ราชบุรี อีก 1 ตัวเลือกสำหรับคนอยากเที่ยวต่างจังหวัดวันเสาร์-อาทิตย์
ใครมีเวลาว่างเสาร์-อาทิตย์แนะนำไปเที่ยวราชบุรีกันค่าาา
อำเภอเมืองราชบุรี ห่างจากกทม.ขับรถก็ประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนอำเภอสวนผึ้งก็จะเป็น 3 ชั่วโมงจากกทม
ใครที่มีเวลา 3 วันแนะนำให้แวะเที่ยว ตลาดน้ำดำเนินสะดวกกันก่อนได้นะคะ โดยไปทางสมุทรสงครามก็จะผ่านไปได้
ส่วนใครมีเวลาแค่สุดสัปดาห์ลองตามทริปนี้ไปกันเลย
เราออกจากกรุงเทพกันประมาณ 7 โมงเช้า เพื่อที่จะตรงไปเริ่มเที่ยวกันที่อำเภอสวนผึ้งกันเลย ขาไปเราใช้เส้นทางที่ผ่านทางจังนครปฐมนะคะ รถเยอะนิดหน่อย
ประมาณ 10 โมงกว่าๆก็ถึงจุดจอดแรกที่ใครๆก็ต้องมาเมื่อแวะสวนผึ้ง นั่นก็คือ บ้านหอมเทียน
มาตอนเช้ารถยังไม่เยอะค่ะ จอดหน้าทางเข้าได้เลย
ซื้อบัตรเข้าชม ผู้ใหญ่ราคา 60 บาทนะคะ โดยบัตรสามารถนำไปแลกรับเทียนหอมที่ร้านของที่ระลึกฟรี
แค่เดินเข้ามาก็ได้กลิ่นความหอมของเทียนแล้ว หอมมากๆ
ในบริเวณบ้านหอมเทียนก็จะแบ่งเป็นบ้านเล็กๆ ไต่ระดับเนินเขาขึ้นไปด้านบน มีกิจกรรมต่างๆมากมายผู้ใหญ่ทำก็ได้ เด็กยิ่งดีเลย มี work shop ทำเทียนแกะ 200 บาท น่ารักมากๆ เดินขึ้นไปเรื่อยๆก็จะพบกับของตกแต่งสวยงาม vintage น่าถ่ายรูปไปหมดทุกมุม
รวมทั้งร้านขายเทียนหอม ที่มีเยอะมากๆๆๆๆๆๆ มีหลายแบบหลายสไตลเดินเพลินมากๆ
เดินต่อไปด้านบนมีคาเฟ่เล็กด้านบนบรรยากาศดี มองออกไปเป็นวิวเชิงเขาเขียวขจี เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งแบบวินเทจมากๆ และร้านไอศกรีม ข้างๆคาเฟ่ มีซุ้มยิงเป้าชิงของรางวัลเล็กๆน้อย
น้ำอัญชัญมะนาวในกระบอกไม้ไผ่ 59 บาท ชื่นใจมากๆ
เสร็จจากบ้านหอมเทียน เรายูเทินนิดนหน่อยแล้วขับขึ้นไปสถานที่ยอดฮิตอย่าง the scenery farm กันซะหน่อยเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง
เรามาถึงกันตอนเที่ยงพอดี ร้อนมากๆๆๆ ใครจะมาแนะนำว่าแวะกินข้าวกันไปก่อนแล้วมาช่วงบ่ายๆหน่อยดีกว่า ตัวแทบไหม้
ซื้อบัตรเข้าชมประมาณ 50 บาท ซึ่งสามารถนำหญ้าไปแลกให้แกะได้ 1 กำ พร้อมกับบัตรส่วนลดไอศกรีมนมแกะด้านในฟาร์มค่า
ก้าวพ้นประตูเข้ามาก็เจอกับดอกหญ้าสวยๆ ได้อารมณ์ฟาร์มมากๆ
ไม่รอช้ารีบไปเยี่ยมน้องแกะสุดน่ารักกันดีกว่า ยื่นหน้ามาทักทายแต่ไกลขอบอกว่าแกะที่นี่เชื่องน่ารักมากๆไม่มีการโจมตี เดินอย่างเชื่องช้าและใกล้ชิดเราแบบสุดๆ ถัดจากแกะไป จะเป็นคอกของม้าแคระ สามารถให้อาหารม้าแคระได้ แต่ต้องซื้อบัตรแยกเพิ่ม เนื่องจากร้อนมากทนไม่ไหว เราก็เลยรีบกินไอติมนมแกะ แล้วก็เคลื่อนที่ไปจุดหมายต่อไป Coro field ซึ่งจะอยู่ทางผ่านขากลับเข้าตัวเมืองพอดีที่นี่เจ้าของเปิดให้เข้าชมฟรี ไม่คิดเงินนะคะ นอกจากจะมีฟาร์มผักต่างๆ มะเขือเทศ ก็ยังมีโรงปลูกเมล่อน รวมกันกิจกรรมต่างๆให้ทำมากมาย รวมถึงปั่นจักรยานชมฟาร์มด้วย
Work shop ตกแต่งต้นไม้และกระถางเป็นที่ระลึกนะคะ โดยจะมีต้นไม้หลากหลายแบบ ราคาเริ่มต้นที่ 155 บาท พร้อมอุปกรณ์หินสีและปากกาตกแต่งกระถางฟรี น่ารักขนาดนี้ต้องอุดหนุนซ่ะหน่อย อุปกรณ์มีหินหลากสี หลากสไตล์ให้ได้เลือกตกแต่ง ก่อนกลับที่ห้ามพลาดคือต้องแวะชิมขนมที่ทำจากเมล่อนกันนะคะ ขอบอกว่าอร่อยมากจริงๆๆๆ ที่ห้ามพลาดเลยคือ เมล่อนปั่น หอมหวานชื่นใจดสุดๆ 95 บาทถ้วน แก้วใหญ่มาก 2 คนกินถึงจะหมดด้านตรงข้ามคาเฟ่ก็จะมีร้านขายผลิตภัณฑ์จากฟาร์มให้ติดไม้ติดมือกลับบ้าน ทั้งเมล่อน มะเขือเทศ มันม่วง ข้าวสารต่างๆ ลองแวะชมกัน