น่าน...มีอะไรมากกว่าน่าน
รีวิวปีนัง
http://www.thetrippacker.com/th/review/PenangMalaysia/10127
รีวิวคิรีวง
น่าน...........
พูดถึงจังหวัดน่าน ใครๆคงคิดถึงทุ่งนาเขียวขจี ภูเขาสูง ธรรมชาติ อากาศเย็นๆ เมืองน่านและคนน่านที่น่ารัก
สำหรับเราตั้งใจมาน่าน เพราะ "อุ่นไอมาง" จองที่พักล่วงหน้าไว้หลายเดือน เราเคยมาน่านแค่ครั้งเดียวมางานแต่งเพื่อน ซึ่งก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย จนครั้งนี้ จะขอเที่ยวให้เต็มที่ 3 วัน 2 คืน (27 - 29 ตุลาคม 2559) เหมือนเช่นเคยไม่มีการวางแผนว่าจะไปไหน เจออะไรเราก็หยุด หยุดเที่ยวหยุดถ่ายหยุดดู ว่ามีอะไรน่าสนใจก็แวะตลอดทาง จนวันสุดท้ายของการเที่ยวครั้งนี้ ทำให้รู้ว่า น่าน...มีอะไรมากกว่าน่าน จริงๆ จนทำให้คิดว่าจะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งในเร็ววันนี้
เริ่มต้น...เดินทาง
ทริปนี้เดินทางด้วยเครื่องบินทั้งไปและกลับของสายการบิน Air Asia เราตั้งใจว่าจะบินรอบเช้าเลย ถึงประมาณเกือบๆ 9 โมง เพื่อที่จะได้มีเวลาเดินทางแบบไม่รีบมากนักก่อนที่จะถึงอุ่นไอมาง อยากชมวิวข้างทาง อยากไปแบบสบายๆ ไม่รีบร้อน พอถึงสนามบินน่านนคร อืมมม ชื่อสนามบินยังคุกขุเลย สนามบินที่นี่ขนาดเล็กไม่ใหญ่มาก ลงจากเครื่องมาก็เจอฝนปรอยๆ อากาศครึ้มๆ ชอบมากกกกกกก
แล้วไงต่อ...
ก่อนบินมาน่านนครเราได้จองรถเช่าของ Avis ไว้ 1 คัน ในราคาพิเศษเพราะสั่งซื้อ Voucher ใครสนใจหาดูได้ใน Voucherthai ได้เลย มีหลากหลายมาก เราจองรถแจ๊สในราคา 730 บาท แบบ No Deduct (ผู้เช่าไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเวลาเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะถูกหรือผิด หรือหาคู่กรณีไม่ได้) พูดง่ายๆคือ ใช้ให้เต็มที่เอาที่สบายใจเลยคร้าาาาาาาาาา แต่การจองรถต้องมีบัตรเครดิตด้วยนะ และต้องมีเงินในบัตรอย่างน้อย 8,000 บาท (สำหรับรถรุ่นเล็ก) เดินเข้ามาในตัวอาคารเราก็มองหาบูธของ Avis แล้วยื่นบัตรประชาชน ใบขับขี่ บัตรเครดิต พร้อม voucher เรารับรถมาในเวลา 10.00 น. และต้องมาคืนที่สนามบินเวลา 10.00 น.ของอีกวัน แต่ voucher เราสามารถคืนเลทได้อีก 4 ชม.
เดินทางไปเรื่อยๆ สถานีต่อไปคือ วัดภูเก็ต แต่ไม่ได้อยู่ภูเก็ต ทำไมชื่อภูเก็ต จริงๆควรเป็น วัดบ้านเก็ต แต่คงเพราะอยู่บนเนินบนดอย เลยเติมคำว่า ภู เข้าไป เป็นวัดภูเก็ต อืมมมม เป็นแบบนี้นี่เอง วัดนี้มุมฮิตน่าจะเป็นวิวระเบียงของวัดที่มองเห็นทุ่งนากว้างและทิวเขา มีน้ำไหลผ่าน ปลาเยอะเลย
ระหว่างเส้นทางที่ไปเราแวะลงชมวิวหลายจุดเลย อากาศก็ดี มีแดดไม่ร้อนมาก ขับรถเปิดกระจกฟังเพลง ดีต่อใจที่สุด
ขับรถต่อมาเรื่อยๆเราก็มาถึง "1715" ไม่ใช่สายด่วนแต่อย่างใด อย่าเผลอสั่งไก่ สั่งพิซซ่าหล่ะ อาจจะมาไม่ถึงไกลขนาดนี้ ดอยภูคาชั้นมาถึงแล้ววววววววว สวยมาก เราอยู่ชื่นชมจุดนี้กันอยู่พักนึง หึหึ เมื่อไหร่จะถึงบ่อเกลือ แวะไปเรื่อยๆตลอดทาง ก็วิวสวยขนาดนี้นี่เนอะ
เราได้ห้องที่มีห้องน้ำในตัว ถัดจากหลังใหญ่ที่รับแขก เหมือนว่าเพิ่งปรับปรุงใหม่ด้วย เราน่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มแรกเลยที่ได้เข้าพัก เพราะอะไรหลายๆอย่างยังไม่เรียบร้อยดี แต่เราไม่ได้ซีเรียส เพราะไม่ได้คาดหวังว่าทุกอย่างจะต้องดีที่สุด ถือว่าดีมากสำหรับเรานะ ธรรมชาติดีด้วย อากาศช่วงเย็นจนถึงดึกอากาศเย็นมาก นี่ขนาดไม่ได้มาช่วงฤดูหนาวนะ ตอนนอนพัดลมไม่ต้องเปิดยังได้เลยค่ะ
มีผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ทำจากเกลือเยอะแยะเลย แต่ด้วยเรานั่งเครื่องมาแล้วต้องไปอีกหลายที่เลยไม่สะดวกจะซื้อกลับ ขอเป็นซื้ออาหารปลาเลี้ยงปลาตรงนั้นละกัน ปลาเยอะเชียว
ให้อาหารปลาเสร็จเลยขอเข้าไปดูในบ้านที่ใช้ต้มเกลือ อยากรู้อยากเห็นตลอด 55555 พอได้เข้าไปเลยคิดว่าถ้ามาเห็นตอนเค้าต้มเกลือคงดีเนอะ มีควันฟุ้งๆ กลิ่นหอมๆของฟืน
ที่พักในเมืองน่านของเราวันนี้ก็คือ......ภูกะลันโฮมสเตย์
อยู่ใกล้วัดภูมินทร์เลย ตรงข้ามกำแพงเรือนจำจังหวัดน่าน กลางคืนก็ออกมาเดินถนนคนเดินสบายเลย
ได้รถแล้ว...ไปไหนดี
ตัดสินใจไปขี่วนรอบๆเมืองก่อนละกัน ที่หมายต่อไปคือ หอศิลป์ริมน่าน ไหนบอกรอบๆเมือง ระยะทางถือว่าไกลจากเมืองพอสมควรค่ะ 25 กิโลเมตรเห็นจะได้
http://www.nanartgallery.com/ ใครสนใจลองเข้าไปดูรายละเอียดก่อนที่จะไปได้จร้า บรรยากาศดี ร่มรื่น สงบ เดินเล่นชิลๆได้สบาย
แล้วเราก็ออกร่อนต่อแบบไม่มีจุดหมายปลายทาง ยึดป้ายบอกทางเป็นหลักและมีอากู๋เป็นผู้ช่วย ทางไหนน่าสนใจก็ขับวนเล่นเข้าไปในหมู่บ้าน จนกระทั่งเห็นป้ายบ่อสวก เครื่องปั้นดินเผา พอถามอากู๋ก็ได้คำตอบออกมาเป็นพระเครื่องซะเยอะเลย ด้วยข้อมูลที่มีในมือน้อยมากประกอบกับใกล้จะเย็นแล้วปลายทางของบ่อสวกเป็นอย่างไรเราก็ไม่รู้ เลยตัดสินใจขับเข้าเมืองเพื่อเตรียมตัวไปหาอะไรกินกัน
ระหว่างทางก่อนจะจัดอาหารเย็นให้เต็มท้อง เลยขอมาชิมขนมหวานป้านิ่มอันเลื่องชื่อ มีสิ่งหนึ่งที่คนจังหวัดน่านพูดตรงกันเลยคือ "ขนมหวานป้านิ่ม คนน่านไม่กินกัน มีแต่คนกรุงเทพที่ไปกิน" ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยนะคะ แต่ด้วยที่ว่าคนท้องถิ่นเค้าอาจจะมีของเด็ดที่แอบอยู่ ก็เหมือนเราที่อยู่นครปฐมจะไม่ไปกินร้านดัง แต่เราไปกินร้านเล็กที่อร่อยเช่นเดียวกัน เพราะอาจจะหนีความวุ่นวายที่ใครต่อใครก็อยากมากินร้านดังก็เป็นได้ แต่เราไม่ใช่คนน่านเนอะ เลยขอชิมขนมของป้านิ่มซะหน่อย ได้บัวลอยมา 1 และเต้าส่วนอีก 1 ชิมพอหอมปากหอมคอเราก็เดินทางต่อ
"ถนนคนเดินข่วงเมือง"
ที่นี่มีความพิเศษต่างจากที่อื่นที่เราเคยไปมา คือ จะมีบริเวณจัดให้นั่งกินได้และมีขันโตกไว้วางของกิน ซื้อของมาก็มานั่งกินที่นี่ได้เลย แต่อย่าลืมรักษาความสะอาดเพื่อให้คนอื่นได้มานั่งกินต่อไปเนอะ ความน่ารักอีกอย่างของที่นี่คือ เค้ามีการจัดถังขยะไว้สำหรับคัดแยกขวดน้ำด้วย ระหว่างกินไปเราก็ดูไปส่วนใหญ่ทุกคนคัดแยกขยะกันหมดเลย โดยไม่ต้องมีป้ายมาติดด้วยนะ ชอบมากเลย ชื่นชมค่ะ ระหว่างนี้เราก็นั่งฟังเพลงเบาๆเพลินๆกันไป แต่ในช่วงวันเวลาที่เราไปเค้าจะเปิดเพลงพระราชนิพนธ์นะคะ แต่ในช่วงเวลาปกติเค้าก็จะมีการแสดงด้วย
22.00 น.
เงียบมาก อากาศเย็น มีมนุษย์ 2 คนขี่รถขึ้นวัดพระธาตุเขาน้อยเพื่อมาดูดาว บ้าไปแล้ว 555555555 ใช่ เราบ้า....แต่ได้เห็นวิวสวยสมใจพร้อมของแถมคือฟ้าแลป!!! ดีงามมากค่ะ แต่รูปอาจจะเบลอๆเพราะไม่มีขา มีแต่มือที่ถือกล้อง
"ความเป็นมาของเตาเผาโบราณนี้ พบว่าบริเวณนี้สมัยก่อน เป็นพื้นที่ ที่อาศัยโดยชาวจีนฮ่อ ที่อพยพมาจากเมืองจีน ซึ่งมีวิถีชีวิตเกี่ยวพันกับการทำเครื่องปั้นดินเผา จึงทำให้เมื่ออพยพมาในบริเวณนี้ ประกอบกับภูมิประเทศที่สมบูรณ์ไปด้วยแหล่งน้ำและดินจึงทำให้ที่นี้กลายเป็น แหล่งเตาเผาที่ผลิตเครื่องถ้วยชามที่สำคัญแห่งหนึ่งในล้านนา
ทั้งนี้ความเป็นมาของแหล่งเตาเผาโบราณของบ้านบ่อสวกได้มีนักโบราณคดีได้สันนิษฐานว่า แต่ก่อนเตาเผาโบราณแห่งนเป็นของคนกลุ่มไทยญวน หรือที่เรียกว่าคนเมืองซึ่งเป็นกลุ่มคนที่รู้หนังสือและเขียนภาษาไทยได้เป็น อย่างดี และเป็นกลุ่มคนที่นับถือศาสนาพุทธ มีหลักฐานจากการศึกษาได้ค้นพบเศษถ้วยมีรอยจารึกรูปอักษรไทยล้านนา รูปอักษรอายุราวพุทธศตวรรษที่ 21 รอยจารึกดังกล่าวทำขึ้น โดยคนเมืองน่านที่อยู่ในแหล่งผลิตเครื่องถ้วยชามโดยใช้วัสดุปลายแหลมเซาะ ร่องเป็นตัวอักษรบนเนื้อเครื่องถ้วยลายครามของ จีน แหล่งเตาเผาโบราณบ้านบ่อสวก ทำการสำรวจและศึกษาโดยนาย สายันต์ ไพรชาญจิตต์ นายวิเศษ เพชรประดับ หัวหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่านและนายวุฒิชัย โลหะโชติ เลขาธิการประสานงานประชาคมน่าน และเห็นว่าบริเวณนี้มีความเหมาะสมสำหรับขขุดค้นศึกษาทางโบราณคดีต่อไป เนินดินที่พบ คือ เนินดินเตาจ่ามนัส และเตาสุนัน ซึ่งปัจจุบันเนินเตาทั้งสองตั้งอยู่ บ้านเลขที่ 8 หมู่ 10 ต.สวก อ.เมือง จ.น่าน ทั้งนี้บริเวณบ้านที่ตั้งเตาเผานี้จะมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจำลองเหตุการณ์ วิถีชีวิตต่าง ๆ ของชาวบ้านสวกหมู่ 1และบ้านสวกพัฒนาหมู่ที่ 10 ในอดีตเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เรื่องบ้านสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน จึงถือได้ว่าพิพิธภัณฑ์เป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญที่จะให้ความรู้แก่เด็กและ เยาวชน ประชาชนทั่วไป
ต่อมาได้รับการสำรวจและศึกษามาตั้งแต่ พ.ศ.2527 โดยโครงการโบราณคดีประเทศไทย ( ภาคเหนือ ) กองโบราณคดี กรมศิลปากร และต่อมานาย สายันต์ ไพรชาญจิตร์ ได้เขียนรายงานการศึกษาและบทความเผยแพร่ผลการศึกษาในโอกาศต่าง ๆ หลายครั้ง นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 จนถึงปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดทำการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแหล่งเตาเผาเมือง น่านบ้านบ่อสวกอีกเลย และกรมศิลปากรยังไม่ได้ประกาศขึ้นทะเบียนแหล่งเตาเผาโบราณเหล่านี้" สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ https://sga666.wordpress.com/about/
"ถ้าขุดหมดมันก็พังหมด ถ้าเราขุดแค่ 2-3 เตา ที่เหลือที่ยังไม่ได้ขุดก็ยังคงอยู่ให้รุ่นลูกรุ่นหลานต่อๆไปได้ดูอีกนานๆ"
อืมมมมมมม จริงที่สุด
คุณลุงจ่ามีความภาคภูมิใจมากจากที่เราได้ฟังการเล่าเรื่อง ได้พูดคุยและคุณลุงจัดการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากที่ใด รวมถึงค่าเข้าชมคุณลุงก็ไม่ได้เก็บ พื้นที่แห่งนี้โชคดีที่คุณลุงเป็นเจ้าของ เราไม่รู้เลยว่าถ้าเป็นคนอื่นจะทำแบบคุณลุงเหมือนทุกวันนี้มั้ย
เตาที่ 2 ที่มีการขุด คุณลุงใช้ชื่อภรรยาด้วย น่ารักเนอะ
"เตาสุนัน"
คุณลุงยังได้สร้างสถานที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีต โดยอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากคนในชุมชนช่วยกันสร้างช่วยกันเล่าช่วยกันระลึกความเป็นมาเป็นไป จนเกิดเป็นสถานที่แห่งนี้
และได้จำลองภาพให้ดูถึงวิธีการเอาเครื่องปั้นดินเผาใส่ในเตา ว่ามีการจัดวางอย่างไร ภูมิปัญญาชาวบ้านยุคโบราณนี่น่าทึ่งจริงๆค่ะ มีไหที่ทำที่รองน้ำไว้กันมดได้ด้วยค่ะ สุดยอดความคิดเลย
กลับมาถึงเมืองน่านเราก็เก็บข้าวของออกจากที่พัก แล้วหาอะไรกินก่อนที่จะคืนรถมอเตอร์ไซด์แล้วไปสนามบิน วันที่กลับเป็นวันเสาร์ คนเริ่มมาเที่ยวกันเยอะ ร้านอาหารคนแน่นทุกร้าน เลยตัดสินใจทานร้านเฮือนฮอม ซึ่งคนเยอะเหมือนกัน 555555 แต่รอไม่นานค่ะ อาหารอร่อยเลย อย่างแรกเป็นชุดออเดิร์ฟ อย่างที่ 2 นี่จำชื่อไม่ได้ค่ะ แต่อร่อยดีค่ะ ใครไปแล้วจะสั่งเมนูนี้ ยื่นรูปให้เค้าดูเลยค่ะ ^^"
น่าน...มีอะไรมากกว่าน่าน
ทริปนี้ประทับใจอะไร
1. คงจะเป็นที่บ้านลุงจ่ามนัส บ่อสวก มีโอกาสเราจะกลับไปและหวังว่าคุณลุงยังคงจะจำเราได้ อาจจะขอกางเต๊นท์นอนบ้านคุณลุงซักคืน (ลุงบอกมามีหิ่งห้อยด้วย และดาวคงสวยมากตรงจุดนั้น)
2. ตกสะพานได้แผลกลับบ้าน ขาพันเป็นมัมมี่อยู่หลายวัน ที่สำคัญเราดีใจกับแผลเป็นที่ได้มา ทำให้เรารู้และจดจำได้ดีถึงเหตุการณ์วันนั้น
ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ รีวิวหญิงไม่ได้เน้นเรื่องการใช้จ่าย ไม่ได้มีการวางแผนว่าจะไปไหน ไม่ได้เน้นภาพถ่ายที่สวยงาม แต่เราโฟกัสระหว่างทางที่เราได้เจอ สิ่งที่เราได้สัมผัส
ขอให้มีความสุขกับการเดินทางนะคะ
หญิง...เดินทาง