ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
Phu Bakdai : เที่ยวภูบักไดมุมใหม่ ผจญภัย1วันไปกับรถอีแต๊ก ภูบักได จ.เลย
    • โพสต์-1
    Id Suvachart •  กุมภาพันธ์ 17 , 2560

    เริ่มต้นเส้นทางความสุขสุดพิเศษ

    ถ้าพูดถึง ภูบักได ใครที่ไปเที่ยวแล้วไม่ได้ไปเหยียบ "ผาหลอกลวง" ก็เหมือนไปไม่ถึง แต่สำหรับการเดินทาง บางครั้งจุดหมายปลายทางไม่สำคัญเท่าเรื่องราวระหว่างทาง เพราะในครั้งนี้ เราไม่ได้จะพาทุกคนไปผาหลอกลวง แต่เราจะไปจุดชมวิวจุดอื่นกัน ด้วยพาหนะพิเศษ กับเส้นทางสุดพิเศษ ระทึก และ เร้าใจ

    สำหรับทริปนี้ เราเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้ร่วมเดินทางไปกับรายการ หลงรักยิ้ม เส้นทางการเดินทางทั้งหมด จะเป็นการทดลองท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษ 3 ภู จ.เลย ซึ่งจัดโดย เที่ยวชุมชนไปกับคน อพท. ต้องขอบคุณทุกๆคนมากนะคะที่เลือกเราเอาล่ะ มาเริ่มต้นเดินทางกันเลยดีกว่า

    พวกเราออกเดินทางจากที่พักเวลา 8โมงเช้า (โรงแรมวิลล่า เดอพันตา อ.ภูเรือ) มุ่งหน้าสู่ ชมรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนปลาบ่า ต.ปลาบ่า อ.ภูเรือ 1 ชั่วโมง กับเส้นทางคดเคี้ยว ขนาดคนที่ไม่ค่อยเมารถอย่างเราก็ เมาาาาาเละ ลงจากรถตู้อย่างมึนๆ เมาๆ ประมาณ 9 โมงเช้า แล้วเราก็หันไปเห็น ...

    นี้มันคือ รถสปอร์ตประทุน 5 ที่นั่ง หรือ เรียกสั้นๆว่า "รถอีแต๊ก" ก็คนมันไม่เคยเห็น ไม่เคยนั่งมาก่อน เลยรู้สึกว่ามันโคตรเจ๋งมาก หลังจากตื่นเต้นมากๆ ร่างกายน่าจะหลั่งอะดรีนาลีนออกมา หายเมารถไปเลย และก่อนที่เราจะเดินทางกันไปอีกหลายชั่วโมง ขอให้ทุกคนเข้าห้องน้ำที่ชมรมให้เรียบร้อยก่อน ย้ำ!!!! เข้าซ่ะ และฟังคำการแนะนำสำหรับการเดินทางจากเจ้าหน้าที่ด้วยนะ

    • โพสต์-2
    Id Suvachart •  กุมภาพันธ์ 17 , 2560

    ผจญภัย1วันไปกับรถอีแต๊ก แต๊ก แต๊ก แต๊ก แต๊ก​

    รถอีแต๊กเปิดประทุน 5 ที่นั่ง คือ 1 คนขับ และ 4 ผู้โดยสาร  ผู้โดยสารนั่งหน้าได้2 และ นั่งหลังได้2 เลือกกันตามที่ชอบโล้ด แต่ใครอยากหวาดเสียวก่อน แนะนำให้นั่งข้างหลังก่อนเลยจ้า รับประกันความหวาดเสียวแน่นอน แต่คนที่นั่งหน้าไม่ต้องห่วงขากลับรับรองได้ระทึก เร้าใจเหมือนกัน :D

    เริ่มต้นเส้นทางจากถนนพื้นปูนธรรมดา สู่ ถนนดินแดงที่ค่อยๆชัน 


    ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ กรุณานั่งประจำที่ จับที่นั่งให้แน่น ปรับที่นั่งให้ตรง ภายในรถอีแต็กเราปรับสภาพอากาศให้เหมาะสมแล้ว แต่ในกรณีที่เกิดฝุ่นดิน หน้ากากออกซิเจนจะไม่หล่นลงมาอัตโนมัติ ขอให้ท่านหยิบหน้ากากกันฝุ่นขึ้นมา สวมหน้ากากครอบปากและจมูกของท่าน ดึงสายรัดให้ตึง และหายใจตามปกติ

    จุดแวะพักแรก แนวกันไฟกินได้ เนื่องจากพื้นที่เป็นป่า สามารถเกิดไฟป่าได้บ่อย ชาวบ้านจึงช่วยกันสร้างแนวกันไฟ จากเดิมคือการถากหน้าดินให้เป็นพื้นที่โล่งกว้าง พัฒนามาเป็นการปลูกผักเป็นแนวกันไฟ ที่สร้างประโยชน์และเพิ่มรายได้ให้ชุมชน

    พื้นที่แนวกันไฟกินได้ส่วนที่พวกเราเข้าไปเป็นพื้นที่ดูแลของ"พ่อปาม" พ่อปามอนุญาตให้พวกเราเก็บผักเพื่อนำขึ้นไปทานเป็นมื้อกลางวันได้ ใครอยากกินอะไรเก็บกันตามสบาย แต่ช่วยเก็บกันอย่างพอเหมาะนะคะ

    หลังจากเก็บผักกันเสร็จเรียบร้อย แวะล้างผักกันตรงลำธารใกล้ๆ นี้ลำธารต้นน้ำที่ทุกคนที่นี้ช่วยกันดูแล  ไหลเย็นใสสะอาดล้างผักแล้วก็กรอบอร่อยมาก เอาล่ะ หยิบหน้ากากกันฝุ่นขึ้นมาแล้วก็เตรียมตัวเดินทางกันต่อได้เลย 

    • โพสต์-3
    Id Suvachart •  กุมภาพันธ์ 17 , 2560

    และที่เธอเห็นแค่ฝุ่นมันเข้าตา ฉันไม่ได้ร้องไห้

    จากแนวกันไฟกินได้ ทางเริ่มจะสูงชันมากขึ้น ขุรขระมากขึ้น ฝุ่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน เยอะมาก (ช่วยเปิดเพลงทางของฝุ่นของอะตอมประกอบไปด้วย) แต่ขอบอกเลยว่าถ้าหัวไม่แดงก็มาไม่ถึงถูบักไดนะเออ!!!!

    ตอนนี้ยังนั่งหลังกันไปชิลๆ แต่หลังจากนี้จะไม่ชิลแล้วจ้า

    พอทางเริ่มชันบวกกับถนนขุรขระ การถ่ายรูปเริ่มเป็นไปอย่างลำบาก มือขวาจับรถ มือซ้ายจับกล้อง รถก็สั่น ถ่ายไป20 คุณพระ!!!ชัดแค่ 1รูป ฝุ่นก็เยอะ ชีวิตทุลักทุเล โอ็ยเก็บกล้อง แล้วนั่งดูวิวชิลๆดีกว่า 5555 

    เสียง แต๊ก แต๊ก แต๊ก นอกจากจะเป็นเสียงของรถแล้ว เราคิดว่าน่าจะเป็นเสียงก้นของเราที่กระแทกกับรถด้วย 

    ขอบคุณรูปจากพี่ปืนค่า นานๆทีจะมีรูปคู่กับเพื่อน แต่ก็ใส่หน้ากากกันฝุ่น ใส่แว่นกันแดด แล้วจะดูออกมั๊ยเนี่ยว่าเป็นใคร ดีนะที่ไม่ใส่หมวกด้วย

    หลังจากนั่งชิลชมวิว ผสม การโดด เด้ง ไปมา บนรถอีแต๊กเบาๆ ทางชันขึ้น เราก็เริ่มกรีดร้อง คือวิวมันสวยแต่ก็สูงจนหวาดเสียว ในรูปถ่ายดูไม่ชันมาก แต่ของจริงชันมาก!!!! นึกว่านั่งรถไฟเหาะ จนผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เราจะถึงจะถึงสถานีป้องกันไฟป่าและที่นี้เราสามารถแวะเข้าห้องน้ำได้เป็นจุดสุดท้ายแล้วววว

    พร้อมแล้วก็มาลุยกันต่อ ขึ้นเขา ผ่านป่า ผ่านดง ข้ามน้ำ ไต่หิน 

    รวมระยะเวลา 2 ชั่งโมงตั้งแต่ชมรม แล้วพวกเราก็ขึ้นมาถึงจุดชมวิว ก่อนจะลงจากรถอีแต๊ก ก็มีดอกไม้มาต้อนรับด้วย :D

    ขอบคุณรูปจากลุงไถ่ด้วยนะคะ :D


    เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง พักทานอาหารกลางวันกันก่อน ปิ่นโตวันนี้มี ข้าวเหนียวห่อใบตอง หมูย่าง ไข่ต้ม น้ำพริก ผักสดที่เก็บมา และที่มีเสน่ห์ที่สุดคือการทำต้มยำไก่ด้วยกระบอกไม้ไผ่ มั่วแต่กินมือเลอะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย ถ้าใครอยากเห็นก็ลองขึ้นไปเที่ยวกันนะคะ 

    พอทานกินอื่มเรียบร้อย พ่อปามก็พาทุกคนเดินลัดเลาะแนวผา ช่วยกันปืนปายขึ้นหินก้อนใหญ่เพื่อขึ้นไปชมวิว 

    บนก้อนหินจุดชมวิวเราจะมองเห็นแนวเขาก้อนเล็กก้อนใหญ่สลับกันไปมา ถึงจะเป็นวันที่อากาศไม่ดี แต่แค่เราได้ขึ้นไปนั่งสูดอากาศก็คุ้มมากแล้ว
      ปลายก้อนหินใหญ่ที่แอบมีความหวาดเสียว แต่พอมองจากอีกมุม มีความเป็นผาหลอกลวงอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แต่จะลงไปห้อยตัวแบบผาหลอกลวงไม่ได้หรอกนะ โอ็ยหวาดเสียว  ขอบคุณรูปจากพี่ปืนและลุงไถ่ด้วยค่า

    ปืนลงจากหิน ไปนั่งพัก ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ ห้องน้ำข้างบนเป็นห้องน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่เลือกหามุมเข้ากันได้ตามสบายเลย ซอกหิน ต้นไม้ ได้หมด ระหว่างที่ยืนรอเพื่อนๆอยู่ พ่อปามก็หันมาคุย แล้วก็ถามว่า

    "ชอบดูกล้วยไม้ไหม"

    ว่าแล้วก็เดินตามพ่อปามไป ลัดเลาะกิ่งไม้ ปืนขึ้นหิน หลบต้นไม้ พ่อปามบอกว่าบนนี้มีกล้วยไม้เยอะมาก จะออกดอกสลับกันไป แล้วพวกเราก็โชคดีเดินมาเจอ ... 

    เอื้องชะนี แต่เป็นเอื้องชะนีที่หล่นมาจากต้นไม้ใหญ่  เป็นโชคดีของเราเพราะถ้าอยู่บนต้นไม้เราคงไม่เห็นชัดขนาดนี้ หรือจะเป็นโชคร้ายของเอิ้องชะนีที่หล่อนลงมา T__T แต่พ่อปามบอกว่า ตอนนี้เค้าได้เกาะหินแล้ว สบายใจได้ เค้าน่าจะอยู่รอดปลอดภัย และออกดอกสวยงามต่อไป สู้ต่อไปนะเจ้าเอื้องชะนี 

    ออกเดินหากันต่อไป ปืนก้อนหินกันอีกก้อน แล้วก็เจอ ....

    อยู่ต่อเลยได้มั๊ย~ พี่สิงโตก็มา
    กลุ่มของสิงโตรวงข้าว แต่ส่วนใหญ่ร่วงกันไปเกือบหมด เกือบจะถอดใจเดินกลับ แต่แล้วสายตาของพ่อปามก็หันเข้าไปในเงามืดที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้รก แล้วพวกเราก็ได้เจอกับ สิงโตรวงข้าวที่สมบูรณ์ :D

    และแล้วก็ได้เวลาเดินทางลงจากภูบักได ระหว่างทางเราได้แวะเส้นทางเดินป่าฟังเรื่องราวของการอนุรักษ์ป่าไม้และธรรมชาติ การร่วมมือปลูกป่าทดแทน ของชุมชนชาวปลาบ่า และออกเดินตามหาปูหิน หรือ ปูเจ้าพ่อหลวง 

    เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ค้นพบปูชนิดใหม่ของโลก เป็นปูน้ําจืดตัวใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ บริเวณภูหลวง อําเภอวังสะพุง จังหวัดเลย โดย ศาสตราจารย์ ไพบูลย์ นัยเนตร ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ 

    จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทําหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอัญเชิญพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นนามปูน้ําจืดชนิดใหม่ของโลก โดยเรียกชื่อวิทยาศาสตร์ของปูที่พบใหม่ว่า Potamon bhumibol ชื่อไทยว่า ปูเจ้าพ่อหลวง มีชื่อสามัญว่า Giant Mountain Crab และได้รับพระบรมราชานุญาต เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2543.....ลักษณะเด่นของปูเจ้าพ่อหลวงมี 3 สี คือ สีน้ําตาลเข้ม สีม่วง และสีส้ม โดยกระดองจะเป็นสีน้ําตาลเข้ม ขาเดิน 4 คู่ และขาก้ามทั้งสองข้างเป็นสีน้ําตาลเข้ม ยกเว้นด้านในของก้ามหนีบอันล่างเป็นสีม่วง และปลายก้ามหนีบทั้งสองข้างเป็นสีส้ม เป็นปูน้ําจืดตัวใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

    แล้วเราก็เดินทางกลับลงมาที่สถานีป้องกันไฟป่าอีกครั้ง พักเข้าห้องน้ำ และชมวิวยามเย็น

    เอาล่ะจับที่นั่งของท่านให้แน่น เราจะออกเดินทางกันต่อแล้ว

    นั่งชมพระอาทิตย์ตกตลอดเส้นทางกลับ

    จบการเดินทางแล้ว ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางทุกคน และพี่ๆจากชุมชนปลาบ่าที่คอยดูแลพวกเราอย่างดี ถึงจะเป็นทริปทดลองเที่ยวแต่ก็สนุกและประทับใจมาก และโปรแกรมทั้งหมดอาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปจากนี้บ้าง เพื่อให้เหมาะสมกับเวลาและการเดินทางตามฤดูกาล

    รูปภาพอื่นๆสามารถเข้าไปชมได้ใน Instagram และค้นได้จาก #ภูบักได #เที่ยวชุมชนไปกับคนอพท2560

    หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยเปิดเส้นทางใหม่ให้นักผจญภัยขาลุยทุกคน ภูบักได คุณค่าที่สายลุยคู่ควร 

    • โพสต์-4
    Id Suvachart •  กุมภาพันธ์ 17 , 2560

    ส่งท้ายความประทับใจ

    จุดเด่นที่ทำให้ชุมชนแห่งนี้น่ารักและน่าประทับใจสำหรับเรา อยู่ตรงพี่ๆเค้าไม่ได้ทำให้มันเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างเต็มตัว ทุกๆอย่างยังคงเป็นวิถีชาวบ้านมากๆ อย่างรถนำเที่ยว ก็เป็นรถอีแต๊กของคนในชุมชน ที่ใช้ในการเกษตรจริงๆ คนขับคนนำเที่ยวก็คือคนในชุมชนที่ว่างจากการเกษตร มีการกำหนดและควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวให้เหมาะสม
    และทุกคนช่วยกันดูแลทรัพยากรอย่างเต็มที่เพราะนอกจากจะเป็นบ้านของพวกเค้า แต่ที่นี้ยังเป็นชุมชนต้นน้ำ 

    พ่อปามเล่าให้ฟังว่า เนื่องจากพวกเค้าคือคนต้นน้ำ พื้นที่แนวกันไฟกินได้ และพื้นที่เกษตรส่วนใหญ่ จะพยายามไม่ใช้สารเคมี เพราะกลัวสารเคมีจะลงไปปนเปื้อนกับแหล่งน้ำที่จะไหลไปสู่ คนกลางน้ำและคนปลายน้ำ ฟังแล้วจากที่ทุกคนเล่าจะรับรู้ได้เลยว่า พวกเค้าภูมิใจกับบ้านของเค้ามาก :D

    ขอให้วิถีชีวิตเดิม การเกษตร การท่องเที่ยวอยู่คู่กันไปอย่างยั่งยืน อย่าให้ธุรกิจการท่องเที่ยวกลืนกินสถานที่แห่งนี้ 

    • โพสต์-5
    Id Suvachart •  กุมภาพันธ์ 17 , 2560

    การเตรียมตัวและคำแนะนำ

    เตรียมตัวสำหรับทริป 1 วัน
    - น้ำดื่ม 
    - หน้ากากกันฝุ่น***
    - แว่นตากันแดด หรือ หมวกกันแดด
    - รองเท้าที่พร้อมลุย ปืนปาย
    - กระเป๋าใส่ของที่พร้อมจะเลอะฝุ่น กล้องก็เช่นกัน
    - ยารักษาโรค 
    - กระดาษ หรือ กระดาษเปียก 
    - กำลังกายประมาณนึง แต่ไม่ถึงกับต้องมีกล้ามใหญ่โตแรมโบ้
     

    คำแนะนำ
    - ถ้าใครสนใจ สามารถติดต่อไปได้ที่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนปลาบ่า เบอร์ 095-6587113 
    - การจัดโปรแกรมเดินทางและกิจกรรมสามารถปรึกษาที่พี่ชุมชนปลาบ่าได้เลยค่า
    - เห็นนั่งรถแบบนี้ เหมือนจะสบายแต่ใช้พลังงานเยอะมากในการยึดเกาะตัวรถ เพลียแดด หัวแดง และเจ็บก้น
    - สำหรับการเที่ยว 1 วัน ตามโปรแกรมข้างบน ใช้พลังงานสูงมาก ค่อนข้างเหนื่อย ใครที่คิดจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ แนะนำให้นอนพักที่ตัวอำเภอก่อน แล้วค่อยเดินทางไปที่อื่นในวันถัดไป
    - ถ้าใครมีเวลาหลายวัน แนะนำให้กางเต๊นท์นอนอยู่ข้างบนเลย แล้วค่อยเดินทางลงวันถัดไปจ้า