- ท่ามกลางผู้คนมากมายที่พูดคุยหยอกล้อกัน เรากลับรู้สึกดีใจลึกๆ ที่ได้อยู่คนเดียว ไม่ต้องฟังเสียงใคร ได้ยินแค่เสียงของตัวเอง -
- ท่ามกลางผู้คนมากมายที่พูดคุยหยอกล้อกัน เรากลับรู้สึกดีใจลึกๆ ที่ได้อยู่คนเดียว ไม่ต้องฟังเสียงใคร ได้ยินแค่เสียงของตัวเอง -
หลังจากที่ไม่ได้ไปเที่ยวคนเดียวมานาน ก็เริ่มรู้สึกคิดถึงการไปเที่ยวคนเดียวขึ้นมา วางแผนเงียบๆ คนเดียวว่าจะไปภูลังกาก่อนสิ้นปี แล้วก็มีโอกาสเหมาะๆ ช่วงปลายเดือนพย. พอดี
เริ่มออกเดินทางในเย็นวันที่ 28 พย มุ่งหน้าสู่หมอชิต ซื้อตั๋วสมบัติทัวร์ บอกว่าลงเชียงคำ ในราคา 527 บาท เราไปทันรถรอบ 19.00 น. พอดี ขึ้นรถปุ๊บก็หลับยาว รถจอดพักที่ไหนไม่รู้ 20 นาที (คาดว่าจะน่าเป็นพิษณุโลก) แล้วก็เดินทางต่อ มาถึงสถานีขนส่งเชียงคำเวลาเกือบ 06.00 น.
อากาศหนาวๆ กำลังดี 16 องศา เรียกได้ว่าเป็นการสัมผัสอุณหภูมิต่ำสุดครั้งแรกของปี (และคาดว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย 555)
หลังจากแวะทำธุระส่วนตัวและยืนเรียกสติในห้องน้ำอยู่นาน เราก็เปิด google maps เดินไปตลาดสดเป็นอันดับแรก เรื่องปากท้องต้องมาก่อน ระยะทางจากสถานีขนส่งก็ประมาณ 700 m. เดินชิลๆ (แต่ชิลแบบสั่นเพราะอากาศหนาว 55)
การเดินทางขึ้น-ลงภูลังกาสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว
จากกท. มาลงที่สถานีขนส่งเชียงคำ จ.พะเยา จากนั้นก็ต้องรอรถบัสหวานเย็นสายเชียงราย-น่าน ซึ่งมีเพียงวันละรอบเท่านั้น คือ 11.00 น. (ราคา 50 บาท) // ถ้ามาไม่ทันรอบนี้ หรือบังเอิญรถเต็ม หรืออะไรก็แล้วแต่ก็จะมีสองแถวสีฟ้ารับเหมาขึ้นภูลังกาเหมือนกัน (เรื่องราคาไม่แน่ใจเหมือนกันนะ ต้องลองต่อรองเอาเอง) จากขนส่งเชียงคำประมาณ 1 ชม. ก็จะถึงภูลังกา **ควรแจ้งคุณลุงคนขับรถไว้ก่อนว่าพักที่ไหน จะลงตรงไหน ลุงจะได้จอดรถให้ตรงจุด**
ส่วนขากลับก็รอรถสายเดิม เชียงราย-น่าน (บางวันเป็นรถบัสหวานเย็น บางวันเป็นรถตู้สลับกัน) จะผ่านภูลังกาประมาณ 11.00 -12.00 น. ใช้เวลา 1 ชม. เหมือนกัน พอมาถึงขนส่งเชียงคำ ก็นั่งรถเมล์หวานเย็นสีส้ม เชียงคำ-พะเยา ใช้เวลา 2 ชม. (ราคา 50 บาท) ที่ขนส่งพะเยาก็จะมีรถเข้ากท. อยู่หลายบริษัท รวมถึงสมบัติทัวร์ด้วย
มาต่อกันที่การเดินทางของเรา
เนื่องจากเรามีเวลาเหลือเยอะแยะมาก (เกินไป) ความตั้งใจคือจะไปกราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดนันตาราม หลังจากนั้นจะหาร้านกาแฟนั่งอ่านหนังสือชิลๆ รอขึ้นรถเวลา 11.00 น. แต่ในความเป็นจริงคือ ร้านกาแฟเขาเปิดสายๆ กัน เช้าๆ แบบนี้ยังไม่มีร้านให้นั่งชิลเด้อออ 555
วัดนันตาราม เดินตรงไปจากตลาดสดประมาณ 800 ม.
วัดนี้มีวิหารที่สร้างจากไม้สักทั้งหลัง สวยอลังการมาก ลักษณะมีความคล้ายคลึงกับวัดที่พม่าอยู่เหมือนกัน ตอนเช้าๆ แสงยังไม่ค่อยมี เลนส์กล้องก็ดูเบลอๆ ยังไงไม่รู้ ^^*
หลังจากไหว้พระเสร็จก็เพิ่งจะ 9 โมง ร้านกาแฟนั่งชิลเราก็ยังไม่เปิด ก็เลยตัดใจเดินย้อนกลับมาทางเดิม มานั่งรอรถที่สถานีขนส่งแบบเหงาๆ ลุ้นว่ารถจะเต็มมั้ย จะได้ไปต่อรึป่าว บรรยากาศที่สถานีไม่ได้คึกคักมากแต่ก็ไม่เงียบเหงาจนวังเวง
หลังจากนั่งรอคอยด้วยความหวังกว่า 2 ชม. รถเชียงราย-น่านก็มาถึงสถานีในเวลา 11.30 น.
เราจองที่พักกับทางภูลังการีสอร์ท รีสอร์ทอยู่ต้นๆ ทางเข้าหมู่บ้านเลยนะ ลงเป็นคนแรกเลย ส่วนเส้นทางก็ขึ้นลงเขาเล็กน้อย ทางไม่ได้โหดมาก
พอแดดร่มลมตก ก็คว้ากล้องถ่ายรูปออกเดินสำรวจพื้นที่ มีอะไรให้ถ่ายรูปเยอะดี อากาศก็เย็นสบายกำลังดีเลย :)
เดินลงจากที่พักไปสำรวจร้านกาแฟชื่อดังซะหน่อย พรุ่งนี้จะได้ไม่หลง 555
พอแสงเริ่มหมดก็เดินย้อนกลับมาทางเดิม ผ่านร้านกาแฟอีกร้าน ชื่อ ภูลังกา เลอ บาโคนี่ นี่ก็วิวดีไม่แพ้กัน
สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มานั่งรอชมพระอาทิตย์ตก
พอพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ เราก็ข้ามถนนไปอีกฝั่งนึง เก็บภาพบรรยากาศเพิ่มเติม แสงแดดก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามเวลาของธรรมชาติ ยิ่งวิวข้างหน้ามองเห็นเป็นภูเขาสลับซับซ้อนก็ยิ่งสวยจับใจ :)
พอท้องฟ้าสิ้นแสง เราก็เดินกลับที่พัก สั่งอาหารง่ายๆ กับทางรีสอร์ทแล้วก็เข้าห้องพักผ่อน ภาวนาให้พรุ่งนี้ตื่นมาพบกับสิ่งที่หวังไว้
.......................
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอน 05.30 น. งัวเงียมาแอบส่องดูที่หน้าต่างเห็นว่ายังมืดอยู่ก็กลับไปนอนต่อ ในที่สุดหลังจากเลื่อนนาฬิกาปลุกไปกว่าสามรอบก็ดึงตัวเองขึ้นมาจากที่นอน หกโมงเช้าแล้วเห้ย !! ไปแอบส่องดูที่หน้าต่างทะเลหมอกเต็มไปหทดเลยเว้ยยยยยแก ตอนนั้นตื่นเต้นมาก ดีใจที่เช้านี้มีหมอก รีบคว้ากล้อง คว้ามือถือ วิ่งออกจากห้องไปถ่ายรูปอย่างรวดเร็ว เสื้อกันหนาวก็ไม่มี ฟันก็ไม่แปรง หน้าก็ไม่ล้าง 5555
ไปถึงร้านตอน 07.00 น. คนเยอะตามคาด แต่ไม่เป็นไร เพราะวิวที่นี่สวยเด็ดขาดบาดใจมาก
สั่งลาเต้ร้อน 1 แก้ว ราคา 85 บาท กาแฟก็รสชาติโอเค ส่วนวิวระดับมิชลินเลยแหละ :)
สิ่งที่อยู่ในใจตอนนั้นคือคำถาม ว่าในตอนนั้นจะมีใครมีความสุขมากกว่าเรามั๊ยวะ 5555
ยิ่งสายก็ยิ่งสวย แปดโมงกว่าแล้วหมอกก็ยังไม่ไปไหน เห็นวิวแล้วในใจมันฟูฟ่องพองโตยังไงไม่รู้ <3
พอแดดเริ่มแรงก็กลับรีสอร์ทเพื่อกินอาหารเช้า และเก็บของเตรียมตัวเดินทางกลับ
........................
โลกใบนี้มันกลม ว่ากันว่าโลกมักจะเหวี่ยงคนที่มีอะไรเหมือนๆ กัน ให้มารู้จักกัน เมื่อวานระหว่างที่เดินถ่ายรูปอยู่ ก็ได้เจอกับน้องผู้หญิง 2 คนที่แบ็คแพ็คมาเที่ยวเหมือนกัน ความบังเอิญก็คือน้องสองคนเป็นพยาบาลเหมือนกัน (คนนึงเรียนอยู่แต่อนาคตก็พยาบาลแหละ :) ) ความบังเอิญแบบนี้แหละตลกดี
วันนี้ก็เลยนัดกับน้องว่าจะไปนั่งรอรถกลับเชียงคำด้วยกัน เผื่อว่าไม่มีรถหรืออะไรก็จะได้เหมารถลงไปด้วยกันได้ การเดินทางคนเดียวไม่ได้เงียบเหงาไปซะทุกครั้งนะ
นัดเจอกับน้องๆ ที่บ้านทะเลหมอก (น้องมากางเต็นท์นอนที่นี่) มีร้านกาแฟชื่อ Route1148 ร้านนี้ก็วิวสวยไม่แพ้กันเลย พี่เจ้าของร้านก็ใจดีมาก ช่วยดูรถให้ แถมยังเอาน้ำชา เอาส้มมาให้กินฟรีๆ อีก
รถบัสเชียงราย-น่านที่จะลงเชียงคำมาถึงเวลา 12.00 น. พอดี ค่ารถเท่าเดิม คนขับรถคือคุณลุงคนเดิม เพิ่มเติมคือเราหลับมาตลอดทาง 555 (หลับไม่เกรงใจกาแฟทั้ง 2 แก้วเลย)
เราแยกย้ายกับน้องๆ ที่บขส. พะเยา น้องๆ ไปเที่ยวเชียงรายต่อ ส่วนเรากลับบ้าน โดยรวมแล้วทริปนี้เป็นทริปที่ประทับใจมากๆ ดูจากในรูปเราไม่คิดว่าวิวจะสวยขนาดนี้ แต่พอเจอของจริงคือรักเลยอ่ะ ถือเป็นทริปส่งท้ายปีที่จะไม่มีวันลืมเลย
:)