ซึมเศร้าเข้าป่ามา...อยู่เถื่อน
ติดตามเค้าด้วยน้า
https://www.thetrippacker.com/th/yungying
*****
รีวิวเดินทางคนเดียว...ลุยเดี่ยวเที่ยวปีนัง
http://www.thetrippacker.com/th/review/PenangMalaysia/10127
*****
รีวิวนั่งรถไฟเที่ยวเมืองคอน...นอนคีรีวง
*****
รีวิวน่าน....ไง
*****
อะ...แฮ่มๆ หายไปนานก็จะเขิลๆๆๆหน่อย จริงๆๆไปเที่ยวมาหลายที่มากมาย แต่เราเลือกที่จะลงเอาแบบที่เจ๋งๆดีกว่าเนอะ มันจะได้ไม่เป็นรีวิวที่น่าเบื่อเกินไป อันที่จริงคนทุกคนมีเหตุผลในการเดินทาง แต่สำหรับเราวันนี้กับการไปเที่ยวอาจจะฟังแล้วดูแย่ๆ แต่ต้องยอมรับความจริงกับสิ่งต่างๆที่ทำให้เสียใจสุดขีด หรือผิดหวังสุดชีวิต โลกนี้ไม่น่าอยู่ บลาๆๆๆ แท่นแทนนนนนน เราพบจิตแพทย์แล้วลงความเห็นว่า ชันคือผู้ป่วยซึมเศร้าขั้นรุนแรง รักษาด้วยยาที่ต้องกินทุกวัน กับต้องพบนักบำบัดจิตเวชทุกเดือน เอาล่ะ เมื่อรู้ตัวว่าเป็นก็ ป่ะ...ไปเที่ยวกันซักหน่อย พยายามอย่าขังตัวเองในห้องสี่เหลี่ยม แต่ก็นั่นแหล่ะที่บ้านไม่ได้ผลิตแบงค์ ก็ไปตามอัธภาพที่มีละกันเนอะ อ่ะป่ะผู้ป่วยซึมเศร้าเข้าป่ากัน
เชื่อมะ!!!! เก็บของเสร็จ ยังไม่ได้จองที่พัก รถเช่า และรถไฟที่จะไปเลย 555555555 บางทีตัวเองก็ลำดับความสำคัญผิดไปนิสสสสนึงเราไปรถไฟนะจ๊ะจองตั๋วก่อนเดินทางวันเดียวเอง จองรถด่วน ขบวน 51 ชั้น3 กรุงเทพ - เชียงใหม่ และขากลับก็รถด่วน ขบวน 52 ชั้น 3 เชียงใหม่ - กรุงเทพ อย่าถามว่าเมื่อยมั้ย ในใจภาวนาแค่อย่ามีคนมานั่งข้างๆเลย จะได้เหยียดขายาวๆ
มาเล่าเรื่องจองที่พักต่อ (โดดไปโดดมาหน่อยทำใจนะ พยายามทำความเข้าใจผู้ป่วยด้วยค่ะ) ด้วยความกะทันหันที่เกิดขึ้น ไม่กี่วันที่โทรสอบถามอยู่เถื่อน (เข้าเฟสบุ๊คเสิร์ทชื่อก็เจอเลย) ว่าที่พักว่างหรือไม่ในวันที่ไป คำตอบคือว่าง แต่เราไปคนเดียว พี่ต้น (พี่ที่เราติดต่อที่พักด้วย แต่พี่เค้าดูแลเฌอชีวา แต่ช่วยติดต่อที่อยู่เถื่อนด้วย ไม่งงนะ!!) ก็แจ้งว่าที่พักยังว่าง แต่หากมีกลุ่มอื่นมาแจมด้วยสะดวกหรือไม่ เราก็บอกได้เลยไม่มีปัญหา ได้เพื่อนใหม่ๆเจอสังคมใหม่ๆ บ้างก็ดี เมื่อที่พักได้แล้ว
ออกเดินทางงงงงงงงงงงงงงงง ไปแรดกันเถอะซึมเศร้า ชั้นจะร่าเริงให้โลกสะพรึงเลย ไม่เล่าถึงการเดินทางจากบ้านมานะ คาดว่าทุกคนเอาตัวรอดมาหัวลำโพงได้
อ้าว...ขบวนนี้มะ ฮี่ๆๆๆความฝันเลย เก็บตังค์ก่อนแล้วจ้างช่างกล้องมาถ่ายรูปสวยๆข้างรถไฟขบวนนี้ หึหึ ได้แค่นั้นหล่ะจ๊ะ ราคาสู๊งสูงงงงงงงงงงงงงงงง บรรยากาศเหมือนจะไปฮอควอร์ต ขออนุญาตญาติพี่น้องในรูปนะคะ ถ้าสวยเอาไปใช้ได้จ๊ะ ตื่นเต้นรถไฟตรงเวลามากตามตั๋วออก 4 ทุ่ม นี่ 5 ทุ่มตบยุ่งจนหมดหัวลำโพงละ ว่างจัดก็ถ่ายไปเรื่อย ตั้งกล้องวนไป คนไม่มีคู่ต้องเข้าใจเค้าหน่อยนะ สตรองๆๆด้านได้อายอดได้รูป อ่อ...ลืมบอกตอนก่อนมา 1 วัน จะหารถเช่าที่จะใช้ในเชียงใหม่ก็ยังไม่จอง บอกได้เลยว่าวันหยุดยาวรถเช่าในเชียงใหม่หายากยิ่งกว่าอะไรใดๆในโลก โทรเป็น 10 กว่าเจ้า ไรเนี่ย ซาเล้งก็เอาละตอนนี้ แต่เราก็พยายามติดต่อจนได้ รถเช่าของ RPM Carrent ได้รถ Yaris คันใหม่สีบรอนซ์เงิน ค่าเช่า 900 บาท ในราคาวันหยุดนะ จ่ายค่าประกันไป 3,000 พอรับได้เหลือเงินในกระเป๋าพันกว่าๆ ซื้อมาม่าพอประทังไหว อ่อ!!! ลืมบอกเราไปช่วงนั้นเทศกาลกินเจพอดี ใช่!!! เรากินเจ ไปเที่ยวเขาอยู่ป่า แต่แดกเจ เอาซี้ๆๆๆๆๆๆ เฟี้ยวกว่านี้ไม่มีละ หากินยากอิ๊บอ๋ายเลย พึ่งพา 7-11 อย่างเดียวเลย เช้าแล้วเว้ยยยยยย เมื่อยๆๆชาๆหน่อย แต่ก้นบอกรับได้ สวัสดีเช้าวันใหม่ นี่กูอยู่ไหนเนี่ย ตื่นมาแบบครึ่งทางยังๆๆๆ ใครเป็นมั่ง ดูค่ะดูวิวสิเธอ เราแพ้ภูเขา แสงแดด พงไพร ลำน้ำ ลำธาร เห็นแล้วมันฟินนนนนนนนน สดชื่นทุกทีเลย รถไฟอ่ะมันมีความสนุกนะ มันได้อารมณ์มากกว่าความเหนื่อยและเมื่อยที่ร่างกายกำลังบอก กูเมื่อย แต่เราสนุก เดี๋ยวหลับเดี๋ยวตื่น คนนู้นขึ้นคนนี้ลง มีของมาขายหอมกรุ่นๆๆ กูกินเจๆๆๆๆๆ ต้องมีสติค่ะ รถไฟเที่ยวขาไปเสียเวลาเพราะหัวรถจักรเสียเวลาไปแค่ 2 ชม.เอง เอาละ...หายนะบังเกิดได้กลิ่นไหม้ ควันขึ้น ไม่เป็นไรเสียเวลาอีกครึ่งชม.หนูไม่ว่าเจ้าหน้าที่รถไฟค่ะ อต่กูจะถึงเชียงใหม่ใช่มะ จริงๆต้องถึงเชียงใหม่ประมาณ 12.10 น. ตามที่ตั๋วบอกไว้ แต่เรานัดรับรถยนต์ที่เช่าไว้ที่สถานีรถไฟไว้ตอนบ่าย 2 แหม เวลาพอดีกันเป๊ะเลยค่ะ จะขอบคุณเจ้าหน้าที่รถไฟที่เลทหรือไม่ เจ้าหน้าที่รถเช่ามาพอดี พี่จ๊อดบริการดีมาก เช็ครถว่ามีรอยอะไรตรงไหนบ้าง ทำสัญญาเช่าเรียบร้อย รถเช่าของ RPM Carrent โปรโมทให้อีกรอบ เริ่ม.........ไม่อยากเดินทางช้า เพราะเราเป็นประเภทแวะไปเรื่อยเปื่อย อากาศดีก็เปิดกระจกชิลๆๆไปเนอะ ก่อนจะเดินทางที่พี่ต้นก็ได้บอกเส้นทางไว้บ้างแล้ว ไม่มีทางหลงแน่นอน เราจะขับไปตามทางที่จะไปเชียงดาวนะจ๊ะ 80-90 กิโลเมตร ประมาณนั้นหญิงไม่ได้จับพิกัดแน่นอน แต่เปิด GPS ช่วยนำก็ได้อีกทางนึงนะ ขับตามทางไปเรื่อยๆ พี่ต้นบอกว่าที่พักอยู่เถื่อนไปทางเดียวกับเฌอชีวากับบ้านต้นไม้เลย เสิร์ทตามชื่อนั้นก็ได้นะ พี่ต้นให้สังเกตุตอนเลยด่านตรวจมา ให้มองหาร้านซาลาเปาข้างทาง อืมมมมมมม หน้าตาเหมือนซาลาเปา พยายามคิดว่านี่คือซาลาเปา 1 ข้าง ขับเลยมาหน่อย ชะลอความเร็วไว้นะ ไม่ต้องซิ่งมากสังเกตุจะเจอทางเลี้ยงไปโรงเรียนบ้านแม่แมะหรือร้านก๋วยเตี๋ยวครูขวัญก็ได้ เด่นดี ถ้าแกไม่ไปเปลี่ยนชื่อเป็นเรียมซะก่อนอ่ะนะ ระยะทางจากนี้พี่ต้นบอกให้โทรหา เพื่อกะเวลาการออกมารับได้ทันกัน เพราะจุดที่ไปจะไม่มีสัญญาณระหว่างทางเลย พี่ต้นบอก 9 กิโลเมตร ใจจดจ่อ 9 9 9 9 9 9 9 9 9 9 9 แต่ก่อนหน้านี้แอบเลยทางเข้าไปหน่อย ยูเทิร์นซะไกลเลย ขับเข้าไปตามทางไปโรงเรียนบ้านแม่แมะซักพักสัญญาณเริ่มเงียบสนิท ไร้การติดต่อใดๆจากโลกมนุษย์ แต่หายห่วงมีป้ายบอกตลอดทาง ป้ายคนอื่นนะ ไม่มีอยู่เถื่อน เรามาอยู่เถื่อนๆไง มีป้ายทำไม เอ้อออออออจริงป่ะ เห้ยยยย ดูวิวดิ เห็นเขาเชียงดาวเลย ดีต่อใจและถ่ายตีนทำไม อ่อลืมบอก มี IG : feettripper นะติดตามได้ ยอดไลค์ลดลงทุกวั้นทุกวัน สงสัยตีนไม่สวยพอดูวิวระหว่างทางสิ ถึงกับต้องจอดรถเพื่อมาซึมซับบรรยากาศเลยนะจ้าาาาาาา
ถึงแล้วปากทางเข้าหมู่บ้านแม่แมะ ทางสะดวกสบายมาก รถเก๋งวิ่งมาได้สบายๆๆเลย มีพี่ติ่งดักรออยู่หัวโค้ง คำแรกที่พี่เค้าทักคือ “เสียตังค์แล้วยังจะมาอยู่ลำบากอีกเนอะ” 555555 เอาน่าพี่หนูเต็มใจยินยอมมา แล้วเราก็เก็บของสัมภาระของใช้ออกจากรถ เพราะพี่ติ่งจะเอาไปจอดที่บ้านลุงทองให้ซึ่งไม่ไกลมาก แล้วเราก็เดินลงเขาลัดเลาะไปเรื่อยๆตามลุงทองไป (เบลอหน่อยถ่ายไม่ทันลุงทองเดินไวมาก)พอถึงที่พักเท่านั้นแหล่ะ โอ้โห้!!!!!! โคตรอิจฉาพ่อทองเลย พ่อทองก็แนะนำเรานู้นนี่ที่พักยังไง ห้องน้ำ ลำธารไปนอนเล่นได้ ลุงมีที่พักอยู่ข้างๆเราไม่ต้องห่วงเรื่องอันตราย เราเอาของเก็บก็ไปนอนเล่นรับลมฟังเสียงลำธารอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นั้นมากๆๆ ต่อให้เราตายที่นี่ยังยอมเลย มันคือสวรรค์แท้ๆน่าอยู่มากค่ะ ลุงทองเอาของไปวางไว้ที่ห้องนอนให้ ส่วนเราก็เดินเล่นรอบอยู่เถื่อนไป
นี่คือห้องครัวทำอาหารจ้า เดี๋ยวเราจะได้ลงมือโชว์ฝีมือกันหน่อย
ลืมเกริ่นเรื่องที่พักอยู่เถื่อน ทำไมเราถึงเลือกที่จะมาที่นี่ ผู้ป่วยซึมเศร้าแบบเราเข้าป่าไป “อยู่เถื่อน” ปกติเราเป็นผู้หญิงเที่ยวที่ง่ายๆ ไปไหนก็ได้ที่ทั้งตังค์และร่างกายอำนวย ด้วยสภาพจิตใจในตอนนั้นที่ต้องการความเป็นธรรมชาติสูงมากที่สุดในชีวิต อยากไปอยู่แบบโดดเดี่ยว คิดอะไรคนเดียวไปเพลินๆ ฟังเสียงแมลง ลำธาร ป่า เขา ด้วยที่เราติดตามเพจของน้องโบว์ “ตามติดชีวิตผีบ้า” เห็นน้องไปเที่ยวที่อยู่เถื่อน ตัดสินใจไม่นานตกลงใจไปที่นี่เลย อธิบายก่อนว่าอยู่เถื่อนนั้นอยู่ที่แม่แมะ เชียงดาว ที่พักละแวกเดียวกับเฌอชีวา บ้านต้นไม้แม่แมะ แต่อยู่เถื่อนจะมีความต่างตรงที่ ไม่ใช่รีสอร์ทเหมือนทั่วไป ไม่มีไฟฟ้า กับข้าวอาหารเช้ากลางวันเย็นต้องก่อฟืนหุงหาและลงมือทำเองค่ะ ใครทำกับข้าวเก่งก็รอดไป ใครทำไม่เก่งก็ต้องกินไปอ่ะเนอะ สนุกดีค่ะ สัญญาณโทรศัพท์ได้บ้างไม่ได้บ้าง ที่นี่มีพ่อทองอัธยาศัยดีมาก พ่อเป็นคนง่ายๆ พี่ติ่งมีเรื่องเล่าให้เราฟังเพลินๆได้ทั้งคืน ฟังไปฟังมาสไตล์เราคล้ายกันมากเลย รู้สึกดีนะเจอคนที่มีความคิดคล้ายกัน และสุนัขชื่อน้องแดงแสนน่ารัก
มาดูที่พักและห้องน้ำกันดีกว่า นอนบ้านไม้ไผ่ ไม่ต้องห่วงมีมุ้งนะ อาบน้ำในลำธาร ห้องน้ำก็มีแต่ไม่มีประตูปิด ฟินตรงนี้ ที่ไหนมีแบบนี้ปะหล่ะ มีม่านไม้ไผ่บังนิดนึงกันอึไม่ออก ธรรมชาติสุดๆ ฝักบัวทำจากไม้ไผ่นะ น้ำแรงมาก สะอาดใช้ได้เลยค่ะ ใครสะดวกอาบริมธารก็ได้เหมือนกัน หน้าห้องพักออกมาก็ประมาณนี้เลย เป็นไงหล่ะมีอ่างอาบน้ำส่วนตัวที่ยาวมาก ห้องนอนเราเอง ที่นี่มีที่พักหลังเดียวนะ รองรับได้สูงสุด 6 คน แต่เราไปคนเดียว บ้านเป็นของเราและเหล่าแมลง 555555555555555555 โอ้ยยยยยยยยยย ชั้นหลงรักที่นี่ มานั่งเล่นเปลตรงลำธารก็ได้ ถ้ามีหนังสือซักเล่มนะคงเพลินเลย เปียกค่ะ น้ำแรงเชียว แช่น้ำจนขาบวม ปอดไม่บวมไม่มีให้บวม เล่นเองไม่เจ็บ 5555555 น้ำเย็นชื่นใจเลย นอนเล่นแป๊ปนึง แล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำกับข้าวกันตกเย็นพ่อทองก็ไปเก็บผักกูดสดๆริมธารมาให้ ส่วนพี่ติ่งก็สอนเราก่อไฟ สรุปคนก่อไปคือพี่ติ่ง เพราะสอนไปทำให้ดูไป ได้ไฟใช้พอดีเลย 555555 ตกลงใครต้องเป็นคนทำ แล้วเราก็เอาผักกูดมาผัดกับซีอิ๊วกินกับข้าวสวยร้อนๆ แค่นี้ก็อยู่รอดแล้ว อร่อยด้วย ตกดึกก็นั่งคุยกัน แล้วพี่ติ่งก็ให้ไปปูเสื่อริมลำธารนอนดูดาว อยากจะบอกว่าดาวสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เต็มฟ้าเลย ใครตามล่าช้างมาได้เลยที่นี่ ดีกว่าบ้านต้นไม้ ดีกว่าเฌอชีวา เพราะไม่สามารถมองเห็นดาวได้ แต่วิวดูดาวของอยู่เถื่อนสวยกินขาดค่ะ มีดาวตกด้วย นอนกรี๊ดลั่นป่าเมื่อเห็นดาวตก จะอธิฐานก็ดันนึกเรื่องไม่ทันอีก ตกไว๊ไว ตอนที่เราไปอากาศกำลังดีนะ ไม่หนาวมาก ไม่ร้อน เย็นสบาย ยุงไม่มี นอนตากน้ำค้างเพลินหัวเริ่มเปียกเลยกลับเข้าไปนอนในบ้าน
นอนกางมุ้ง มีตะเกียงน้ำมันด้านนอก ฟังเสียงแมลงและลำธาร บอกเลยตื่นอีกทีตี 5 กว่าๆ พี่ติ่งมาปลุกให้ไปกินข้าวบนเขาค่ะ จะมองเห็นวิวดอยหลวงเชียงดาว แต่อันนี้แล้วแต่คนสนใจนะ จะไม่ได้ไปก็ได้ไม่บังคับ แต่เราไปมาแล้วต้องสุด น้ำไม่ต้องอาบเพราะได้เหงื่อแน่ๆ ล้างหน้าแปรงฟันพอ พี่ติ่งพาเดินไปบ้านลุงทองและเตรียมของขึ้นเขากัน ไปพร้อมกับอีกกลุ่มหนึ่งไปพร้อมกัน รถเราได้ที่จอดสะดวกสบาย เพราะมามจอดที่บ้านลุงทอง ปลอดภัยร้อยล้าน % เหมือนอยู่ญี่ปุ่นเลยแม่กำปองก็แม่กำปองเถอะที่นี่สุขกว่าเยอะ เป็นทางไปเฌอชีวา และบ้านต้นไม้ด้วย
เราจะมีเพื่อนร่วมทริปจากบ้านเฌอชีวาไปด้วยกลุ่มหนึ่ง จากคนไม่เคยเจอกัน ไม่รู้จักกัน แต่ธรรมชาติทำให้เราเที่ยวด้วยกันได้ค่ะ ไม่มีขอบเขตของคำนิยามใดๆ เหมือนเด็กๆเวลาเค้าได้เล่นด้วยกันประมาณนั้น ไม่ต้องมองว่าเป็นใครมาจากไหน ระหว่างทางขึ้นและลงก็คอยช่วยเหลือกัน ใครได้เที่ยวแนวนี้ก็จะเข้าใจดี
หมายังลิ้นหอบเลยอ่ะ ระหว่างที่ขึ้นเขาเราจะมีจ่าฝูงนำทางไปด้วยเค้าจะนำหน้าเราเลยสังเกตุขายังกะนักกล้ามเลย คนดังของอยู่เถื่อนคือเจ้าแดง คนดังของเฌอชีวาคือเจ้าลาย (เจอกันก็กระโจนใส่กันเลย สนิทกันเร็วไป๊) แต่ตัวอื่นจำชื่อไม่ได้แล้ว ระหว่างทางขึ้นพี่ติ่งก็เล่าเรื่องราวมากมายระหว่างทางให้ฟังและคอบเก็บคนที่ไปไม่ไหว และพักเป็นระยะๆ พูดเลยถึกแบบเรานั้นเหนื่อยยยยยยยยยยยยยยยยยเว้ย ถามพ่อทองตลอดทาง ถึงยัง ถึงยัง พ่อทองเดินชิลมาก แถมแบกน้ำแบกข้าวของพวกเราไปให้กินข้างบนอีก ส่วนเราแค่ตัวเปล่ายังรู้สึกก้าวขาไม่ออกเลย ถึงแล้ววววววว เห็นวิวเขาหลวงเลย มีหมอกนิดนึงแต่ยังสวยอยู่ พอถึงจุดหมายโอ้ววววววววววววววววววว สวยยยยยยยยย คุ้มเหนื่อยเลย พ่อทองรีบปูพื้นที่ให้กินข้าวกัน อยากจะบอกพ่อทองว่า หนูเหนื่อยมากกว่าหิวอีกจ้า แต่วิวดีเว่อร์ๆๆ เรานั่งกินไปชมวิวไปพักใหญ่แล้วถึงจะลง น่ากินทั้งนั้นเลย ส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นบ้านค่ะ เอาล่ะสิ!!! ทางขึ้นว่าเหนื่อยแล้ว ทางลงโคตรสไลด์เลย ลื่นก้นกระแทกกันไปหลายที แต่สนุกดีนะ ไม่ได้หมายถึงเห็นคนอื่นล้มแล้วสนุกนะ แต่มันคือความสุขของการเดินทางอ่ะ พอถึงด้านล่างเรารีบไปกินน้ำภูเขาเลยพี่ติ่งให้ชิมตั้งแต่วันแรกที่มา ชอบมาก มันคือน้ำอ่ะ น้ำที่เป็นน้ำจริงๆ ไม่มีกลิ่น เย็น สดชื่น ชอบมากเลย คนที่นี่สร้างบ้านอยู่กันง้ายง่าย แต่อบอุ่นดีพอลงมาถึงบ้าน ลึงทองก็เตรียมต้มน้ำชาให้ดื่มเลย ชาปลูกเองทำเองดี๊ดี กินอุ่นๆร้อนๆชื่นใจ
บ้านพักที่เราอยู่คือขวามือ ประตูหันหน้าเห็นลำธารเลย ทุกอย่างธรรมชาติสร้างมา เราก็ต้องเที่ยวแบบอนุรักษ์กันด้วยนะ จะได้มีใช้ไปนานๆ เราเล่นน้ำในลำธารอยู่พักนึงก่อนกลับ กับความซุ่มซ่ามที่ติดตัวมาเสมอเวลาไปเที่ยวได้แผลที่เข่าที่ขาที่เอวที่แขนมาพอควร แต่ยังสนุกกับความสุขตรงนั้น ไม่นานเราก็ไปเก็บของเตรียมกลับ เพราะขอให้พี่ติ่งช่วยพาไปเที่ยวเฌอชีวาหน่อยทางเข้าเฌอชีวาทำน่ารักมากเลยค่ะ จะเจอห้องพักบางส่วนด้านหน้า และมีห้องครัวตรงชานระเบียง
พอดีลูกค้าเพิ่งออกไปเราเลยขออนุญาตพี่ต้นกับพี่ติ่งถ่ายรูปห้องนอนซะ ชัดมั่งไม่ชัดมั่ง อภัยกันเนอะ ใช้อะไรถ่ายได้ตอนนั้นก็ถ่ายเลย ลำธานหน้าเฌอชีวาก็จะคล้ายๆอยู่เถื่อน แต่ความเป็นส่วนตัวต่างกันเยอะเลย อันนี้แล้วแต่คนเที่ยวจะชอบสไตล์ไหน แต่วิวสวยสู้กันได้สบายเลย ยืมจักรยานพี่ติ่งมาปั่นหน่อย คนอะไร๊ แต่ยาสีฟันถึงกะปั่นเข้าเมืองไปทั้งวันเพื่อซื้อมาใช้ นับถือเลย ด้านหน้าทางเข้าบ้านต้นไม้ และเฌอชีวา มารอบนี้คุ้มเลยจ้า ก่อนกลับไหว้หลวงพ่อทันใจ ให้สิ่งที่หนูขอไปทันใจหนูด้วยเทอญญญญญญญญญญญญญญญญ กลับละนะ ปู๊นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไว้จะมาใหม่แน่นอนในวันที่เราสมหวังขาไปถ่ายไม่ทัน ขากลับละกันเนอะ อุโมงค์ขุนตาล
เก็บตกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ถ่ายตีนกัน
ปิดจ๊อบด้วยแผลที่ได้มาทุกครั้งจากการเที่ยว 1 เดือนค่ะ หายสนิท ทิ้งร่องรอยไว้นิดหน่อย
สรุปๆๆๆๆๆค่าใช้จ่ายกัน ไม่นับเรื่องของกินนะแต่ละคนหนักเบาไม่เท่ากัน
รถไฟชั้น 3 ธรรมดา ไป - กลับ 542 บาท
ที่พัก 700 บาท
ค่านำทางเดินขึ้นเขาเพื่อชมวิวสวยๆและอาหารอร่อย 180 แต่ราคาน่าจะไม่เท่ากันเพราะหญิงกินเจในช่วงที่ไปพอดี
ค่าเช่ารถ 1 วัน 900 บาท (มัดจำ 3,000 ได้คืนหมด)
เติมน้ำมันรถก่อนคืนร้าน 400 บาท
รวมทั้งสิ้น 3 วัน 21 - 23 ตุลาคม 2560 ใช้ไป 2,722 บาท (ไม่รวมของจุกจิกนะ อันนนี้รวมค่าเดินทางหลักๆให้ ที่เหลือไปคิดเอาเองนะจ๊ะ แต่ขอบอกไม่ไปจะเสียใจ)