ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
สวนยาหลวง-ดอยผาผึ้ง ไม่น่าทะลึ่งไปคันเดียว สวนยาหลวง จ.น่าน
    • โพสต์-1
    Boy •  ธันวาคม 18 , 2560

    สวัสดีครับ ทริปนี้สลับมาสองล้ออีกแล้ว รอบนนี้ลมหนาวมาเยือนเมืองไทย ได้เวลาขึ้นเขาขึ้นดอยกันแล้ว แหมจริงๆก็ขึ้นเขากันทั้งปีแหละ555 แต่อากาศแบบนี้แหละเหมาะแก่การขี่มอไซเที่ยว หนาวๆไร้ฝนแล้ว ว่าแล้วก็จัดหาทริปแต่กว่าจะตัดสินใจได้ว่าไปไหน ก็อาทิตย์สุดท้ายก่อนถึงวันไป มีเวลาแค่เสาร์อาทิตย์จะไปได้ไกลแค่ไหน น่านก็พึ่งเมื่อหน้าฝนนี้เอง แต่สวนยาหลวง เป็นสถานที่อยากไปมาสักพักแล้ว ตอนนี้หน้าหนาวน่าจะขึ้นไหว ก็เอาวะลุยยย เลยจัดทริปไหนๆจะมาน่านแล้วตั้งไกลเลยขอเพิ่มดอยผาผึ้งเข้าไปด้วย ทริปนี้เลยเกิดขึ้น แต่ก็เหมือนเคย ทริปขี่รถทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ ไม่ได้นัดกับใครล่วงหน้าก็เลยต้องมาคันเดียว การเดินทางจะเป็นไปตามแผนหรือไม่จะลุยจะเลอะแค่ไหน ไปดูกันเลยจ้า

     

    ทะเลหมอกนุ่มๆต้อนรับหน้าหนาวที่สวนยาหลวง เอาไปดูสักรูปก่อน

    ตารางทริปนี้ 11-12/11/2560

    ออกเดินทางคืนวันศุกร์-เช้าวันเสาร์ ขึ้นดอยผาผึ้ง-แล้วขึ้นสวนยาหลวงกางเต็นบนยอด

    เช้าวันอาทิตย์ชมทะเลหมอก แล้วลงแวะร้านขนมหวานป้านิ่ม แล้วกลับ กทม.

    รูปทั้งหมดถ่ายจาก

    Gopro hero 4 Silver Nikon D7200 รอบนี้ได้เลนส์ชุดใหม่หมดจากเหตุการณ์ทริปเชียงใหม่นั้น เลยจัดใหม่เป็น Fix 35 1.8 G และ 70-300 vc TAMRON และเลนส์เก่าตั้งแต่กล้องตัวแรก kit18-55 เอามาถ่ายบางรูปตอนถ่ายดาวกลางคืน รูปจะออกมาเป็นยังไง ไปดูกันเลย

    ดูคลิปความสนุกความเลอะกันก่อนได้ครับ

    • โพสต์-2
    Boy •  ธันวาคม 18, 2560
    • โพสต์-3
    Boy •  ธันวาคม 18 , 2560

    ออกเดินทางเย็นวัศุกร์รอบนนี้วางแผนใหม่ กะให้ถึงที่หมายเช้าพอดี เลยไม่รีบร้อยนอนให้เต็มอิ่มทั้งวัน เริ่มออกเดินทาง 19.40น. อาทิตย์นี้รถไม่ค่อยติดเท่าไหร่วิ่งสบายๆ ความเร็วตามเสต็ป 120 แต่ว่ารอบนี้เพิ่มเสตอหลังจาก 40 เป็น 42 ฟัน บอกเลยว่า จบทริปโอเคเลย ขึ้นป่าขึ้นเขาซ้อนสอง เห็นผลต่างชัดเจนกำลังมา ส่วนเดินทางไกลรอบไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ ไม่หนักเครื่อง แต่รู้สึกว่าไมล์จะเพี้ยนไปนิดนึงทั้งความเร็วและระยะทาง

     

    หลังจากเริ่มเข้าเขตนครสวรรค์อากาศหนาวก็มาเยือน เย็นๆหนาวๆเป็นช่วงๆตลอดทางจนมาแวะกินเตี๋ยวที่พิษณุโลก ประมาณ เกือบเที่ยงคืน พักตูดกันก่อน เกือบจะครึ่งทางแล้ว

    หลังจากออกพิษณุโลก เที่ยงคืนกว่า ตอนนี้ความหนาวเย็นเยือกมากระทบกาย เสื้อกันหนาวก็เอาไม่อยู่ จะกอดกันแน่นแค่ไหนก็รู้สึกหนาวอยู่ดี ยิ่งบางช่วงที่ผ่านหุบเขาซ้ายขวาเป็นป่าเขานี้หนาวมากๆคืนนี้ ไปต่อทางอุตรดิถย์ เด่นชัย แพร่ เส้นทางที่คุ้นเคยมาจนชิน เลยไม่รู้สึกน่ากลัวอะไร ถึงแม่รอบนนี้รถจะน้อยกว่าทุกครั้ง แม้แต่รถยนต์ยังไม่ค่อยจะมี มีแค่สองช่วง ตรงเลยแพร่จะเข้าน่าน ที่เป็นเลนส์สวนกันบนเขาเท่านั้น ที่มีหวาดเสียวเล็กๆ แต่ก็มีรถผ่านไปมาเรื่อยๆ

     

    จนกระทั้งเข้าตัวเมืองน่าน สาวเจ้าไม่ไหว ง่วงจัดอากาศมันเย็นช่างน่านอนเสียจริงบวกด้วยทำงานมาทั้งวันยังไม่ได้งีบเลย เลยจอดพักที่ปั้มปตท. ก่อนเข้าตัวเมืองน่าน ตอนนั้นเป็นเวลา ตี3-4ได้ นักงีบสัก15นาที พอเดินทางไหวแล้วไปต่อ

    เป้าหมายของเราวันนี้ดอยผาผึ้ง ทุ้งช้าง บ้านมณีพฤกษ์ อยู่เลยปัวไปไม่ไกล หลังจากออกมาจากน่าน วิ่งจนถึงปัว อากาศก็ยังหนาวเหน็บ มันช่างเลี้ยวเข้าห้องพักนอนสักงีบจริงๆ อากาศแบบนี้ สาวเจ้าก็ไม่ไหวอีก อีกอย่าง ไม่อยากขึ้นเขาเช้ามืดด้วยรอให้มีแสงสักหน่อย เลยจอดนอนอีกรอบที่ปั้ม ปตท. ตัวเมืองปัว ตอนนั้นตี 5 นิดๆ เดินทางทั่วไทยรู้สึกอุ่นใจมี ปตท.สว่างไหว ไม่น่ากลัวครับ แต่ผมก็ไม่ได้นอนหรอก โด็พ กระทิงแดงเข้าไป ตาแข็งปั๋ง555

     

    พอ 6 โมงปั้มก็เปิดฟ้าเร่ิมสว่าง เลยไปล้างหน้าแปรงฟันซื้อมื้อเช้าใน 7-11 ไปกินบนผาผึ้งกัน

    วิ่งออกจากปัวได้ไม่นาน ก็มีสายหมอกต้อนรับแต่เช้าวันนี้ตลอดสองข้างทาง

     

    หลังจากเลยเชียงกลางมาไม่เยอะก็มีป้ายบ้านมณีพฤกษ์ให้เลี้ยวขวา เข้ามาเลย ขี่ไปตามทางเรื่อยๆ โค้งเยอะพอสมควรทางไม่กว้างมาก

    แต่ตลอดทางก่อนจะถึงหมู่บ้านก็มีวิว ภูเขา ทะเลหมอก ให้เราได้ว้าวๆ พอสมควรเลย

    ทะเลหมอกถึงจะดูเหมือนไกลแต่ดูเห้นชัดเจนสวยงามมาก

     

     

     

    ขี่ไปจอดไปตามสไตล์เราอีกแล้ว จนแดดสาดส่องเข้ามา 7 โมงกว่าแล้ว

    ในที่สุดก็เข้ามาถึงหมู่บ้านมณีพฤกษ์ เข้ามาลึกมาก 40 กว่าโลได้ ป้ายนี้ ถ่ายตอนขาออกจากผาผึ้งนะครับเอาให้ดูก่อน จะเห็นว่ามีป้ายให้เลี้ยวซ้ายไปดอยผาผึ้ง แต่ถามชาวบ้านแล้วไปทางขวาดีกว่าระยะทางพอๆกัน แต่ทางขวาจะชันน้อยกว่าเยอะ เขาว่ารถเราไปได้สบาย ถามแล้วก็ลุยไปกันเลย 

    หลังจากขี่มาทางขวาก็เจอทางปูนตลอดคิดในใจหวานหมูแน่ๆที่นี้ หน้าหนาวด้วย ที่ไหนได้ วิ่งมาได้แค่โลกว่า เป็นทางดินแล้ว

    ตลอดเส้นทางที่เป็นทางดินนั้น เป็นดินหนังหมูแบบนนี้หมด เลาะไต่ขึ้นเขาเรื่อยๆ แต่ไม่ชันมาก แต่ร่องลึก เละ และเหนียวมาก

    สาวฟางก็ อาการไม่ค่อยดีรมบ่จอย ไม่นึกว่าจะต้องมาเดินมาลุยกันแต่เช้า 555 ที่จริงทริปนี้ดูไว้ตั้งใจไปลุยที่สวนยาหลวง สวนผาผึ้งนี้หารีวิวดูมาว่าไม่ยากมาก แต่ทำไม ถึงเป็นแบบนี้

     

    สุดท้ายขี่เข้ามาเรื่อยๆเกือบ ชั่วโมง ไม่ถึงสะทีนะ ปวดเมื่อยแขนมากล้อปัดไปมา หนังหมูลื่นมาก ดินมันเหนี่ยวสุดๆ เลยตัดสินใจจอดรถไว้ข้างทางดีกว่า เดินเอามันน่าจะง่ายกว่า555

    สุดท้ายแล้วที่จริงเราขี่มาจะถึงอยู่แล้วครับอีกไม่ถึง กิโลก็ถึงจุดจอดรถแล้ว แต่ไม่เป็นไร รู้สึกว่าเดินมันง่ายกว่าจริงๆ รถเราหนักมาก555

    ถึงตรงนี้จะมารถอะไรก็ต้องเดินเท้าขึ้นมาชมวิวครับอีกประมาณ 200 เมตรเท่านั้น

    และแล้วเราก็มาถึง ไม่นึกว่าจะมาถึงสายแบบนี้เกือบ 9 โมง เมฆเริ่มลอยต่ำๆ


    แต่สายตาของเรายังมองเห้นวิวชัดเจน สวนงามคุ้มกะค่าเหนื่อยมาก

    ของจริงมันดูชัดกว่าในรูปนะสวยดีครับ

     

    อากาศยังคงเย็นๆสบายๆหมอกลอยไปมา

    กับทะเลหมอกสวยๆ

     

    ทริปแรกของ 70-300 ดึงหมอกเอามาใกล้ๆได้สมใจ

     


     

    นักพักนั้งกินมื้อเช้าจนหายเหนื่อย ก็ได้เวลาออก

     

     

     


    หน้าตาเธอดูยิ้มแย้มมีความสุขขึ้นมาหลังจากได้ชมวิวสวยๆ ค่อยยังชั่วเลยเรา 555

     

    เดินมาแปบเดียวก็ถึงรถ ได้เวลาออก ขาเข้ามาไม่ล้มเลยสักรอบนะ ทางขึ้นตลอดไต่ๆขึ้นมา

     

    แต่แล้วความหรรษาก็อยู่ที่ขากลับ ขาลง อย่างที่บอกว่าร่องมันลึกมาก เวลาลงก็เร็วจะเปลี่ยนเลนส์เปลี่ยนลายก็ยาก และแล้ว ล้อหนัากับหลังก็อยู่คนละลาย 555

    ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่มันลื่นมากปั่นให้มาลายเดียวกันไม่ได้ก็ต้องขี่เฉียงๆมันอย่างนั้นแหละไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดลาย

    และแล้วก็ลมลง เมื่อลายมันห่างกันออกไป แล้วปั่นยังไงก็ไม่ขึ้น ตัดสินใจปล่อยให้ล้มไปเลย

    แล้วลากล้อให้ลงลายเดียวกัน ที่บอกว่าไม่น่าทะลึ้งมาคันเดียว เพราะตอนยกตอนเข็นนี้แหละ รถมันหนักและยังมีสัมภาระอีก จุดแรกผ่านมาได้ นึกว่าจะรอดแล้ว

    หลายช่วงซ้อนสองค่อยๆไปได้เรื่อยชิวๆ

    แต่จะเก่งแค่ไหน ยังไงก็สู้เวฟเจ้าถิ่นไม่ได้ 555 ไปลิ่วไม่รอเลย

     

    อีกดอกต่อมาสุดสาหัสดูจากรูป รอยร่องล้อมันมีตั้งเยอะจะเลือกอันไหนดีวะเนี้ยขามาอันไหนก็จำไม่ได้ สุดท้ายก็เลือกลายผิด ชีวิตเปลี่ยนเลยจุดนี้ ถ่ายไว้แค่รูปเดียวเพราะ กว่าจะออกจากตรงนนี้ได้นานมาก ล้อหน้าติดหล่มล้อหลังปั่นไม่ขึ้น ยิ่งปั่นยิ่งลึก ไม่เจอดินเนื้อแข็งสะที ตัดสินใจสูตรเดิม ปล่อยให้ล้มแล้วลากล้อมาลงลายขวาแทน เพราะว่ายกไม่ไหว แรงผู้หญิงก็เหมือนแทบจะไม่ช่วยเลย555 แค่ประครองรถได้แค่นั้นเอง พอกระชากจนมาลงลายได้ นึกว่ารอด ขี่ไปนิดเดียวอีกแล้ว หล่มลึก โอ้ยชีวิต ยืนยังแทบจะไม่อยู่ มันเละมากจุ่มกว่าลงไปมิดข้อเท้า เอาของที่ท้ายออกให้หมดก็ยังไม่ขึ้น ต้องให้ฟางประครองรถ แล้วค่อยๆ หมุนล้อหน้าให้ขึ้นจากหล่ม

    จนในที่สุดแล้วก็หลุดรอดออกมา แบบสาหัส 555

     

    ยืนอย่างสง่า 5555 ภายใต้เลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่

     

    พูดจะหาว่าโม้มีรูปยืนยันมันปั่นเสียจนจะปิดวงล้อหมดแล้ว ดินติดตรงอาร์มเพียบต้องมานั้งโกย

     

    เละได้ใจสมกะที่อยากมาลุยไหมละ 555

    เห้นสภาพแล้วก็ขำตัวเอง รอดมาได้555 แต่จริงๆมันไม่ได้น่ากลัวหรือโหดอะไรตอนนั้นก็ไม่กลัวอะไรเพราะถ้าเดินมาหน่อยก็เจอชาวบ้านแล้วไม่ได้ลึกมาก แค่มันเละมากแค่นั้นเอง ถ้ามาหลายๆคันคงจะช่อยกันได้สบายไม่เหนื่อยเท่านี้ครับ

    เช็คอินท่าคู่หน่อยรอดมาได้แล้วโว้ยย 55

    ให้ดูป้ายนี้อีกรอบ เลือกกันเอานะว่าจะทางไหน อิอิ

    • โพสต์-4
    Boy •  ธันวาคม 18 , 2560

    ขี่กลับมาตรงแถวแยกข้างบนเป้นโครงการล้างตัวสะหน่อย สอบถามชาวบ้านได้การว่าฝนมันไม่มีเลยนะที่จริง มันพึ่งจะมาตก สองคืนนี้เองที่เรามา ทางมันก็เลยโคตรเละแบบที่เล่าไปนั้นแหละ แหม ฝนตกทีชีวิตเปลี่ยนจริงๆเลยนะ ทางลุยๆแบบนี้ 555

     

    หลังจากหายเหนื่อยแล้ว เป็นเวลา 10โมงกว่า ได้เวลาออกแล้ว ตอนแรกถอดใจว่าเหนื่อยากเช้านี้สงสัยคงไปหาที่กางเต็นง่ายๆดีกว่าเช่นดอยเสมอดาว เลยขี่ลงไปหาไรกินก่อน


    วิวระหว่างทางหมู่บ้านมณีพฤกษ์ สวยจับใจ

     

    แต่หลังจากลงมาถึงพื้นราบ กินข้าวแล้ว เวลาเที่ยงกว่าๆ เริ่มหายเหนื่อยเลย ตัดสินใจไปสวนยาหลวงดีกว่าไหนก็ตั้งใจมาแล้ว จนขี่มาถึงหมู่บ้าน ฝนเจ้ากรรม ดันตกฝั่งบนเขาอีก ตายละหว่า มันจะเหมือนเมื่อเช้าไหมนี้ เลยสอบถามชาวบ้านที่เขากำลังจะพานักท่องเที่ยวขึ้นไป เลยตัดสินใจว่าขึ้นไปกระบะจอยกับเขาก็ได้ เพราะไม่รู้ว่ามันจะเละแบบเมื่อเช้าไหม ถ้าเหมือนเมื่อเช้าแย่แน่ ระยะทางดิน 8 กิโล และชันกว่าผาผึ้งพอสมควร ก็เลยต้องยอมด้วยข้อจำกัด รอบนี้มันคันเดียว เผื่อเกิดอะไรขึ้นมันจะไม่คุ้ม ช่วงนนี้ไปคันเดียวต้องเซฟตัวเองมากขึ้นไปใจกล้ามากก็ไม่ปลอดภัย ต้องใจเย็นๆ 

    ให้ดูรองเท้าเสียหน่อย พาราเดียมซื้อตอนลดราคา 2000กว่าบาท ใช้ใส่ทุกงาน ไปทำงานออฟฟิตก็ใส่กับสแลคได้งานบวชงานแต่งกะยีน หรือใส่เดินป่าก็ดีมีลื่นแค่บางเขาส่วนใหญ่จะผ่านฉลุยไม่เจ็บเท้า เดินมาหลายเขาแล้ว ขับมอไซด์ยิ่งดีลุยน้ำลุยโคลนสบาย เป็นรองเท้าที่ดีมากเลยครับ แนะนำเลยอเนกประสงค์จริงๆใช้มาปีพอดี ใส่ทุกงานยังไม่พัง แต่กาวที่หัวเริ่มปริลุยน้ำบ่อย

    เข้าเรื่องกันต่อหลังจากตัดสินใจนั้งรถเขาขึ้นไป เลยขอเขาอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวขึ้นไปกางเต็นชิวๆบ้าง

    พูดถึงเส้นทาง ตรงนนี้น่าเสียดายมาก เพราะเขาพึ่งให้รถไถมาไถหน้าดินใหม่จนเกือบถึงยอดแล้วครับ ทางส่วนใหญ่จะเป็นแบบในรูป ถ้าขี่มอไซมาขึ้นง่ายสบายมากแน่นอน แล้วก็ไม่ได้เละแบบผาผึ้งเมื่อเช้า

    ช่วงถึง4 โลแรกจนถึงสวนกาแฟ จะเป็นประมาณนี้หมด ฝนหยุดไปแล้วแต่ทางไม่ได้ลื่นอะไร นี้คืออีกข้อที่ว่าไม่น่าทะลึ่งมาคันเดียว เพราะถ้าผมมีเพื่อนมาด้วยอีกคัน ผมกล้าลุยขึ้นแน่นอน ช่วยกันยังไงก็รอดถึงแน่ๆ ทางแบบนี้ แต่ก็นั้นแหละ ไม่เป็นไร ถือว่า พักร่างกายละกันขี่รถมาตั้งแต่เมื่อคืนยังไมไ่ด้นอนเลย นั้งเฉยๆก็ได้

    แสงแดดยามบ่าย3 เริ่มอุ่นๆ

    หลังจากพ้น 4 โลแรกที่ว่าง่าย มาถึง 4 กิโลหลักจะเลเวลยากขึ้น ดินยังไม่ได้รับประปรับหน้าดินใหม่จะมีความต่างระดับพอสมควร แต่ประเมินแล้วถ้าเป็นมอไซวิบากหรือมอไซเล็ก สามารถไปได้แบบไม่ยากจนเกินไปครับ หาเพื่อนมาด้วยกันสักสองคันขึ้นได้แน่นอนช่วงนี้

    ส่วนกระบะก็พันโซ่เผื่อกันหน่อยอันนี้ก็แล้วแต่สถานที่นะครับว่าเขามีการจัดการเรื่องพันโซ่กันอย่างไร

    และแล้วเราก้มาถึง ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงหน่อยๆกับระยะทางดิน 8 กิโล

    วิวสวยงามกับภูเขาสุดลูกหูลูกตา 360 องศา

    ผมเลือกกางบนยอดเลย มีแค่ผมสองคน กับอีกกลุ่มนึง ส่วนกลุ่มที่เหลือบ้างก็นอนบ้านพักที่ไร้กาแฟ หรือกางเต็นที่ศาลาในรูป

     

    หลังจากกางเต็นได้ไม่นาน แสงอาทิตย์ก็ใกล้จะลับขอบฟ้า

    ถ่ายรูปแสงเย็นกันหน่อย

     

     

     

    วันนี้อากาศดีเย็นลมนิ่งสงบ คาดว่าตอนเช้านะจะได้เห็นทะเลหมอกเช่นกัน ลุ้นด้วยความหวัง

     

     

    หลังจากถ่ายแสงเย็นแล้วก็มาทำอาหารเย็นง่ายๆ ต้มยำปลากระป๋อง มื้อนี้ทำกินเอง เตรียมหม้อเตามาหมด ยิ่งเดินทางอุปกรณ์ยิ่งมากขึ้น

     

    กับมื้อค่ำแสนโรแมนติกกับดวงดาวนับล้าน ลมเย็นๆหนาว

     

    ดวงดาวสวยงามแจ่มจรัสมาก แต่เสียดายรอบนนี้มีแค่เลนส์kit 18-55 อันเก่าไม่ใช่ว่าเลนส์รุ่นนี้ไม่ดี แต่เลนส์ของผมมันเก่า เลนส์มัวๆ โฟกัสไม่ค่อยดีด้วยทำให้รูปดาวออกมาชดบ้างไม่ชัดบ้าง แต่ก็ยังถ่ายได้พอประมาณครับ

     

    ดาวจริงๆสวยงามมาก มีแสงไฟข้างล่างด้วย

     

     

    รูปนี้ก็เบลอซะงั้น555 คืนนั้นก็หลับกันด้วยความเพลีย ผมนอนน่าน ส่วนฟางนอนพะเยา 555 พึ่งมาสังเกตตอนเช้าเรากางเต็นตรงกึ่งกลางเสาธงพอดีเลย

     

    อรุสวัสดิ์ยามเช้า ประมาณเกือบ 6 โมงก็มีรถกระบะนำพานักท่องเที่ยวจากบ้านพักขึ้นมาเราก็ตื่นมาดูแสงแรกของวันกัน แล้วก็เป็นไปตามคาดทริปนี้โชคดีได้เจอทะเลหมอกทั้งสองวัน

    ไปดูภาพกันเลยบรรยากาศยามช้าที่สวนยาหลวง


     

     

    ว่าด้วยเรื่องเต็นท์ทริปนี้ทริปแรกของเจ้า K2 ทริปนี้ยังไม่เจอฝนเจอแต่น้ำค้างแรงพอสมควร ก็นอนหลับสบายไม่เหมือนจะซึมบางๆ ถ้าเทียบกะเนเจอร์ไฮที่ใช้ทริปก่อนภูสอยดาวกะที่ไปทับเบิกมา สเปคต่างๆเท่ากัน แต่ชอบวัสดุเนเจอไฮ มากกว่า แต่ว่าสีที่ซื้อไม่ค่อยสวย555 K2 จัดโปรเลยไปจัดมาเพิ่มครับ

    ดูรูปกันต่อยาวๆไป

     

     

     

     

     

     

     

    กดไปเรื่อยๆไม่รู้จักเหนื่อย 555

     

     

     

     

    สวยงามชื่นใจ ประทับใจมากๆ

     

    พึ่งตื่นหัวมันก็จะเรียบแป้ เหมือนใส่หมวกกันน็อคไปหน่อย อิอิ

    ถ่ายจนหนำใจ ก็ได้เวลามื้อเช้าแสนอร่อยของเราหนีไม่พ้นมาม่า คัฟ เพื่อนแท้เวลาออกทริป55 ไม่ได้ประหยัดแต่มันกินง่ายและซดน้ำร้อนๆตอนอยู่บนดอยหนาวๆนี้มันฟินจริงๆนะ มื้อเช้าส่วนใหญ่บนดอยของผมก็จะเป็นมาม่าคัฟนี้แล

    ชนมาม่ากันหน่อย

     

     


     

     

    ป้ายแบ่งเขตจังหวัดน่านและพะเยา

     

    มาถึงสวนยาหลวงอย่าลืมกินกาแฟ ตอนเช้ากลุ่มนำเที่ยวชาวบ้านก็จะพานักท่องเที่ยวขึ้นมาและมีทำกาแฟกันสดๆบนยอดเลย กลิ่นหอมยิ่งนักแต่เป็นคนไม่กินกาแฟ แค่ดมๆก็ชื่นใจ 55

    ได้เวลาเก็บของลงกลับ

    ลงมาที่จุดพระพุทธรูป ด้านล่างตรงนนี้มีห้องน้ำด้วย แต่น่าจะไม่มีน้ำ ลืมบอกบนดอยไม่มีอะไรให้คุ้นเลยใครจะกินจะทำอะไรต้องเตรียมมาเองทุกอย่าง และช่วยกันรักษาความสอาดด้วยนะครับ

     

    จากนั้นก็ลงมาที่สวนกาแฟ 4โลตรงจุดบ้านพัก ของนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้นอนบนดอย เรารอกลุ่มที่ขึ้นมาด้วยกันอาบน้ำแต่งตัว เลยเดินดูสวนกาแฟกันหน่อยครับ 

     

     


     


     

    สีสันสดใส

    ก่อนลงมีข้าวต้มให้กิน ขอถ่ายรูปกับน้องๆ (ถามอายุไปหน่อยจริงๆรุ่นๆเดียวกันแต่ผมหน้าแก่ไปหน่อยเลยเรียกว่าพี่ อิอิ ) ที่ขึ้นมาพร้อมกันหน่อยขออนุญาตเอารูปมาลงแล้ว

     

     

     

    ป้ายครึ่งทาง

    ถ่ายรูปเล่นเรื่อยๆเก็บบรรยากาศรอบๆคัรบ

    เส้นทางที่เรามา

    จากนั้นก็ลงถึงพื้นราบอย่างปลอดภัย ได้เวลาเดินทางกลับ ชำระค่าเสียหาย ค่ารถขึ้นลง อันนี้ไม่ได้ถามราคาก่อน สรุปเป็นว่าเขาคิดผมคนละ 800 บาท ผมสองคนก็โดนไป 1600 บาทครับ จะถูกหรือแพงก็แล้วแต่ลองติดต่อสอบถามกันเอานะครับใครจะขึ้น แต่ว่าพี่ที่พาขึ้นดูแลเทคแคร์ดีมากครับเป็นกันเอง สนุกสนานเหมือนมาเที่ยวกับเพื่อนดีครับ

    มาต่อกันที่อีกจุดของหมู่บ้านสันเจริญ

     

    น้ำออกรู

    ดูดีๆน้ำมันออกมาจากรูจริงๆนะครับ เขาเลยเรียกว่าน้ำออกรู

    จากนั้นก็ยิงยาวกลับเข้าเมือง มาหาขนมหวานร้านป้านิ่มกินหน่อย อร่อยติดใจมารอบก่อนรอบนนี้ย้ายร้านยังต้องตามมากินให้ได้ ไอติมบัวลอยอร่อยมาก มีหลายอย่างแต่ชอบอันนี้มากครับ ใครมาเมืองน่านอย่าลืมแวะมาลอง ขนมหวานป้านิ่มด้วยนะครับ

     

    ออกจากน่านประมาณ บ่ายโมงกว่าๆ รอบนนี้ไม่มีจุดหมายอะไรแล้วยิงยาวอย่างเดียว 

    ถึงแพร่ต้อง แช๊ะ สักภาพ

     

    ปิดท้ายด้วยแสงเย็นระหว่างทางแถวกำแพงเพชรเข้านะครสวรรค์ฟ้าเย็นนี้กสวยไม่แพ้วันก่อน แต่ว่าสายไฟเยอะไปหน่อย

     


     

    แวะกินข้าวอีกมื้อตรงออกจากเลื่องเมืองนครสวรรค์ ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ประมาณ 5ทุ่มพอดี จบทริปมันส์ๆ สองวันสองคืน กับระยะทาง1700 กว่าโล แต่ว่าเหมือนไมล์จะเพี้ยนที่จริงน่าจะวิ่งไม่ถึงเพราะหมดน้มันไปแค่1600กว่าๆ555 ปกติบิดเท่าเดิมค่าน้ำมันน่าจะแซงกิโลมานิดหน่อย แต่ก็คร่าวๆเท่าเดิม โลละ1บาทกับความเร็วไม่เกิน120


    สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆทริปนี้

    ค่าน้ำมัน

    100บาท 3.49ลิตร 230บาท7.97ลิตร 140บาท 4.83ลิตร 100บาท 3.47ลิตร

    160บาท 5.58ลิตร 100บาท 3.51ลิตร 150บาท 5.28ลิตร 235บาท 8.304ลิตร

    100 บาท 3.34ลิตร 150 5.16ลิตร 220บาท 7.70 ลิตร

    ทั้งหมด 1685บาท 58.634ลิตร วิ่งไป 1754โล แต่จริงๆน่าจะแค่1600จากที่กดดูแมบมาตอนวางแผนไมล์มันน่าจะเพี้ยนเพระาเปลี่ยนเสตอเป็น 42 ฟัน

    ค่ารถกระบะสวนยาหลวง 1600

    มื้อเช้าผาผึ้ง 50

    มื้อกลางวัน 100

    มื้อกลางวันกลับ 100

    ป้านิ่ม 50

    มื้อเย็นนครสวรรค์ 100

    และจิปาถะอีกเล็กน้อย รวมทั้งหมดทริปนี้หมดคนละประมาณ 1900 บาท

     

    จบไปอีกหนึ่งทริปอย่างมีความสุข ขี่รถกันอย่างเมามันส์ทั้งวันทั้งคืน แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าจะพาไปเชียงใหม่อีกแล้วจ้า