอด/7356 18 สิงหาคม 2558 13:33:25
    • Paipasu  นั่นซิครับ ผมก็ถามคนที่เดินไปมาบนสะพานเค้าก็บอกว่าปกติถ่ายได้นะ จริงๆผมก็ถ่ายมาครับ แต่ไม่กล้าเอาลง นึกถึงหน้าทหารพม่าที่เข้ามาคุยผมยังกลัวอยู่เลยยยย T^T 17 สิงหาคม 2558 14:02:05
    • Armmy  อ้าว บนสะพานมิตรภาพ ถ่ายรูปไม่ได้เหรอคะ นี่ถ่ายมาอ้ะ 555+ แต่ที่ด่านถ่ายไม่ได้ เจ้าหน้าที่ยืนบอกตลอด ^_^ 17 สิงหาคม 2558 11:02:43
  1. โหลดเพิ่ม