ทะแด่ม! สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าการเดินทางภาคต่อจากแม่ลาน้อยรีวิวที่แล้วค่ะ

ติดตามรีวิวก่อนหน้าได้ที่นี่เลยนะคะ

http://www.thetrippacker.com/th/review/%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AE%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99/9875

มาต่อกันเลยค่ะ

.

.

เมื่อทริปแม่ลาน้อยของเราสิ้นสุดลง เช้าวันที่ 22 สิงหาคม 2559 เราเดินทางจากแม่ลาน้อยโดยรถตู้ประจำทางเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน (ราคาจากแม่ลาน้อยไปแม่ฮ่องสอน 200 บาท ต่อที่นั่ง)

เราฝ่าฟันกับโค้งหลายร้อยโค้งถึงแม่ฮ่องสอนเวลาสิบโมงกว่าๆ เราก็ยังไม่มีที่พักเหมือนเดิม แหะๆ ก็บอกแล้วว่าเที่ยวช่วงกรีนซีซั่นแบบนี้ไม่ต้องวางแผนอะไรมากค่ะ เดินหน้าอย่างเดียว

เพราะเราไม่ต้องแย่งที่เที่ยว ที่กิน ที่พักกับใครเลย ซีซั่นกรีนๆแบบนี้ไปแบบช้าๆ อย่างสุขใจได้เลยค่ะ

เราหาที่พักหลังจากถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารแม่ฮ่องสอนแล้ว โดยที่เพื่อนเป็นคนเสิร์ซหาในอากู๋ (GOOGLE) ในที่สุดเราเลือกปิยะเพลส ตอนเลือกไม่รู้หรอกว่าอยู่ตรงไหน แต่ดูภาพรวมๆในเน็ตแล้วดูดี ตกลงเราเลือกนาย! "ปิยะเพลส"

แล้วเพื่อนก็โทรไปสอบถามตามเบอร์โทรที่ได้มาจากในเน็ต แล้วเราก็ได้ห้องพักกันแล้ว เย้! (ราคาห้องพัก 700 บาท ต่อคืน)

เมื่อได้ที่พักแล้วต่อไปก็ต้องหารถเพื่อไปยังที่พัก  เราเลือกใช้บริการสามล้อรับจ้างค่ะ (ค่าบริการคนละ 40 บาท) พี่คนขับอัธยาศัยดีมาก แนะนำโน่น นั่น นี่ ให้เยอะเลยค่ะ 

ที่พักของเราในเมืองแม่ฮ่องสอนคืนนี้ติดกับหนองจองคำ ฤดูกาลท่องเที่ยวห้องพักจะเต็มทุกห้อง เพราะติดกับแหล่งท่องเที่ยวและถนนคนเดินเลยค่ะ

เมื่อเราเช็คอินห้องพักและจัดการเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เราก็หาที่เช่ารถจักรยานยนต์กันค่ะ ที่จริงพี่คนขับสามล้อบอกอยู่นะว่าอยู่ตรงไหน แต่เราเดินหาไม่เจอ 555 พอสอบถามคนผ่านมาแถวนั้นก็บอกไปคนละทิศ กว่าจะหาที่เช่ารถได้เราก็เดินเกือบรอบเมือง 

ที่จริงแล้วร้านเช่ารถก็อยู่แถวๆที่เราพักเอง อยู่คนละมุมของหนองจองคำ เดินแป๊บเดียวถึง แต่เรากว่าจะหาเจอเอาซะเสียเหงื่อไปหลายครุเลยค่ะ แฮ่!

หลังจากได้ยานพาหนะในการร่อนแม่ฮ่องสอนครั้งนี้แล้ว เราก็หาอะไรลงท้องก่อน เพราะใกล้จะเที่ยงท้องก็เริ่มหิว การหาร้านอาหารในถิ่นที่เราไม่คุ้นเคย เป็นอะไรที่ยากมากๆเลยค่ะ แต่ในที่สุดเราก็หาเจอ เป็นร้านขนมจีนน้ำเงี้ยว รอดตายไปหนึ่งมื้อกันค่ะ 

การเดินทางมาแม่ฮ่องสอนครั้งนี้ เราเน้นเที่ยวในตัวเมือง เพราะเราเดินทางมาถึงก็ค่อนวันไปแล้ว วันที่เราไปถึงแม่ฮ่องสอนนั้น เป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมาก ต่างจากอากาศที่แม่ลาน้อยโดยสิ้นเชิง 

ที่ๆเราตั้งใจมามากที่สุดก็ไม่พ้นสะพานซูตองเป้ค่ะ 

ตอนเราไปถึงไม่มีแดดเลยค่ะ ฟ้าออกหลัวๆ แต่อากาศร้อนมาก 

นักท่่องเที่ยวในช่วงนี้ไม่ค่อยมี จะเห็นบางตามาก แต่ถือเป็นเรื่องที่ดีค่ะ เพราะเราจะไม่ต้องหามุมในการถ่ายภาพยากนัก

.

.

.

.

ทางเข้าไปยังสะพานซูตองเป้ จะเข้าได้สองทางค่ะ บางคนจะไปทางบ้านกุงไม้สัก และบางคนจะไปทางสวนธรรมภูสมะ

เราไปทางสวนธรรมภูสมะค่ะ เพราะทางไปง่ายดี ออกจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปทางเส้นทางจะไปอำเภอปาย ประมาณสิบกว่ากิโลก็จะเจอป้ายชี้บอกทางไปยังสวนธรรมภูสมะ ไม่มีหลงทางแน่นอนค่ะ 

เราเริ่มต้นเดินเที่ยวชมสะพานจากฝั่งสวนธรรมภูสมะ แล้วข้ามไปอีกฝากยังหมู่บ้านกุงไม้สัก ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าสามารถเข้ามายังสะพานได้สองทาง 

มารู้ตอนที่เดินมาถึงร้านค้าที่อยู่ฝั่งบ้านกุงไม้สัก พี่คนที่ขายของอยู่ฝั่งนี้บอกว่า ส่วนใหญ่ถ้าเป็นคณะทัวร์เค้าจะเข้ามาทางหมู่บ้านกุงไม้สัก แล้วค่อยเดินข้ามไปยังฝั่งสวนธรรมฯ 

เลยถามด้วยความสงสัยว่า...จำเป็นที่จะต้องมาเริ่มต้นเดินฝั่งหมู่บ้านก่อนไหม เพราะที่ได้ยินมาคือสะพานแห่งนี้เป็นสะพานแห่งการอธิษฐาน เค้าว่ากันว่าถ้าอธิษฐานแล้วจะสำเร็จ แล้วถ้าไม่มาเริ่มต้นที่ต้นทางจะเป็นอะไรไหม พี่เค้าบอกว่าไม่เป็นอะไร จะเดินข้ามฝั่งไหนก่อนก็ได้ เฮ้อ! โล่ง...เดี๋ยวคำอธิษฐานไม่สำเร็จ (ฮ๊า!)

.

.

.

.

ช่วงฤดูฝนแบบนี้ มองไปทางไหนก็เขียวขจีสบายตา แต่ถ้าได้มาช่วงข้าวออกรวงสีทองพร้อมอากาศหนาว ความรู้สึก็คงเป็นอีกแบบหนึ่ง ช่วงนี้สบายตา ช่วงนั้นคงสุขใจไม่น้อยเลย

เมื่อเราเดินข้ามสะพานจากสวนธรรมไปยังหมู่บ้านแล้ว เราก็แวะเลือกซื้อสินค้ากันเล็กน้อยพร้อมทำธุระส่วนตัวกัน ก่อนเดินข้ามสะพานกลับไปยังสวนธรรม แวะถ่ายรูปรอบๆนั้นเล็กน้อย ก็พากันแว๊นมอเตอร์ไซต์กลับเข้าตัวเมืองแม่ฮ่องสอนกันค่ะ

ใช้เวลาขับรถจักรยานยนต์ไม่นานก็ถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอน การเดินทางครั้งนี้อีกอย่างที่เราเน้นคือ การแวะร้านกาแฟค่ะ 

เราจึงขึ้นดอยกองมูไปยังร้านกาแฟที่มีชื่อเท่ไม่เหมือนใคร นั้นก็คือร้าน "ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา" แค่ชื่อก็กินขาดแล้วค่ะร้านนี้ วิวพาโนรามาสวยอย่าบอกใครเชียว

ทางขึ้นนี่ชันได้ใจมาก บิดรถจนสายพานแทบไหม้ กลิ่นไหม้นี่คลุ้งเลย ทำให้บางช่วงคนซ้อนต้องลงจากรถเดินเอา เพื่อช่วยไม่ให้รถหนักเกินไป 55

ตอนไปถึงร้านนั้น...ประมาณสี่โมงเย็น แดดแรงเลยทีเดียว

เราสั่งเครื่องดื่มคนละแก้ว เดินถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้เล็กน้อย พักให้หายเหนื่อยกันสักพัก ตอนแรกตั้งใจขากลับจะแวะถ่ายภาพพระธาตุดอยกองมู แต่เราล้าจากการเดินทางสะสมหลายวัน พร้อมกับเจอโค้งตอนเดินทางจากแม่ลาน้อยมายังแม่ฮ่องสอน เกือบเอาตัวไม่รอด เลยได้แต่พากันขับรถผ่านพระธาตุไปอย่างเหนื่อยล้า หื่อ!

เราใช้เวลาในการเที่ยวเมืองแม่ฮ่องสอนครั้งนี้เพียงน้อยนิด เพราะเช้าวันที่ 23 สิงหาคม ต้องเดินทางกลับแล้ว เราจองตั๋วเดินทางไว้ตอนเวลา 10 โมงเช้า 

เมื่อเราล้าจากการเดินทางแล้ว จึงหาอะไรลงท้องกันก่อนแล้วเข้าห้องพักเพื่อพักผ่อน เป็นคืนที่พักผ่อนแบบสลบไสลกันเลยทีเดียวค่ะ

ก่อนที่เราจะเดินทางกลับ เราแวะหาอะไรลงท้องกันหิวกันก่อน ไปเจอร้านหนึ่งที่หน้าเทศบาลแม่ฮ่องสอน ข้างๆร้านกาแฟคอฟฟี่มอร์นิ่ง 

ที่นี่มีหอมแดงชุบแป้งทอดด้วย เพิ่งเคยเจอเมนูนี้ อร่อยเลยทีเดียวค่ะ ถ้าจะลองเอามาทำกินเองจะอร่อยเหมือนเค้าไหมนะ

หลังจากที่เราจัดการอาหารเช้าเสร็จแล้ว เราก็แวะร้านกาแฟที่อยู่ข้างๆต่อเลย ไปก่อนตะวันฯ เมื่อตอนเย็นวานแล้ว เช้าก็แวะคอฟฟี่มอร์นิ่งบ้าง เห็นว่าสองร้านนี้เป็นร้านเดียวกันค่ะ

การตกแต่งร้านสวยน่านั่งชิลดี แต่เราชิลนานไม่ได้เพราะเราต้องเอารถที่เช่ามาไปคืนร้านต่อ เลยได้เครื่องดื่มกันคนละแก้วก่อนไปส่งคืนรถค่ะ

และแล้วทริปกรีนซีซั่นการฝ่าฟันสายฝนของเราก็จบลงที่เมืองแม่ฮ่องสอน เพราะการเดินทางกลับที่ใช้เวลายาวนานรอเราอยู่ข้างหน้า 

การเดินทางฝ่าพันกว่าโค้งมา เหมือนยังไม่มีท่าจะอิ่ม ถ้ามีโอกาสเราจะกลับมาอีกครั้ง และจะอยู่ให้นานกว่านี้นะ

ขอบคุณทุกการเดินทาง...ที่ทำให้เราเติบโต

ขอบคุณทุกการเดินทาง...ที่ทำให้เราเจอะเจออะไรมากมาย

ขอบคุณเพื่อนร่วมทาง...ที่ทำให้ไม่เหงาไม่โดดเดี่ยว

ขอบคุณเพื่อนร่วมทาง...ที่คอยเป็นนางแบบให้ตลอด

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งปันค่ะ

pernvern_fonrin