CAMEL REPUBLIC
ถนนนเพชรเกษม ซ้ายมือ ก่อนถึงทางแยกไปชะอำ
จันทร์ – ศุกร์ เวลา 1000 – 1800 น.
เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 0900 – 1830 น.
https://www.facebook.com/camelrepublic
นั่งหลับๆตื่นๆมาสักพัก (มีคนขับรถให้ดีแบบนี้นี่เอง) เราก็มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกสำหรับการเดินทางครั้งนี้ค่ะ นั่นก็คือ
Camel Republic ... ถึงแม้จะชื่อว่า
”สวนอูฐ” แต่ที่นี่มีอะไรมากกว่าอูฐค่ะ โดยหลักๆแล้วจะมี 2 โซนด้วยกันคือ
โซนสวนสัตว์และโซนเครื่องเล่น ไม่นับรวมร้านค้าต่างๆ ซึ่งมีทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านขนมและร้านอาหาร
++ โซนเครื่องเล่น ++
ส่วนตัวแล้ว เราเคยมาที่นี่ 2 ครั้งแล้วค่ะ และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ...
ครั้งที่ 1 – 14 สิงหาคม 2014
ครั้งที่ 2 – 15 ตุลาคม 2014
ครั้งที่ 3 – 26 พฤศจิกายน 2015 (ครั้งนี้)
Camel Republic เริ่มเปิดให้บริการเมื่อกลางปี 2557 ตอนที่เรามาครั้งที่ 3 เปิดมาได้ประมาณปีกว่าแล้วค่ะ และการเปลี่ยนแปลงอย่างแรกที่เห็นคือ
“ราคาค่าเข้าชม” ... เดิมทีราคาค่าเข้าชมคนละ 120.-บาท แต่มีการปรับราคาลดลงเหลือคนละ 80.-บาท เริ่มเมื่อ 1 พฤษภาคม 2558 (สำหรับเด็กส่วนสูงต่ำกว่า 100 ซม.เข้าชมฟรีค่ะ) นอกจากนี้ยังมีราคาแบบ package ต่างๆแบบรวมเครื่องเล่น สำหรับรีวิวนี้จะเน้นที่โซนสวนสัตว์เป็นหลักค่ะ เนื่องจากว่าลูกหมียังเล็กอยู่ เลยไม่สามารถเล่นเครื่องเล่นอะไรได้มากนัก (แต่จริงๆเขาก็มีโซนเครื่องเล่นสำหรับเด็กเล็กนะคะ แต่ลูกเราก็ขี้กลัวซะเหลือเกิน)
++ ภาพเก่า จากครั้งที่ 2 ++
การเปลี่ยนแปลงอย่างที่ 2 “ความร่มรื่นย์”ค่ะ ... อาจจะด้วยเพราะต้นไม้ที่เริ่มโตและใหญ่ขึ้น เลยทำให้มีร่มไม้ไว้หลบร้อนมากขึ้น
จำ ได้ว่าตอนได้ยินชื่อ Camel Republic ครั้งแรก รู้สึกดีจังที่บ้านเราจะมีอูฐให้ได้ใกล้ชิด ได้ทดลองขี่เหมือนประเทศทางแถบตะวันออกกลางบ้าง หลังจากที่เห็นแต่ฟาร์มแกะเกลื่อนทั่วบ้านทั่วเมืองตามกระแส ... ส่วนตัวเราชอบอะไรที่แปลกใหม่ ฉีกแนวคิดเดิมๆ สร้างจุดเด่นเป็นของตัวเองและมีจุดขายที่ชัดเจน
ไม่ได้กลับมาปีกว่า สัตว์ที่นี่ออกลูกออกหลานเยอะแยะมากมาย อย่างอูฐ 2 ตัวในภาพด้านล่างนี้ก็เป็นลูกอูฐที่เกิดและโตที่นี่ค่ะ แต่เขายังไม่ได้รับการฝึกเพื่อให้ขี่และพาเดินได้ ก็เลยรับหน้าที่ในการโชว์ตัวรับอาหารไป ซึ่งอาหารสัตว์ที่นี่จะแยกขาย ไม่ได้รวมกับค่าตั๋วเข้าชม สนนราคาถุงละ 20-40.-บาทแล้วแต่ประเภทของอาหารของสัตว์แต่ละชนิดค่ะ
ปกติ แล้วเรามักจะป้อนอาหารสัตว์โดยการยื่นให้ตรงๆแบบยาวๆด้วยความเคยชิน จนมาครั้งนี้ถึงได้ตาสว่าง เมื่อเจ้าหน้าที่สอนว่าวิธีให้ที่ถูกต้อง คือให้ถือตามขวางที่ปลายด้านหนึ่ง แล้วเขาจะทานอาหารจากปลายอีกด้านหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อป้องกันปากหรือฟันเขางับโดนมือด้วยค่ะ (ผิดวิธีมาตลอดสินะเรา -.-“)
โดย แนวคิดของสวนสัตว์ที่นี่ เขาพยายามจัดพื้นที่แล้วเลี้ยงสัตว์ให้เหมือนเขาได้อยู่ในบ้านของเขาเอง แต่หากใครจะซื้ออาหารป้อน ก็สามารถเปิดประตูกรง เดินเข้าไปใกล้ชิดกับเขาได้ ... จากที่ได้สัมผัส สัตว์ที่นี่ค่อนข้างเชื่องค่ะ และมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างดีในบ้านของพวกเขา ทุกๆหลัง
++ แพะแองโกล่าหรือแพะภูเขา ผู้ซึ่งมีนิสัยชอบปีนป่ายบนที่สูง ++
บ่อเลี้ยงหงส์และเป็ด ...
มา ครั้งนี้แอบตกใจเพราะเป็ดเต็มบ่อ แถมช่วงนี้เป็นช่วงฤดูออกไข่ด้วยค่ะ ไข่เยอะมากจนเจ้าหน้าที่ต้องเก็บออกและให้ฝ่อไปเอง เนื่องจากว่าไม่มีพื้นที่มากเพียงพอในการรองรับการขยายพันธุ์ของบรรดาฝูง เป็ด
++ ภาพเก่าจากครั้งแรก จะเห็นว่าสระยังโล่งๆ ไม่เยอะมาก ++++ ภาพเก่าจากครั้งแรก จะเห็นว่าสระยังโล่งๆ ไม่เยอะมาก ++++ ภาพจากครั้งล่าสุด น้องเป็ดว่ายน้้ำเล่นเต็มสระ ++++ ทางซ้ายมือ เป็นเป็ดวู๊ดดั๊ก ++อัลปาก้า ...
ขอบอก ว่าเราเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าอัลปาก้าคือแกะชนิดหนึ่ง ด้วยเพราะลักษณะของขนปุยๆเหมือนเจ้าแกะ เพียงแต่คอยาวกว่า ... จนถึงวันนี้ได้ตาสว่างอีกรอบว่า อัลปาก้าคือ”อูฐ”สายพันธุ์หนึ่งค่ะ เจ้าตัวใหญ่เชื่องและเป็นมิตรมาก เดินเข้าหาลูกหมีทันทีที่เห็นหน้า ส่วนคุณลูกหรือคะ? วิ่งหนีก่อนเลยค่ะ กว่าจะตั้งหลักผูกสัมพันธ์กันได้ ... แหม ! เขาก็แค่อยากทักทายด้วยนิดหน่อยเอง
ยีราฟ ...
เจ้า สัตว์รูปร่างสูงยาว มีลิ้นที่หนาและหยาบมาก เขาจึงทานใบไม้ได้หลายชนิด รวมถึงใบประเภทมีหนาม ... แต่ยีราฟที่นี่เขาจะทานกล้วยค่ะ โดยจะเสียบไม้อำนวยความสะดวกให้
++ ยังแอบกลัวอยู่ ขอยืนหลบหลังกำแพงนิดนึง ++กรงนก ...
และ แล้วก็มาถึงมุมโปรดของลูกหมีเขาล่ะค่ะ ต้องบอกว่าตอนมาถึงคุณลูกวิ่งเข้าหากรงนี้ก่อนเลย จนพอใจถึงยอมออกมาทักทายเล่นกับสัตว์ตัวอื่นๆบ้าง
ดารา เด่นของจุดนี้คือ “นกซันคอนัวร์” ด้วยความที่เขาแสนเชื่อง จะบินลงมาเกาะแขนและทานอาหารจากมือ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างหลงเสน่ห์ในความเชื่องของเจ้านกชนิดนี้ล่ะค่ะ (แม่หมีเลยกระเป๋าฉีก หมดค่าอาหารนกไป 200 กว่าบาทหรือมากกว่า 10 ถุง)
ไม่เจอกันปีกว่า บรรดาน้องนกโตกันขึ้นเยอะเลยค่ะ โดนเกาะแขนที 4 ตัวพร้อมกันนานๆนี่ มีแอบเมื่อยแขนนะ เพราะตัวใหญ่และหนักขึ้นเยอะ
ฟลามิงโก้ ...
อีก หนึ่งกิจกรรมแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอจากที่อื่นมาก่อน คือการป้องอาหารนกฟลามิงโก้ ... อาจจะดูไม่แปลกนะกับคำว่าป้อนอาหารสัตว์ แต่สำหรับนกฟลามิงโก้ เราไม่เคยเจอจากที่อื่นมาก่อนเลยจริงๆค่ะ
เท่า ที่สอบถามดู เขาใช้เวลาฝึกอยู่นานเหมือนกันค่ะ กว่าจะยอมมาทานอาหารจากมือ ซึ่งอาหารของเขาจะผสมน้ำและใส่มาในขัน เวลาเขารุมล้อมเข้ามาทานคือจิกครึ่กๆๆๆ อารมณ์เหมือนเครื่องปั่นยังไงยังงั้นเลย ... เปียกเลอะเทอะกันไปบ้าง แต่มาถึงตอนนี้คุณลูกหมีสนุกแบบไม่ยอมถอยแล้วค่ะ เลอะยังไงก็ยอม
บ่อปลาคาร์ฟ ...
มีกิจกรรมป้อนอาหารปลาคาร์ฟเช่นกันค่ะ โดยป้อนผ่านขวดนม และในอนาคตเขามีแผนเพิ่มกระต่าย รอบๆบ่อปลาด้วยค่ะ
.
.
.
เกือบ จะบ่ายโมงแล้ว เรามานั่งทานเครื่องดื่มเย็นๆคลายร้อน รอเวลาไปขี่อูฐต่อค่ะ ... ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่รอมานานมากทีเดียว เพราะตอนมาที่นี่ 2 ครั้งแรก ยังไม่มีกิจกรรมขี่อูฐ เพราะอูฐยังอยู่ระหว่างการฝึกและยังไม่พร้อมให้บริการ ซึ่งครูผู้สอนต้องจ้างมาจากต่างประเทศกันเลยทีเดียว การขี่อูฐยังถือเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่สำหรับบ้านเรา และคาดว่าจะมีที่นี่ที่เดียวในประเทศไทยค่ะ ที่มีอูฐที่ผ่านการฝึกแล้ว ให้ได้ทดลองขี่กัน
อูฐที่นี่เขาจะมีเวลาทำงานค่ะ ไม่ใช่ว่ามาถึงเวลาไหนก็จะขี่ได้เลย เขามีเวลาทำงานมีเวลาพักเหมือนคน เป็นการสร้างนิสัยให้เขาด้วยค่ะ ซึ่งเราไปถึงช่วงเขาพักเที่ยงพอดี ก็เลยต้องรอเวลากันสักนิดนึง
เมื่อพร้อมจะขี่อูฐแล้ว ทางผู้ดูแลก็จะแต่งตัวให้อูฐ รวมถึงคนจูงก็จะแต่งตัวด้วยค่ะ ... ก่อนจะขึ้นขี่อูฐ เขาก็จะเข้ามาทักทายและขอทำความคุ้นเคยกับเราก่อนค่ะ โดยการขอดมมือ ... ถ้าสังเกตเบาะรองนั่งบนหลังอูฐ จะเห็นว่านั่งได้ 2 คนพร้อมกัน เพราะเขาสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 4 เท่าจากน้ำหนักตัวเขาเอง เลยสามารถขี่ได้ 2 คนพร้อมๆกัน และนิสัยอีกอย่าง เขาจะทำตามอูฐตัวหน้าค่ะ เช่น การเดินหรือหยุด เพราะฉะนั้นแล้ว จึงสามารถใช้เชือกผูกเดินตามกันและใช้คนจูงเพียงคนเดียว
เส้น ทางการขี่อูฐด้านใน มีการตกแต่งสถานที่ให้ได้บรรยากาศเหมือนกลางทะเลทรายค่ะ มีต้นตะบองเพชร และในอนาคตจะมีเส้นทางที่ยาวขึ้น โดยการเดินออกไปด้านนอก บริเวณใกล้ๆลานจอดรถ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างค่ะ
ด้าน ในมีการจำลองสถานที่ให้เหมือนกับการตั้งแคมป์พักแรมหรือโอเอซิสกลางทะเลทราย และไฮไลท์ของเราอยู่ที่ตรงนี้ล่ะค่ะ คือตอนขึ้นขี่อูฐน่ะไม่ลำบาก แต่จะลงจากหลังอูฐยังไงคะ !?!? ... เขาจะสั่งให้อูฐนั่งลงค่ะ แต่ตอนที่อูฐนั่งเนี่ยต้องมีเทคนิคค่ะ มิเช่นนั้นอาจจะหน้าคมำ กลิ้งลงไปได้เลย
น้อง อูฐเขาจะนั่งโดยการย่อขาหน้าลงก่อน ซึ่งจะทำให้เรากลิ้งไปข้างหน้า เพราะฉะนั้นก่อนเขาย่อเข่าลง เราจะต้องเอนหลังไปด้านหลังให้มากที่สุด (เพื่อไม่ให้หน้าคว่ำ) แล้วเหยียดแขนให้ตรง ... เราเคยขี่ม้า ขี่ช้างมาก่อนนะคะ แต่ยอมรับว่าตอนน้องอูฐนั่งลงนี่หวาดเสียวจริงๆ คือ เอนหลังสุดๆแล้ว แต่หน้ายังเกือบจะคว่ำได้ (โปรดดูสีหน้าจากภาพประกอบ แอบเกร็งจริงๆ 555++)
++ ตอนแรกกลัวไม่ยอมขี่อูฐ พออูฐนั่งเฉยๆล่ะ วิ่งมาขอลองขี่บ้างเชียว ++
ต้องขอขอบคุณทาง Camel Republic สำหรับโอกาสได้ลองขี่อูฐครั้งแรกในชีวิตค่ะ
++ ระหว่างถ่ายรูปเล่นในโอเอซิส น้ออูฐก็นั่งรอใกล้ๆอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ++
ปิด ท้ายกันด้วยเครื่องเล่นสักหนึ่งชนิด เรียกว่า Eagle Zipline นั่งขึ้นไปชมวิวสวยๆด้านบน ก่อนจะปล่อยเก้าอี้ไหลลงมาตามสลิง ... สนุกสนานกันจนเลยเวลา เดินทางกันต่อค่ะ ยังไม่ถึงหัวหินเลย ^^”