เราอ่านประวัติวัดคร่าวๆ ซึ่งน่าสนใจมาก วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร เป็น 1 ใน 6 พระอารามหลวงชั้นเอก ตั้งอยู่ใจกลางเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงดำรัสให้สร้างขึ้น ที่ตั้งของวัดที่อยู่กลางพระนครว่ากันว่าอาจทรงได้รับคติจากเมืองนครธม ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีปราสาทบายนเป็นจุดศูนย์กลาง เพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกมาโจมตีได้ วัดสุทัศนเทพวราราม เดิมชื่อ วัดมหาสุทธาวาส ซึ่งรัชกาลที่ 1 พระราชทาน หมายถึง สววรค์ชั้นพรหมโลกชื่อสุทธาวาส ต่อมารัชกาลที่ 3 พระราชทานเป็น วัดสุทัศนเทพธาราม และรัชกาลที่ 4 พระราชทานเป็น วัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งหมายถึงสุทัสสนนครบนเขาพระสุเมรุศูนย์กลางของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ประตูทางเข้าฝั่งเสาชิงช้า ซุ้มประตูทรงยอดจุลมงกุฎหรือพระเกี้ยวแปลง
(พระเกี้ยวหรือจุลมงกุฎเป็นเครื่องหมายราชลัญจกรในรัชกาลที่ ๕)
ศาลาลอยยกพื้นสูงระดับกำแพงวัด ในอดีตเป็นที่ประทับเพื่อทอดพระเนตรพิธีโล้ชิงช้า
ศาลาลอยหน้าบันปูนปั้นลายดอกลายเถาใบไม้
ซุ้มประตูระหว่างกลางแนวพระวิหาร หน้าบันจำลักลายรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ
หน้าพระวิหาร เครื่องศิลาจีนรูปเก๋งจีน
ในวาระที่สมเด็จพระเทพฯ เจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา ได้มรการหล่อพระพุทธรูปปางนาคปรก เพราะว่าวันที่เสด็จพระราชสมภพคือวันเสาร์ พระประจำวันคือพระนาคปรก มีรูปแบบแบบศรีวิชัย โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าพระศรีศากยมุนี มีอักษรพระปรมาภิโธย สธ อยู่ตรงฐานพระนาคปรก
พระศรีศากยมุนี (พระโต) อัญเชิญมาจากพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จ.สุโขทัย เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์พระร่วง ต่อมาวิหารได้พังลงทำให้พระพุทธรูปองค์นี้ตากแดดกรำฝน ดังนั้นรัชกาลที่ 1 จึงทรงมีพระดำรัสให้อัญเชิญมา
ผ้าทิพย์เบื้องหน้าฐานชุกชีพระศรีศากยมุนี บรรจุพระราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรเมทรมหาอนันทมหิดล รัชกาลที่ ๘
เราเดินวนไปวนมาแถวเสาชิงช้า ได้มาวัดทั้งตอนเช้า ตอนเย็น ตอนค่ำ เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ละแวกนี้ของกินอร่อยๆ เยอะมาก ถ้าไล่กินร้านอร่อยจนหมดคงต้องใช้เวลาทั้งเดือน ที่วัดสุทัศนเทพวราราม เวลา 19.00 น. มีสวดมนต์ในพระวิหาร สวดมนต์หน้าพระศรีศากยมุนี โดยมีพระสงฆ์มานำสวด ฆราวาสอย่างเราก็เปิดหนังสือสวดมนต์ตาม ผิดบ้างถูกบ้าง ตามทันบ้าง ไม่ทันบ้าง แต่ก็รู้สึกดี ได้คุยกับคุณลุงข้างๆ คุณลุงบอกว่ามีสวดมนต์ทุกวัน ถ้ามีโอกาสให้มา เพราะคุณลุงสวดมนต์แล้วรู้สึกชีวิตดีขึ้น เรามีโอกาสอันดีมากๆ ที่ได้มาสวดมนต์ร่วมด้วยในครั้งนี้ เป็นการไหว้พระอย่างมีคุณภาพจริงๆ สำหรับส่วนอื่นๆ ภายในวัด ก็มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เราได้ซื้อหนังสือประวัติวัดมาด้วย เล่มละ 80 บาท สิ่งที่เราเขียนอธิบายก็ได้ข้อมูลมาจากหนังสือเป็นหลัก
ด้านหลังพระศรีศากยมุนี
ภาพสลักสมัยทวาราวดีด้านหลังฐานชุกชี เป็นภาพสลักเรื่องพุทธประวัติ ๒ ตอน คือ ปางยมกปาฎิหาริย์ และปางเทศนาโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ด้านข้างพระศรีศากยมุนี
หลวงพี่มานำสวดมนต์
หนังสือสวดมนต์ของวัด เล่มหน้ามาก ตัวอักษรใหญ่ดี
การสวดมนต์จะมีทุกวัน เริ่ม 19.00 น.
หน้าบันหลังคาประธานพระวิหารหลวง แกะสลักไม้ปิดทองประดับกระจกสีกรอบลายกนกเครือวัลย์ ออกช่อเทพพนม กลางกรอบรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ
หน้าบันอันรองลงมา เป็นหน้าบันหลังคามุขพระวิหารหลวง แกะสลักไม้ปิดทองประดับกระจกสีกรอบตรงกลางเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ
ด้านข้างพระวิหาร
ถะรายพระวิหาร เป็นเครื่องศิลาจีนที่เรียกว่า ถะ ตั้งอยู่บนพนักฐานพระวิหารหลวงชั้นที่ ๒ รอบพระวิหารหลวง มีทั้งหมด ๒๘ ถะ
เครื่องศิลาจีนด้านหลังพระวิหารหลวง
ประตูด้านหลังพระวิหารเป็นลายรดน้ำ ฝีมืออันแสนวิจิตร
บานหน้าต่างพระวิหารหลวงประดับกระจกสีเป็นลายแก้วชิงดวงแล้วได้รับการตกแต่งเพิ่มเติมโดยปูนปั้นน้ำมันแบบโบราณเป็นรูปต้นไม้ เขามอ และรูปสัตว์เป็นลายนูนต่ำปิดทองคำเปลว
จิตรกรรมหลังบานประตูด้านหลังพระวิหารเป็นรูปดอกไม้และกิ่งพฤกษามีนกนานาพันธุ์เกาะเกี่ยว